สวรรค์ : บัลลังก์พิพากษา
ขณะนี้ข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์พิพากษา ทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้ก็เริ่มพยายามจะขยับตัวเพื่อไปอยู่ในส่วนที่คนอื่นเขายืนกัน แต่เสียงอันหนักแน่นขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังขึ้น “เจ้าจงยืนอยู่ตรงนั้น และมองดูสิ่งที่เราจะให้เจ้าเห็นกับตา เจ้าสามารถนำความเหล่านี้ไปบอกผู้คนได้ถึงสิ่งที่เจ้ามองเห็น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส… ในขณะที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์มองเห็นเพียงเบื้องหลังพนักพิงของบัลลังก์ที่ใหญ่โตและน่าเกรงขามสะท้อนออกมา เท้าก็อ่อนแรงด้วยเหตุที่ใจภายในยำเกรงและสั่นกลัวว่าตนเองยืนอยู่ผิดที่ผิดทาง เนื่องจากครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยมาที่หน้าบัลลังก์นี้แล้ว แต่การมาครั้งนั้นข้าพเจ้าได้ยืนอยู่เบื้องล่างต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแบบตัวต่อตัวและรายล้อมไปด้วยบรรดาทูตสวรรค์ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เวลานี้สิ่งที่ตาเห็น บวกกับใจที่สั่นคร้ามภายใน ทำให้ร่างกายทรุดลงถึงดิน ขาที่เปลี้ยด้วยหมดแรง ทูตสวรรค์ 2 ตนเข้ามาประคองแขนข้าพเจ้าให้ลุกขึ้นยืนและกล่าวข้างหูเบาๆ ว่า “อดทนไว้ และมองดูทุกรายละเอียดให้มากที่สุด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะเปิดเผยกับท่าน”… ข้าพเจ้าใช้เวลาสักครู่ในการพยายามวางความกลัวลง และพยายามพยุงตัวให้ยืนให้มั่น แต่ถึงกระนั้นขาก็ยังคงเปลี้ย ทูตสวรรค์ทั้ง 2 ยังคงพยุงแขนทั้ง 2 ข้างของข้าพเจ้าทั้งซ้ายขวา จนกระทั่งขาข้าพเจ้าเริ่มมาเรี่ยวแรงมากขึ้นๆ พอจะพยุงตัวเองอยู่ ข้าพเจ้าพยายามสอดส่ายสายตากวาดมองไปรอบๆ และเก็บรายละเอียดในองค์ประกอบต่างๆ ที่ตาเห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ภายในรับรู้ได้ทันทีว่ากำลังที่ทำให้สามารถยืนอยู่ได้ในขณะนี้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับอยู่เบื้องหน้าของข้าพเจ้า ใจภายในภาวนาแต่เพียงว่า “นี่แค่ด้านหลังยังขนาดนี้เลย โอ้ววว ช่วยข้าพระองค์ด้วย โปรดเถิด โปรดด้วย อย่าปล่อยข้าพระองค์ไว้” สิ่งที่เห็นเป็นดังนี้ ผู้คนจำนวนมากใส่ชุดสีขาวโพลนดูสว่างไสวสวยงามไปหมดยืนอยู่เต็มพื้นที่เบื้องล่างหน้าบัลลังก์ ความขาวนั้นสะท้อนออกมา แวววาวระยิบเป็นประกายสีขาวสว่างไสว ดั่งมีเรืองแสงได้ด้วยตัวมันเอง ข้าพเจ้าพยายามเปรียบเทียบความขาวเหล่านี้จากโลก แต่ก็หา ใดๆ ในโลกมาเปรียบเพื่ออธิบายก็ไม่ได้ ความขาวสว่างไสวของชุดที่แต่ละคนใส่ไม่เท่ากัน… Read More »