Tag Archives: บทความคริสเตียน

วิถีแห่งพระพรที่ยืนยาว

ผลประโยชน์ที่ล่อแหลมก็เปรียบเหมือนการกินเนื้อส่วนที่ไหม้ คิดว่า “ไม่เป็นไร” “เพราะเสียดาย” แต่มันจะค่อยๆ สะสมและส่งผลในบั้นปลาย ทำให้สุขภาพย่ำแย่ ตัดทอนอายุที่ยืนยาวให้สั้นลง บั่นทอนสุขภาพ ด้วยโรคร้าย เช่นมะเร็ง ต้องใช้ชีวิตแบบเก็บกินผลแห่งความเสียดายในสิ่งที่ไม่ควร และไม่คุ้ม ชีวิตคริสเตียนก็เช่นกัน หลายครั้งตนเองบั่นทอนพระพรที่ควรได้รับอย่างเต็มขนาดและเต็มจำนวน ให้เหลือเพียงแค่ส่วนเดียว หรือเสี้ยวเดียว หรืออาจไม่ได้รับเลย … อันเนื่องจาก เสียดายผลประโยชน์บางเรื่อง บางอย่าง ที่ขัดกับพระวจนะและน้ำพระทัยพระเจ้า การดำเนินชีวิตมักสอดคล้องกับสิ่งที่ได้รับเสมอ คริสเตียนจำนวนมากปรารถนาพระพรอย่างเต็มล้น แต่ไม่ค่อยระมัดระวังการรักษาชีวิต และ การตัดสินใจ เลือกกระทำ หรือไม่กระทำ เลือกมีส่วนร่วม หรือไม่ควรมีส่วนร่วม … บางครั้ง การดำเนินชีวิตก็ขัดแย้งกับเงื่อนไขพระพรของพระเจ้า โดยหลงลืมไปว่า พระเจ้า ทรงเป็นเอกภาพ ไม่ทรงขัดแย้งในพระองค์เอง ทั้งด้านพระลักษณะหรือพระสัญญาก็ตาม ดังนั้นการรักษาชีวิตและใคร่ครวญ ในแต่ละย่างก้าว จึงเป็นเรื่องที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญอย่างมาก บางสิ่งอาจรับผลในระยะเวลาอันสั้น แต่บางสิ่งดูเหมือนไม่เป็นไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจจะเห็นผลในบั้นปลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลแห่งการหว่านย่อมเกิดขึ้น อย่างแน่นอน เพราะนี่คือ กฎพื้นฐานแห่งการทรงสร้างของพระเจ้าบนโลกนี้   วิถีแห่งพระพรที่ยืนยาว   1.… Read More »

การชันสูตรใจจากพระเจ้า

เมื่อเราเข้ามาหาพระเจ้า สิ่งแรกที่จะทรงทำ คือ ชันสูตรใจภายใน!!! *ไม่มีสิ่งใดปิดซ่อนจากพระเนตรพระกรรณพระเจ้าพ้น แต่น้ำหนัก ณ ตอนนั้น ที่พระเจ้าทรงให้ คืออะไรต่างหาก หาใช่ว่าจะทรงปล่อยผ่าน!!! ~ บ้างได้รับกำลัง ~ บ้างได้รับการเยียวยา ~ บ้างได้รับคำตอบ ~ บ้างได้รับปัญญา ~ บ้างได้รับการรักษา ~ บ้างได้รับพระพร ~ บ้างได้รับความเข้าใจ ~ บ้างได้พักสงบ ~ บ้างได้รับการตักเตือนจากองค์พระวิญญาณ ~ บ้างได้รับการปลอบประโลม . . . จะได้รับสิ่งใดก็ตาม นั่นเพราะ พระเจ้าทรงให้น้ำหนัก ณ ตอนนั้น แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะตามมา เพราะพระเจ้าไม่นิ่งเฉยที่จะตอบแทนทั้งความชอบธรรม และความอธรรม ส่วนของความชอบธรรม – พระองค์จะทรงอวยพรเป็นรางวัล – จะเพิ่มพูน ขยายชีวิตให้เติบโต – จะคืนส่วนที่สูญเสีย และได้รับความไม่เป็นธรรม – จะทรงนับว่า “ชอบธรรม” ส่วนของความอธรรม… Read More »

Present No Past ปัจจุบันกาล

จงทำให้ชีวิตของเรา เป็นเรื่องของวันนี้ เพื่อจัดเตรียม สู่พรุ่งนี้ และ อนาคตนิรันดร ไม่ใช่เรื่องในอดีต เดมาสก็เคยรักพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้ได้หลงรักโลกไปเสียแล้ว 2 ทิโมธี 4:10 เพราะว่าเดมาสหลงรักโลกนี้ และทิ้งข้าพเจ้าไปยังเมืองเธสะโลนิกาแล้ว ส่วนเครสเซนส์ไปที่แคว้นกาลาเทีย ทิตัสไปที่แคว้นดาลมาเทีย หลายสิ่งในอดีตเคยดีงาม แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป กลับถอยหลังหรือย่ำแย่ลง อย่าลืมว่า วันเวลาที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ย่อมมีวาระ มีสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนไปและพัฒนาการขึ้น ในขณะที่บางคนหรือบางสิ่งเพียงแค่หยุดอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาไปตามกาลเวลา หรือวาระที่เดินไปข้างหน้า ย่อมทำให้ตนเองหรือสิ่งเหล่านั้นถดถอยลง อย่างไม่รู้ตัว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า จากเดิม มีความใหญ่ มีความแข็งแรง มีความอึดและทน แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านี้ ปรับเปลี่ยนแปลงเป็นความรวดเร็วตอบสนองความสะดวกสบาย ในขณะที่ผู้พัฒนาสินค้าให้เหมาะกับยุคสมัย แต่ยังคงรักษา concept เดิม คงความแข็งแรง ความอึด ความทนไว้ได้ ย่อมได้เปรียบกว่า อย่ายอมปล่อยให้ชีวิตของตน เป็นเรื่องของในอดีต หมายถึง ในอดีตเคยดีแต่ปัจจุบันกลับถดถอย หรือหลงลืมซึ่งสิ่งที่เคยดีในอดีตไปเรียบร้อยแล้ว อันเนื่องจากไม่ได้รักษาสิ่งดีอันนั้นไว้ หรือว่าพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง… Read More »

มากที่ปรึกษา

การมากที่ปรึกษาโดยที่ตนเองปราศจากรากฐานของพระคำ ย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้อวดรู้ และฟาริสี มากที่ปรึกษา คือ การเสริมสร้างส่วนที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ไม่ใช่การว่างเปล่าแบบไม่มีอะไรเลย แม้แต่กรอบล้อมรั้วชีวิตตน หากเป็นเช่นนั้น… จงนำความไปปรึกษาพระเจ้า พระองค์มีวิธีการสอนเราแต่ละคนอย่างแน่นอน เพราะทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่และประทับอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น … ขันทีที่อ่านพระคำอิสยาห์ไม่เข้าใจ พระเจ้าจึงส่งฟีลิปมา เพื่อเสริมสร้างเขา = พระเจ้าไม่ละทิ้งและปล่อยให้ผู้ที่แสวงหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ต้องขาดสิ่งใดๆ โดยเฉพาะความเข้าใจในพระคำ กจ.8:26-40 26 แต่ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งฟีลิปว่า “จงลุกขึ้น ไปยังทิศใต้ตามทางที่ลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงกาซา” (ซึ่งเป็นทางเปลี่ยว) 27 ฟีลิปก็ลุกไป และนี่แน่ะ มีขันทีชาวเอธิโอปคนหนึ่ง เป็นข้าราชการของพระนางคานดาสีพระราชินีของชาวเอธิโอป และเป็นนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินีองค์นั้น ท่านมานมัสการที่กรุงเยรูซาเล็ม 28 ขณะนั่งรถม้ากลับไปนั้น ท่านกำลังอ่านหนังสืออิสยาห์ผู้เผยพระวจนะอยู่ 29 พระวิญญาณตรัสสั่งฟีลิปว่า “จงเข้าไปชิดรถม้าคันนั้นเถิด” 30 ฟีลิปจึงวิ่งเข้าไปใกล้ และได้ยินท่านอ่านหนังสืออิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ จึงถามว่า “ท่านเข้าใจสิ่งที่อ่านหรือไม่?” 31 ขันทีจึงตอบว่า “ถ้าไม่มีใครอธิบาย จะเข้าใจได้อย่างไร?” ท่านจึงเชิญฟีลิปขึ้นไปนั่งบนรถม้ากับท่าน 32 พระคัมภีร์ตอนที่ท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อเหล่านี้ “ท่านถูกนำไปฆ่าเหมือนอย่างแกะ ลูกแกะนิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันอย่างไร… Read More »

เสาเมฆและเสาเพลิง

พระเจ้าทรงนำอิสราเอลประชากรของพระองค์ด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน ในถิ่นทุรกันดารที่เริ่มต้นออกจากอียิปต์มุ่งสู่แผ่นดินคานาอัน เมื่อมีการนำของพระเจ้าอิสราเอล รื้อถอน เต้นท์ที่พักของตนเอง เพื่อเคลื่อนไปตามการทรงนำของพระเจ้าในทันที แต่เมื่อไม่มีการทรงนำของพระเจ้า พวกเขาพักและดื่มกินอยู่ในบริเวณนั้น โดยที่สายตาจับจ้องไปที่เสาเมฆและเสาเพลิงอยู่เสมอ เพื่อจะไม่พลาดจากการทรงนำของพระเจ้า การทรงนำของพระเจ้าจะชัดเจนโดดเด่น เพื่อให้ประชากรของพระองค์เห็นอย่างชัดเจน เพื่อทำให้เห็นหนทางการตอบสนองพระเจ้าอย่างชัดเจน เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความชัดเจน ไม่ทรงคลุมเครือ … ดังนั้นการทรงนำของพระองค์ก็เช่นกัน จะทรงนำอย่างชัดเจน เพียงแต่คนของพระเจ้า ต้องจับจ้องและจดจ่อไปที่เสาเมฆและเสาเพลิงนั้น หมายถึงการทรงนำนั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่ว่าจะมืดหรือสว่าง พระองค์ทรงมีวิธีและหนทางในการทรงนำให้แก่เรา อพยพ 13:21-22 21 พระยาห์เวห์เสด็จนำทางพวกเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และในเวลากลางคืนด้วยเสาเพลิง ให้พวกเขามีแสงสว่างเพื่อจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 22 พระองค์ไม่ได้ทรงให้เสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืนคลาดจากเบื้องหน้าประชากรเลย   เสาเมฆและเสาเพลิง 1.    อิสราเอลเคลื่อนย้ายตนเองอย่างทันที เมื่อมีการทรงนำของพระเจ้ามาถึง พวกเขาไม่อิดออด ไม่บิดเบือน ไม่ต่อรอง หรือไม่ยืดเวลาออกไป ลักษณะการสร้างเต้นท์เพื่ออยู่อาศัยของพวกเขา จึงต้องพร้อมเสมอสำหรับการเคลื่อนย้าย… การดำเนินชีวิต ของเราเองก็เช่นกัน ควรเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อการทรงนำของพระเจ้ามาถึงเรา อย่างเจาะจง ควรพร้อมในการก้าวและเคลื่อนไปกับพระเจ้าอย่างทันท่วงที อย่าพยายามสร้างสิ่งใดที่สามารถถ่วงหรือหยุดตนเองเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองพระเจ้าอย่างทันที หรือต้องยืดเยื้อออกไป รวมไปถึงการผ่านเลยที่จะไม่ตอบสนองพระเจ้า 2.    เมื่อไม่มีการทรงนำของพระเจ้า… Read More »

วิถีของนก

นกไม่กลัวฝน ในยามที่ฝนตก มันจะเกาะกิ่งไม้ และ ทำความสะอาดขนของมัน พร้อมทั้ง รับความชุ่มฉ่ำ จากสายฝน แต่หากฝนตกหนัก ลมแรง นกจะบินไปหาที่หลบซ่อน แล้วรอจนกว่าฝนจะซาลง เพื่อออกมาเล่นน้ำฝน รับความสดชื่นชำระล้างปีกของมัน ไซร้ตามซอก รายละเอียดของปีกให้สะอาด นกไม่พร่ำบ่นเวลาแห้งแล้ง เมื่อถึงเวลาที่ ที่ประจำของมันแห้งแล้ง ไม่มีอาหารจะกิน หรือ ไม่เพียงพอ มันจะย้ายถิ่น เพื่อหาอาหารดำรงชีวิต มันไม่พร่ำบ่นต่อสิ่งเลวร้าย หรือ แย่ๆ แล้วทนอยู่ตรงนั้น แต่มันจะขวนขวายออกหาที่ใหม่ๆ ที่มีอาหาร เพียงพอต่อการดำรงชีพของมัน วิถีของนก 1.    มันไม่บ่นพร่ำเพรื่อ มันมีชีวิตอย่างมีสุขได้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อม ของมันเอง •    เมื่อใดก็ตามที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย >> มันจะเพิ่มความขยัน เพื่อหาแหล่งใหม่ๆ ในการดำรงชีพของมันเอง •    เมื่อใดก็ตามที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย >> มันจะใช้ชีวิตแบบชิวๆ เพื่อเก็บกินสิ่งเหล่านั้นด้วยความสวยงาม •    เสียงนกร้องจึงเป็นเสียงแห่งความไพเราะของธรรมชาติ อีกทั้งยังสะท้อนถึงสภาพ รอบๆ ด้วยซ้ำ 2.    มันไม่จำกัดตนเอง… Read More »

วิถีชีวิตกำหนดพระพร

•    มีคนจำนวนมากที่เชื่อพระเจ้า แต่มีคนจำนวนน้อยที่เชื่อฟังพระเจ้า •    มีคนจำนวนมากอ่านพระคัมภีร์  แต่มีคนจำนวนน้อยที่ทำตามพระคัมภีร์ •    มีคนจำนวนมากอยากได้รับการอวยพร แต่มีคนจำนวนน้อย ที่ดำเนินชีวิต ให้เข้าเงื่อนไขพระพร •    มีคนจำนวนมากไม่อยากถูกแช่งสาบ แต่มีคนจำนวนน้อยที่ดำเนินชีวิต ไม่เกี่ยวข้องกับคำแช่งสาป การไม่ได้ระวังรักษาชีวิตเป็นอย่างดี การทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หรือการดำเนินชีวิตโดยขาดการยั้งคิด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อพระพร ทั้งด้านปริมาณ และด้านคุณภาพ พระพรด้านปริมาณ หมายถึง จำนวนพระพร ความถี่ของพระพร พระพรด้านคุณภาพ หมายถึง ขนาดของพระพรที่ได้รับเมื่อเทียบกับพระสัญญา หมายรวมถึง ความครบถ้วนทั้งด้านกายภาพ จิตใจ และจิตวิญญาณ มัทธิว 13:1-9 1 ในวันนั้นพระเยซูเสด็จจากบ้านไปประทับที่ชายทะเลสาบ 2 มีมหาชนมาหาพระองค์ พระองค์จึงเสด็จลงไปประทับในเรือ และฝูงชนทั้งหมดก็ยืนอยู่บนฝั่ง 3 แล้วพระองค์ก็ตรัสกับเขาทั้งหลายเป็นอุปมาหลายเรื่อง เป็นต้นว่า “นี่แน่ะ มีผู้หว่านคนหนึ่งออกไปหว่านพืช 4 และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย 5 บ้างก็ตกในที่ซึ่งมีพื้นหิน มีเนื้อดินน้อย จึงงอกขึ้นอย่างเร็วเพราะดินไม่ลึก 6… Read More »

ความมั่งคั่งแบบซาโลมอน

แท้ที่จริงซาโลมอนได้เปรียบกว่าใครๆ เพราะว่าดาวิดผู้เป็นบิดาได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆ ไว้ให้แก่เขาอย่างดีพร้อม ใครๆ ก็อยากเป็นแบบซาโลมอน มีมากมาย มีใหญ่โต จนกระทั่งไม่มีใครเปรียบเทียบได้ แต่เพราะความขี้อวดของซาโลมอน ทำให้เขาล้มลงและพลาดพลั้งให้กับสิ่งที่ไม่สมควร ความร่ำรวยของซาโลมอน แลกมาด้วยการหันหลังให้กับพระเจ้า มีภรรยามากมาย เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งและมั่นคงของตนเอง โดยลงลืมไปว่า… สิ่งทั้งหมดทั้งมวลที่เขามี มาจากการอวยพรของพระเจ้า และการจัดเตรียมเป็นอย่างดีของบิดาที่ส่งต่อให้แก่เขา หลายคนอยากมั่งคั่งแบบซาโลมอน หมายถึง อยากร่ำรวยและพยายามอวดตนเอง present ตนเองและสิ่งที่มีให้ทุกคนเห็น สิ่งเหล่านี้มักเต็มไปด้วยความหยิ่งและผยองจากภายใน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยการล่อหลอกให้หลงจากภายนอก อับราฮัมก็มั่งคั่ง แต่เขาไม่เคยอวดในสิ่งที่เขามี โยเซฟก็ร่ำรวยเป็นรอง แค่ฟาโรห์เพียงองค์เดียว แต่เขาก็ไม่เคยอวดในสิ่งที่เขามี ความแตกต่างของคนขี้อวด มักยกตนเองขึ้น แต่คนที่ถ่อมลง แม้มีมากขนาดไหน เขาก็ถวายเกียรติแด่พระเจ้า เหตุนี้เองจึงไม่พระพรของพระเจ้าไปจากชีวิตของเขา จะมีประโยชน์อันใดหากความร่ำรวยที่ตนเองมี ทำให้หลงลืมพระเจ้า สุดท้ายโซโลมอนได้แต่เพียงพูดว่า “อนิจจัง อนิจจัง”   ความมั่งคั่งแบบซาโลมอน 1.    เราสามารถมีสิ่งสารพัดได้อย่างมั่งคั่ง เพราะพระเจ้าผู้ทรงอวยพร แต่อย่ายอมแลกความมั่งคั่งนั้นกับสิ่งใด เพื่อแทนที่พระเจ้า เพราะสุดท้ายมันจะว่างเปล่าและล้มเหลว 2.    สิ่งที่พระเจ้าอวยพร จะเป็นความมั่นคง แต่สิ่งที่มนุษย์ควาญหาจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว เกียรติยศ ชื่อเสียง… Read More »

ดุลยภาพของพระเจ้า

พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ และสร้างสิ่งต่างๆ อย่างสมบูรณ์ พร้อมสรรพ ไม่มีสักส่วนหนึ่งส่วนใดที่ขาดตกบกพร่อง แม้ในความไม่สมบูรณ์ของแต่ละสิ่ง แต่เมื่อมารวมกันจะสมบูรณ์อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น เรื่องของคนจน พระเจ้าก็ให้คนมีมากกว่า มีใจเมตตาในการช่วยเหลือและมอบให้ อีกทั้งพระคุณของพระเจ้าจะมีถึงเขา ในเรื่องของการเลี้ยงดูอย่างไม่ขาดสาย เรื่องของผู้นำ ย่อมมีผู้ตามและมีการสนับสนุนในหลายๆ ด้าน มีศิษยาภิบาล ย่อมมีทีมอธิษฐาน มีเบื้องหน้าย่อมมีเบื้องหลัง มีแนวรบย่อมมีแนวรับ เหตุที่มนุษย์ไม่ได้ทำตามที่พระเจ้าวางไว้อย่างแท้จริง จึงมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เหมือนดั่งเชือกที่เป็นปมไม่ถูกแก้ ยิ่งแย่ตามวิถีของตนเอง ยิ่งเป็นการผูกปมมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายต้องพึ่งฝีพระหัตถ์พระเจ้าเท่านั้น เหตุไฉน? จึงไม่เริ่มต้นด้วยการพึ่งพาพระเจ้าเสียแต่ต้น ด้วยการเชื่อฟัง และอีกหลายครั้งที่มนุษย์นั้นพยายามจะให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการและความคิดของตนเอง รวมถึงการบังคับ ควบคุม ด้วยการดิ้นรนให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่ตนเองคาดหวังไว้ … มิหนำซ้ำ บ้างก็อ้างพระเจ้า บ้างก็คิดว่าสิ่งนี้เป็นการทำเพื่อพระเจ้า ซึ่งในความเป็นจริง ตรวจสอบไม่ยากเลย นั่นคือ พระวจนะของพระเจ้าและสันติสุขที่อยู่ภายในตน เมื่อเราเดินตามพระเจ้าอย่างแท้จริง สันติสุขจะครอบครองเรา พระพรจะค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา แม้ว่าท่ามกลางอุปสรรคหรือปัญหา รวมถึงสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คิดหวังไว้ แต่ภายในใจจะสัมผัสสันติสุขจากพระเจ้า จะมีความมั่นคงและมั่นใจ ในแต่ละย่างก้าว จะเห็นพระพรเป็นที่รองรับ ในทุกๆ ก้าวที่เดินไป ในทางตรงกันข้าม… Read More »

การชำระของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก

การชำระของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกด้วยการให้น้ำท่วมโลก เป็นการชำระความบาปและมลทินให้ทุกส่วน ทุกชีวิต ทุกพื้นที่ บนแผ่นดินนี้ ถูกชำระให้บริสุทธิ์เป็นการล้างอย่างหมดจด ไม่เหลือส่วนที่เป็นมลทิน แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงสัญญากับโนอาห์ด้วยรุ้งว่า จะไม่ทำลายล้างเช่นนี้อีก ปฐก.9:8-17 8 พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์และบุตรทั้งหลายว่า 9 “นี่แน่ะ เราเองเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้า และกับพงศ์พันธุ์ที่มาภายหลังเจ้า 10 และกับบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับพวกเจ้าด้วย ทั้งนกและสัตว์ใช้งานและสัตว์ป่าทั้งหมดที่อยู่กับพวกเจ้า จากสัตว์ทั้งปวงที่ออกจากเรือ คือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลก 11 เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายมนุษย์และสัตว์ทั้งปวงโดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป” 12 พระเจ้าตรัสว่า “นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งเราให้ไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า และกับสัตว์มีชีวิตทั้งปวงที่อยู่กับพวกเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ 13 คือเราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับโลก 14 เมื่อเราให้มีเมฆเหนือแผ่นดิน และมีรุ้งปรากฏขึ้นที่เมฆนั้น 15 เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ทำไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้าและกับสิ่งที่มีชีวิต และสัตว์ทั้งปวง แล้วน้ำจะไม่ท่วมทำลายสัตว์ทั้งปวงอีกเลย 16 เมื่อมีรุ้งที่เมฆ เราจะดูรุ้งนั้น เพื่อระลึกถึงพันธสัญญานิรันดร์ระหว่างพระเจ้ากับสิ่งมีชีวิตและสัตว์ทั้งปวงซึ่งอยู่บนแผ่นดิน” 17 พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า “นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาที่เราได้ตั้งไว้ระหว่างเรากับสัตว์ทั้งปวงซึ่งอยู่บนแผ่นดิน” วิธีการของพระเจ้าถูกเปลี่ยนไป เป็นการแยกออก จากเดิมพระองค์ชำระทั้งหมด ทำลายล้างทั้งสิ้นในสิ่งที่เป็นมลทินและเป็นความบาป แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น การชำระของพระเจ้า คือ การแยกออก เป็นการแยกส่วน… Read More »