เป็นมะเร็งต้องรักษา ยอมรับการผ่าตัดจึงจะหาย ไม่ใช่ปรับตัวให้อยู่กับมันได้ เพราะเราไม่รู้มันจะกำเริบขึ้นมาเมื่อใด ฉันใดก็ฉันนั้น บาปก็เช่นกัน … เราไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับบาป และยอมรับมันไว้ในชีวิตได้ เพราะบาปขวางกั้นการเติบโตฝ่ายวิญญาณและความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทำให้ไม่สามารถใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่าที่เป็นอยู่ … แม้จะมีใจอยากและความปรารถนาแรงกล้าสักเพียงใดก็ตาม … บาปไม่สามารถเข้ากันกับความบริสุทธ์ของพระเจ้าได้เลยแม้แต่น้อย … เราไม่สามารถมีบาปในชีวิตพร้อมๆ กับความบริสุทธิ์ได้ ดังนั้นหากอยากได้ความบริสุทธิ์ต้องจัดการสิ่งที่ทำให้ความบริสุทธิ์อยู่ในเราไม่ได้เสียก่อน ไม่ว่าจะโรคร้าย หรือ เพียงแค่กลัดหนอง หากยอมเอาเชื้อโรคออก ย่อมหายขาด … ชีวิตคริสเตียนหากจัดการบาปย่อมเป็นอิสระและมีเสรีภาพ ไม่ต้องคอยกังวล ว่ามันจะกลับมาเมื่อไร ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะโผล่มาเมื่อไร ไม่ต้องเสียแรงหรือลงแรงไปแล้วรู้สึกเปล่าประโยชน์ เพราะว่ายังคงมีเชื้อบางอย่างที่คอยทิ่มแทงภายในเสมอๆ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการยอมรับสภาพบาปได้ และไม่คิดจะจัดการมันอย่างจริงจัง จึงไม่สามารถเห็นฤทธิ์เดชแห่งการไถ่ของพระเยซู การดำเนินชีวิตจึงยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมเป็นวัฏจักร … ใช่ว่านอนหลับไปแล้ว พอตื่นขึ้นมา บาดแผลหรือบาปเหล่านั้นจะหายไปชั่วข้ามคืน เพราะการนอนหลับ , ใช่ว่า การแกล้งพยายามไม่รับรู้ ไม่สนใจ จะทำให้หายจากอาการเหล่านั้น หรือทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น … แน่นอนบางครั้งมันอาจจะดีขึ้นบ้าง หลังจากได้พักกาย หลังจากมีระยะห่างไม่จมปลักอยู่กับสภาพนั้นๆ แต่มันยังคงอยู่ รอเวลาที่จะปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง การยอมรับบาป =… Read More »