สวรรค์ : การเปิดเผยเพื่อปี 2013
เมื่อประตูบานใหญ่กว่าตัวหลายสิบเท่า (ขนาดที่แม้เอาคนหลายสิบคนมาดันก็ไม่รู้มันจะเปิดออกได้อย่างไร)ได้เปิดออกเอง ตัวที่แสนจิ้ดริดอย่างข้าพเจ้าก็ชะโงกหน้าผ่านช่องประตูที่เปิดออกเข้าไปดูว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดสนิท ครั้นจะถอยหลังก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องว่าภายในประตูนั้นดังสวนออกมา “จงก้าวเข้ามา” เสียงนี้ดังกังวานจนชัดเจนมาก ใจหนึ่งของข้าพเจ้าคิดว่าไม่เห็นมีอะไรเลยจะก้าวเข้าไปทำไม มืดก็มืดมองอะไรก็ไม่เห็น แต่ไม่สามารถปฏิเสธเสียงนั้นได้ นอกจากจะดังกึกก้องแล้วยังชัดเจน เป็นเสียงที่คุ้นเคยที่ตัวข้าพเจ้าเองมักได้ยินเสมอๆ และมั่นใจว่าเสียงนี้เป็นมิตร นั่นคือ เสียงขององค์พระเยซู ผู้ที่เรานั่งคุยกันอยู่ทุกๆวัน ผู้ที่เราสัมพันธ์กันทุกๆ เวลา รู้และมั่นใจเช่นนั้นแล้ว จึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่ประตูบานใหญ่ที่ภายในมองเข้าไปอัดแน่นไปด้วยความมืด… ทันทีที่เท้าของข้าพเจ้าก้าวเข้าสู่พื้นที่ด้านในของประตูความมืดก็ได้มลายหายไปอย่างอัศจรรย์ แล้วการปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบสีขาวขุ่นมัวก็แทนที่ สายน้ำหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้ทุกทิศทางเข้ามาสัมผัสกับปลายเท้าค่อยๆ เพิ่มระดับจากปลายเท้าขึ้นมาจนกระทั่งมิดกระตุ่มและเลยมาประมาณเกือบครึ่งน่อง สายน้ำนี้ช่างใสเหลือเกินใสจนกระทั่งเห็นแม้แต่เส้นเลือดที่ขาและเท้าของตัวเองอยู่ในน้ำ ความรู้สึกเย็นสบายและสดชื่นได้เข้าแทนที่ความลังเล ข้าพเจ้ายืนแช่อยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนทั้งสิ้น สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหญิงของเราเอ๋ย จงก้าวเข้ามาอีก” เสียงพระเยซูทรงตรัสอีกครั้ง แต่ยังมองไม่เห็นพระองค์เลย ด้วยเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่รายรอบตัวจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลยนอกเสียจากเวลาที่ก้มมองดูน้ำที่เท้าของตนเองเท่านั้นที่ชัดเจน แต่คราวนี้ข้าพเจ้าไม่อิดออดเลย ก้าวออกไปด้วยความมั่นใจว่าจะตามเสียงนั้นไปจนถึงต้นทางของเสียงเรียก ทันทีทันใดที่เริ่มก้าวเท้าออกทางข้างหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกก็ถูกแหวกออกและเปลี่ยนเป็นทอแสงสีทองเหลืองส้มอร่ามดุจดังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากภูเขาและเส้นขอบทะเล แต่ความสว่างนั้นสดใสกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า เป็นแสงสีทองที่ทอตามเส้นทางทำให้เห็นเส้นทางที่จะก้าวเดินออกไปได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นข้าพเจ้าก้มหน้ามองดูที่สายน้ำ สายน้ำใสปิ้งได้กลายเป็นสายน้ำสีทองที่เป็นเหมือนทองคำที่กำลังถูกหลอมอยู่ในเตาไฟ แต่มันไม่ร้อนเลยสักนิดกลับรู้สึกเย็นสบายและโล่งกว่าเดิมเสียอีก คราวนี้แหละการก้าวต่อไปก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ มองไปข้างหน้าเห็นร่างคนๆ หนึ่งกำลังยืนรออยู่ ….นั่นเอง!! ต้นเสียงที่ร้องเรียกให้ข้าพเจ้าก้าวเข้าไปหา องค์พระเยซูทรงยืนรอด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ใบหน้าของพระองค์บ่งบอกว่ารักและภูมิใจในตัวของข้าพเจ้ามาก แม้จะยังไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของพระองค์อีกครั้ง แต่เวลานั้นเองที่ข้าพเจ้าเร่งฝีเท้าอยากไปให้ใกล้และถึงพระองค์เร็วยิ่งขึ้น แต่อีกใจนึงก็รู้สึกถึงความสบายและอบอุ่นอยากจะแช่อยู่อย่างนี้ อยากจะนั่งลงแทนการก้าวเดินเสียจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเท้าของตัวเองได้เพราะใจมันปรารถนาและพุ่งตรงไปที่พระเยซูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งบังคับให้ฝีเท้ายิ่งเร่งๆเข้าไป… Read More »