Tag Archives: ข้อคิดเพื่อการติดตามพระเจ้า

เรื่องของวาระ

วาระเป็นเรื่องของช่วงเวลา มีเริ่มต้นและมีสิ้นสุด ในการทรงนำของพระเจ้า เพื่อให้เราก้าวตามและเชื่อฟังพระองค์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุด ในการเริ่มต้นทุกสิ่งชัดเจนในการทรงนำ และเมื่อก้าวตามการรับรองก็ตามมาอย่างเห็นได้ชัด จนเป็นประสบการณ์ตรงของเราเอง ทำให้มั่นใจในการอยู่ในวาระนั้นต่อไป และเพื่อให้ดำเนินต่อไปในวาระนั้นอย่างเชื่อมั่นของการทรงอยู่ด้วยของพระเจ้า แต่เมื่อหมดวาระอย่าลังเลที่จะก้าวต่อไป เพราะสิ่งดีกว่าได้รอเราอยู่เบื้องหน้า   ? ทำไมจึงหมดวาระ 1. เพื่อนำเราไปในวาระต่อไป ในก้าวต่อไปที่ดีขึ้น สูงขึ้น ลึกขึ้น วาระก่อนย่อมเป็นพื้นฐานให้กับวาระต่อๆ ไป 2. เพื่อพัฒนาและเติบโตมากยิ่งขึ้น อย่างครบถ้วนรอบด้าน ในกระบวนการสร้างชีวิต 3. เพราะแผนการของพระเจ้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าสู่ความไพบูลย์เสมอ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลัง   ? รู้ได้อย่างไรว่าหมดวาระแล้ว 1. ทุกสิ่งที่เคยดี กลับดูติดขัดไปหมด เสมือนว่าการรับรองจะหดหายไป แต่แท้จริงเป็นเพียงสัญญาณเตือนและบอกให้รู้ว่าถึงเวลาในการเคลื่อนสู่วาระใหม่แล้วต่างหาก (ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าทอดทิ้งหรือไม่อยู่ด้วยแล้ว) 2 โครินธ์ 5:17 ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระ‍คริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสาร‌พัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่‍แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น   2. พระเจ้าทรงสำแดงและทำให้เห็นว่าหมดวาระแล้ว เช่น การตรัส การเปิดเผยบางสิ่งที่ตัวเราถูกบีบรัด ปฐก.31:1-3   หมดเวลาของยาโคบที่พึ่งพาอาศัยพ่อตา เพื่อกลับสู่ถิ่นฐานและสร้างรกรากของตนเอง… Read More »

เรื่องของความเชื่อ

ฮบ.11:1-3 11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง 11:2 โดยความเชื่อนี้เอง พวกบรรพบุรุษก็ได้รับการรับรอง 11:3 โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น   เรื่องของความเชื่อ   รูปแบบของความเชื่อ   1. เชื่อในทันทีทันใด เป็นความมั่นใจในพระองค์ผู้ทรงตรัส แม้ยังไม่เห็น หรือแม้รู้ว่าปัญหาและอุปสรรคคือสิ่งใด ก็สามารถเชื่อได้อย่างง่ายๆ เพราะความเชื่อไม่ได้ขึ้นกับสภาวะการณ์หรือสิ่งที่มองเห็น แต่เชื่อในพระลักษณะแห่งความยิ่งใหญ่ ความสัตย์ซื่อ ความสัตย์จริง ของพระองค์ผู้ทรงทำสิ่งที่ไม่มีให้เกิดขึ้นได้ แต่ทำลายสิ่งที่มีให้หายไปได้เช่นกัน เป็นความมั่นใจในเอกสิทธิ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ ยน.11:40  พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าก็จะได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้า” เชื่อแล้วจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เป็นความเชื่อที่ไม่ผ่านหรือพึ่งกระบวนการทางทางสมอง แต่พึ่งกระบวนการทางใจ คือ ความไว้วางใจพระเจ้า   2. เชื่อแบบมีเงื่อนไข เป็นความเชื่อที่มีเมล็ดพันธ์ภายใน แต่เจือปนไปด้วยความสงสัย และประเมินจากประสบการณ์ สภาวการณ์ที่เป็นอยู่ ทำให้มีเงื่อนไขในความเชื่อ เช่น ต้องเกิดเช่นนี้ขึ้นจึงจะเชื่อ ดั่งโธมัส ต้องเห็นแล้วจึงเชื่อ , ดั่งบาลาอัม… Read More »

ผู้นำและผู้สนับสนุน

คนเราแต่ละคนมีลิขิตของพระเจ้าในชีวิตต่างกัน ต่างก็มีจุดและตำแหน่งที่พระเจ้าให้ยืนและเรียกให้ทำ – บางคนถูกเรียกมาเป็นผู้นำ – บางคนถูกเรียกมาให้เป็นผู้ตามและสนับสนุน ไม่มีตำแหน่งใดใหญ่หรือเล็กกว่ากัน สำคัญที่เรายืนในจุดที่พระเจ้าเลือกและตั้งเราไว้เป็นพอ เพียงเท่านี้ย่อมนำพระพรอย่างมหาศาลตามพระสัญญามาถึงเป็นแน่แท้   1. กลุ่มคนที่ถูกลิขิตให้เป็นผู้นำ    ตัวอย่าง โมเสส ดาวิด อับราฮัม โยเซฟ คนจำนวนน้อยมากๆ ที่พระเจ้าจะตั้งให้เป็นผู้นำ มักมีลักษณะทำงานเป็นหัวเสมอๆ จะมีทีมงานที่พระเจ้าส่งมาช่วยเป็นแน่ การอยู่ภายใต้คนๆ หนึ่ง เป็นเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เป็นเหมือนการฝึกฝนและค้นหาสิ่งที่พระเจ้าเรียก เป็นพื้นฐานในการต่อยอดสิ่งที่พระเจ้าใช้ เมื่อถึงวาระพระเจ้าย่อมนำเขาออกมายังจุดที่ทรงตั้งไว้   2. กลุ่มคนที่ถูกลิขิตเพื่อสนับสนุน   คนจำนวนมากที่พระเจ้าเรียกมาเพื่อให้เป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เสริมสร้าง อุดช่องว่างและเติมเต็มผู้ที่พระเจ้าตั้งไว้เป็นผู้นำ ควรแสวงหาพระเจ้าถึงคนที่จะมาเป็นผู้นำและต้องสนับสนุนอย่างแท้จริง คนที่พระเจ้าตั้งให้เราสนับสนุนเขาและไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร มีบุคลิกภาพและจุดอ่อนเช่นไร ก็ต้องคอยสนับสนุนเขา เพราะนั่นคืองานที่พระเจ้าเรียก คนประเภทนี้ไว้ ตัวอย่าง ทหาร 3 คนของดาวิด ไม่ว่าดาวิดจะมีจุดอ่อนอย่างไรเขาต้องคอยอุดรอยรั่วนั้น เพื่อให้ดาวิดไปต่อกับพระเจ้าได้ พระพรของดาวิดจะเป็นพระพรของเขา ระดับการสนับสนุน อยู่ที่ตำแหน่งที่พระเจ้าเรียกด้วย เช่น ตำแหน่งแรงงานจะไม่มีคนตาม ตำแหน่งผู้จัดการจะมีคนภายใต้ ทหารทั้ง 3… Read More »

พระเจ้ารักโลทเสียเหลือเกิน

โลทใช้ชีวิตของตนท่ามกลางคนบาปชั่ว นับถือรูปเคารพ ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ชีวิตของโลทฝักใฝ่และปรารถนาสิ่งของบนโลกมากกว่าอาณาจักรพระเจ้า แม้พื้นฐานชีวิตของโลทจะได้รับประสบการณ์ ได้รู้ ได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำและทรงเป็นอย่างมากมาย ผ่านอับราฮัมชายผู้รักและเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสุดซึ้ง… แต่ถึงกระนั้นโลทก็มีความปรารถนาด้านเนื้อหนังอย่างแรงกล้า ปรารถนาและชื่นชอบสิ่งยั่วเย้าของโลก ปฐก.13:8-13 8 อับ‌รามจึงพูดกับโลทว่า “ขออย่าให้เราและคนเลี้ยงสัตว์ของเราทะเลาะกันเลย เพราะเราเป็นญาติ‍สนิท 9 ที่‍ดินทั้ง‍หมดอยู่ตรง‍หน้าเจ้าไม่‍ใช่หรือ? ขอให้เจ้าแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้ายเราก็จะไปทางขวา หรือเจ้าจะไปทางขวา เราก็จะไปทางซ้าย” 10 โลทเงย‍หน้าแล‍ดูที่‍ลุ่มของแม่‍น้ำจอร์‌แดนทั้ง‍หมด เห็นว่ามีน้ำบริ‌บูรณ์อยู่ทุกแห่ง (นี่เป็นสภาพก่อนพระ‍ยาห์‌เวห์ทรงทำ‍ลายเมืองโส‌โดมและเมืองโก‌โม‌ราห์) เหมือนพระ‍อุทยานของพระ‍ยาห์‌เวห์ เหมือนแผ่น‍ดินอียิปต์ ในทิศที่จะไปทางเมืองโศ‌อาร์ 11 โลทจึงเลือกที่‍ลุ่มทั้ง‍หมดของแม่‍น้ำจอร์‌แดน โลทออกเดิน‍ทางไปทิศตะ‌วัน‍ออก ญาติ‍สนิททั้ง‍สองจึงแยกกันไป 12 อับ‌รามอาศัยอยู่ในแผ่น‍ดินคา‌นา‌อัน ส่วนโลทอาศัยอยู่ท่าม‍กลางเมืองต่างๆ ในที่‍ราบ และย้ายเต็นท์ไปตั้งถึงเมืองโส‌โดม 13 ผู้‍ชายเมืองโส‌โดมเป็นคนชั่ว‍ร้าย ทำผิด‍บาปต่อพระ‍ยาห์‌เวห์มาก ในขณะที่โลทมีโอกาสและสิทธิในการเลือกดินแดนก่อน …เขาเลือกดินแดนที่มองดูว่าอุดมดี แม้จะเต็มไปด้วยบาป เขาก็สามารถปิดตาของตนให้มองข้ามมันไป เพื่อจะได้ครอบครองแผ่นดินนั้น … เป็นที่แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักเมืองนั้นเป็นข้อมูลเบื้องต้นเป็นแน่ เพราะการอยู่บริเวณนั้นย่อมมีการสื่อสารที่ถึงกัน เมืองใกล้เคียงย่อมรับรู้ถึงกันเป็นแน่ ไม่มากก็น้อย เป็นการยากมากๆ ที่คนเราจะอยู่ท่ามกลางและแวดล้อมคนทำบาปชั่ว แล้วสามารถดำเนินชีวิตอย่างดี ไม่คล้อยตาม ไม่พลาดพลั้ง… Read More »

เบี้ยล่าง

หลายครั้งสิ่งร้ายๆ ที่เข้ามา สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนหรือแนวการกระทำ วิถีชีวิตที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะทุกการหว่านย่อมมีการเก็บเกี่ยว เมื่อผลสำแดงออกมา ย่อมสะท้อนย้อนกลับไปถึงวันเวลาแห่งการหว่าน เพราะทำผิด จึงมีผลที่ผิดๆ ออกมา เพราะหว่านสิ่งไม่ดี จึงมีผลที่เน่าแฟะออกมา เพราะเคยละเลย จึงมีผลร้ายแห่งความเลินเล่อเกิดขึ้น เพราะไม่ชอบธรรม จึงต้องรับผลแห่งความผิดพลาด . . . หลายครั้งมนุษย์มักจดจำเป็นอย่างดี เมื่อถูกทำร้ายหรือถูกกระทำ แต่มักหลงลืม ไม่ยอมรับ หรือแกล้งลืม เพื่อบิดเบือนความผิดของตนเอง เพราะไม่อยากรับผลที่ไม่ดี อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม ใช่ว่าเป็นคริสเตียนแล้วจะรอดพ้นจากผลแห่งการหว่าน พระเจ้าทรงยุติธรรมต่อมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อพระเจ้าหรือไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม เมื่อสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา สิ่งแรกที่ควรทำคือ สำรวจตนเองและแสวงหาพระเจ้า เพื่อรับการช่วยกู้ พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้บุตรที่รักตกอยู่ในบาป หรือแช่ตัวเองอยู่ในวิถีของบาป ดังนั้นพระองค์จะมีวิธีการอันแสนดี เพื่อนำการขัดเกลา และนำเรากลับสู่ที่ทางอันชอบธรรม การเปิดเผยและการบอกอย่างเจาะจงถึง สิ่งที่ต้องกลับใจใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต เป็นเรื่องปกติที่พระเจ้าจะทำ… แต่หลายครั้งมนุษย์มักเพิกเฉย แต่ความผิดบาปของตน และลดทอนน้ำหนักด้วยการคิดหาทางออกว่า ไม่เป็นไร มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับได้ในการสนับสนุนบาปของตน แท้จริงบาป คือ บาป แต่บาปจะไม่เป็นบาปเมื่อคนบิดเบือนและคิดนิยามว่าไม่บาป… ซี่งเป็นเพียงการหลอกตนเองเท่านั้น แต่ไม่สามารถหลอกลวงพระองค์ผู้ทรงชันสูตรได้ ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้เหมือนพระเจ้า… Read More »

ยืมมือ

การรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์และชอบธรรมเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราแต่ละคนจำเป็นต้องตระหนักและยึดไว้ให้มั่นเอง ในขณะที่เราแต่ละคนต่างก็กำลังมุ่งไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ สิ่งที่ควรระวังในการก้าวเดินบนโลกอันเป็นชั่วคราวคือ การพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการวิธีการของโลก เพราะแม้ว่าความมุ่งมั่นและความบากบั่นที่ทำอยู่นั้น เพื่อปลายทางแผ่นดินสวรรค์ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถนับและใช้ได้บนแผ่นดินสวรรค์ อีกนัยยะหนึ่ง คือ มีบางสิ่งที่ใช้ได้และถูกนับไว้ แต่ก็มีบางสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง bb : สิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง สภษ.6:16-19 6:16 หกสิ่งเหล่านี้พระเยโฮวาห์ทรงเกลียด เออ มีเจ็ดสิ่งเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนสำหรับพระองค์ 6:17 สายตาที่หยิ่งยโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก 6:18 จิตใจที่คิดแผนงานชั่วร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความร้าย 6:19 พยานเท็จซึ่งพูดมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง   โลกนี้ใช้วิธีการแย่งชิง แก่งแย่ง เพื่อให้ได้มาครอบครอง หรือผลักผู้อื่นเพื่อให้ตนรอดพ้นจากภัย แต่พระเจ้าทรงเป็นกำบังอันเข้มแข็ง เราจึงไม่ต้องใช้วิธีการของโลก เพื่อมีชีวิตรอดบนโลก – ถ้าเช่นนั้น จะมีพระเจ้าไว้เพื่ออะไร? – ถ้าเช่นนั้น จะพบพระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงธรรมได้อย่างไร? – ถ้าเช่นนั้น จะมือสะอาดใจบริสุทธิ์ได้อย่างไร? – ถ้าหาก ผ่านด่านนี้ แต่ต้องตายในด่านหน้าจะมีประโยชน์อะไร? – ถ้าหาก รอดพ้นตรงนี้ แต่เมื่อพระเจ้าชันสูตรกลับไม่ผ่านจะทำอย่างไร? การเดินติดตามพระคริสต์…… Read More »

‪‎คำอธิษฐาน : ‪‎สรรเสริญ‬ ‪‎ความรักของพระเจ้า

‬”เพราะความรักของพระเจ้า… >> มั่นคงดั่งขุนเขา >> กว้างใหญ่ดั่งท้องทะเล >> สูงค่าดั่งท้องฟ้ากว้างสุดสายตา >> มากมายนับไม่ถ้วนดั่งเม็ดทรายในทะเล >> สดใสดั่งดวงดาวเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน >> งดงามดั่งสรรพสิ่งการทรงสร้าง ข้าแต่พระเจ้า… ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญ : ถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในทุกเช้า… จะโมทนา : ถึงความรักอันอดทนนานด้วยพระเมตตาในทุกค่ำคืน… จะนับพระพร : ถึงวันเก่าที่ผ่านมา ในทุกวัน… จะจดจ่อสิ่งดีๆ : ผ่านความรักอันแสนหวานของพระองค์… ข้าแต่พระเจ้า… จิตใจเอ่อล้นด้วยความรักอันอ่อนละมุนของพระคริสต์ ชีวิตรับการโอบกอดเปี่ยมสุขจากองค์พระวิญญาณ จิตวิญญาณรับกำลังฟื้นขึ้นใหม่ในทุกวันเวลา ด้วยพระเมตตาผ่านความรักไม่จืดจาง กายนี้สัมผัสและรับรู้ ความรักอันเป็นจริง ปลดปล่อยให้เป็นไท ลมหายใจได้สูดเอารักพระบิดาในทุกก้าวแต่ละวันที่หายใจ ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักของพระองค์ สรรเสริญ ‪โมทนาพระคุณพระเจ้า‬ ใน‎พระนามพระเยซูคริสต์เจ้า‬ ‎เอเมน‬”     18052015    

เก็บตัว

จะมีบางเวลาที่พระเจ้าต้องการเรียกเราให้ออกห่างจากทุกสิ่งเพื่ออยู่กับพระองค์มากเป็นพิเศษ จะมีบางเวลาที่ตัวเราเองไม่อยากพบปะหรือสุงสิงกับใคร เพราะอยากค้นหาตัวเองกับพระเจ้า จะมีบางเวลาที่การทรงเรียกพิเศษเข้ามาถึงเราให้อยกตัวเพื่อพระองค์ ….. ในเวลาเหล่านั้นสิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ละทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นงาน คน อะไรก็ตาม … และส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่เราติดพันอยู่และวางลงไม่ได้ง่ายนัก แต่ทั้งนี้จะมีบางอย่างที่พระเจ้าต้องการจากเราพระองค์จึงเรียกเราเป็นพิเศษ หากเราตอบสนองกล้าที่จะวางสิ่งเหล่านั้นลงและแยกตัวออกมา เราจะค้นพบบางสิ่งและเราจะก้าวลึกลงไปในรูปแบบความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วน เมื่อเรากล้าลงทุนกับพระเจ้าพระองค์ผู้เป็นหุ้นส่วนกับเรา จะไม่ทอดทิ้งเราแน่นอน ไม่มีครั้งไหนที่พระเจ้าเรียกเราให้เก็บตัวหรือแยกตัวออกมา แล้วไม่มีพระประสงค์เบื้องหลัง … แต่หากเราละเลยหรือผ่านมันไปด้วยเหตุผล งานยุ่ง ยังไม่เหมาะในเวลานี้… สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านเลยไปประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ในเวลาแบบนั้นแม้จะมีบางสิ่งเร่งเร้าให้เราก้าวออกมา เราก็ต้องข่มใจไว้ … รอจนกว่าจะถึงเวลาของพระเจ้า รอจนกว่าสิ่งที่พระเจ้าเรียกเราจะเสร็จสิ้น หรือสิ่งที่พระองค์กำลังทำในเราจะสำเร็จลุล่วง บางครั้งเราอาจต้องตัดใจปิดช่องทางแห่งตัวเร้านั้น เพื่อเราจะจดจ่ออยู่ที่พระเจ้าอย่างแท้จริง เช่น ปิดมือถือ ปิดคอมพิวเตอร์….   เก็บตัว 1. การเก็บตัวหรือแยกตัวออกมา จะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อยู่ที่การทรงเรียกของพระเจ้าสำหรับเราแต่ละคนว่า จะถี่แค่ไหน นานแค่ไหน ดังนั้นจะมีเวลาสิ้นสุดและเมื่อพระเจ้าเรียกให้เราออกมา จงก้าวออกมาอย่ายึดติดกับสภาพนั้นๆ เพราะแต่ละช่วงเวลามีบางสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำอยู่   2. การแยกตัวหรือการเก็บตัว เป็นการที่เราจดจ่ออยู่กับพระเจ้าเราจะมีโอกาสในการจดจ่อและแสวงหาพระเจ้าได้มากกว่าสภาวะปกติที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและวุ่นวาย     2/11/2011 23:51… Read More »

เครื่องถวายของคาอินกับอาแบล

ปฐก.4:2-7 4:2 นางได้คลอดบุตรอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นน้องชายของเขาชื่ออาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่คาอินเป็นคนทำไร่ไถนา 4:3 อยู่มาวันหนึ่งปรากฏว่า คาอินได้นำผลไม้จากไร่นามาเป็นเครื่องบูชาถวายพระเยโฮวาห์ 4:4 เช่นกันอาแบลได้นำผลแรกจากฝูงแกะของเขาและไขมันของแกะ พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยต่ออาแบลและเครื่องบูชาของเขา 4:5 แต่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยต่อคาอินและเครื่องบูชาของเขา และคาอินได้โกรธแค้นยิ่งนัก สีหน้าหม่นหมองไป 4:6 พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่คาอินว่า “ทำไมเจ้าถึงโกรธแค้น และทำไมสีหน้าเจ้าหม่นหมองไป 4:7 ถ้าเจ้าทำดี เจ้าจะไม่เป็นที่ยอมรับหรอกหรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็ซุ่มอยู่ที่ประตู มันปรารถนาในตัวเจ้า และเจ้าจะครอบครองมัน” คาอินและอาแบลต่างก็มีความปรารถนาและตั้งใจเป็นอย่างดีในการมอบถวายแด่พระเจ้าของเขา ??? แต่เหตุไฉน? จึงมีความแตกต่างในความพอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อเครื่องบูชาที่เขามอบถวาย คาอิน(ข้อ 2-3) มีอาชีพทำไร่ไถนาก็ไม่น่าจะแปลกที่เขานำสิ่งที่มีมาถวายแด่พระเจ้า ในขณะที่อาแบลก็นำสิ่งที่ตนมีจากอาชีพของตนเองเหมือนกันคือนำไขมันแกะมาถวายแด่พระเจ้า   เครื่องถวายของคาอินกับอาแบล   ความต่างคือ   1. คาอินเลือกผลทั่วๆ ไปมาถวาย แต่อาแบลเลือกผลแรกที่ดีที่สุด ผลหัวปีมาถวาย แน่นอนว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงสนพระทัยว่าสิ่งที่เราให้กับพระองค์จะใหญ่หรือเล็กเพียงใด ไม่ได้วัดคุณค่าสิ่งที่เรามอบถวายแด่พระองค์ด้วยมูลค่าที่มากกว่าหรือจำนวนที่มากกว่า *** แต่ทรงสนพระทัยที่ท่าทีในการคัดสรรและเลือกเฟ้นให้กับพระองค์ การเลือกสิ่งดียิ่งมากเพียงใด ใส่ใจรายละเอียดในการเลือกเฟ้นมากเพียงใด นั่นย่อมหมายถึงว่า … เราใส่ใจต่อผู้รับมากเพียงนั้น เราเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญต่อผู้รับเพียงนั้นด้วย การถวายแด่พระเจ้านั้นไม่เพียงแค่การกระทำเพราะถึงเวลา… Read More »

การรักษาและสละสิทธิ

หากแต่ผู้ใดสละสิทธิของตน นั่นหมายถึงสละแล้วซึ่งสิ่งที่จะได้รับด้วย โดยไม่สามารถอิดออดหรือเรียกร้องอะไรได้ เพราะเป็นผู้สละสิทธินั้นด้วยตนเอง **เว้นเสียแต่ การสละสิทธิบนโลกเพื่อติดตามพระคริสต์เท่านั้น ในขณะที่ผลจากสิทธิบนโลกนี้ถูกสละออก แต่พระคริสต์กลับทดแทนและเทผลแห่งการติดตามพระองค์ให้ ซึ่งเทียบไม่ได้กับผลใดๆ บนโลกนี้ แต่หากพระเจ้าให้เราได้รับสิทธิใดๆ นั่นหมายถึงผลแห่งสิทธินั้นย่อมเป็นของเราด้วยความชอบธรรม พระเจ้าทรงสร้างเรามาพร้อมกับสิทธิแห่งการครอบครองที่ทรงมอบให้   การรักษาและสละสิทธิ   ปฐก.1:26-30 1:26 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพวกเรา เหมือนตามอย่างพวกเราและให้พวกเขาครอบครองเหนือฝูงปลาในทะเล และเหนือฝูงนกในอากาศและเหนือสัตว์ใช้งาน และให้เหนือทั่วทั้งแผ่นดินโลกและเหนือบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก” 1:27 ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง 1:28 และพระเจ้าได้ทรงอวยพรพวกเขา และพระเจ้าตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมีลูกดกและทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก และจงมีอำนาจเหนือแผ่นดินนั้นและครอบครองเหนือฝูงปลาในทะเล และเหนือฝูงนกในอากาศและเหนือบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก” 1:29 และพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิดเราให้บรรดาต้นผักที่มีเมล็ดซึ่งอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลกและบรรดาต้นไม้ซึ่งมีเมล็ดในผลแห่งต้นไม้นั้นแก่พวกเจ้าจะเป็นอาหารสำหรับพวกเจ้า 1:30 และสำหรับบรรดาสัตว์ป่าแห่งแผ่นดินโลกและบรรดานกในอากาศ และบรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานที่มีชีวิตบนแผ่นดินโลกเราให้บรรดาพืชผักเขียวสดเป็นอาหาร” และก็เป็นดังนั้น แท้จริงเราได้ถือครองสิทธิที่จะครอบครองสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ แต่กลับมีหลายสิ่งที่เราสลัดมันทิ้ง ด้วยความไม่รู้สิทธิที่ตนเองมี หรือไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ตาม     02/02/2014 08:11