Tag Archives: ข้อคิดเพื่อการติดตามพระเจ้า

กระบวนการชำระและสร้างใหม่

เวลาอาบน้ำ ไม่มีกำหนดกฎบังคับว่าต้องอาบกี่ขัน อาบกี่ครั้ง >> แต่อาบจนกว่าจะสะอาดหมดจด เวลากิน ไม่มีกำหนดว่ากินกี่คำ >> แต่กินจนกว่าจะอิ่ม เวลานอน ไม่มีข้อบังคับว่าต้องนอนมากน้อยแค่ไหน >> แต่พักจนกว่าจะมีแรงและสดชื่น การชำระและสารภาพบาปก็เช่นกัน ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ว่า ต้องอธิษฐานกี่ครั้ง >> แต่ให้อธิษฐานจนกว่าตนเองจะมั่นใจว่า สะอาดแล้ว อิสยาห์ 1:18 พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสว่า“มา‍เถิด ให้พวก‍เราสู้‍ความกันถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสี‍แดง‍เข้มก็จะขาวอย่างหิมะถึงมันจะแดงเหมือนผ้า‍แดงก็จะเป็นอย่างขน‍แกะ แท้ที่จริงฤทธิอำนาจโลหิตของพระเยซูบนกางเขนนั้นเปี่ยมพลัง สามารถยกโทษชำระเราแต่ละคนได้อย่างหมดจด ตั้งแต่ครั้งแรกและครั้งเดียว แต่เนื่องจากเราแต่ละคนมีขนาดความมั่นคงทางจิตใจ ในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกัน ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ความเปราะบางและความเข้มแข็งในแต่ละด้านที่ต่างกัน ดังนั้นความมั่นใจในการชำระแต่ละคนจึงต่างกัน แม้ในตัวคนๆ เดียวกัน ก็อาจต่างกันในแต่ละเรื่อง แต่ละเวลาด้วยซ้ำ จึงไม่ควรท้อแท้ หรือปรักปรำตนเอง ในการใช้เวลารับการชำระจากพระเจ้า หากยาวนานกว่าคนอื่น หรือไม่ทันใจตนเอง >>> เพราะในขณะนั้นเรากำลังอยู่ในกระบวนการสร้าง การเยียวยา และการรื้อฟื้น ไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะมีชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง ตัวอย่าง  พระเยซูสอนเปโตรให้ยกโทษ 7×70 ครั้ง มัทธิว 18:21-22 21 ขณะนั้นเป‌โตรมาทูลพระ‍องค์ว่า… Read More »

ระดับการตอบสนองพระเจ้า 2 แบบ

1 คร.10:13 ไม่‍มีการทด‍ลองใดๆ เกิด‍ขึ้นกับท่าน‍ทั้ง‍หลาย นอก‍เหนือการทด‍ลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระ‍เจ้าทรงซื่อ‍สัตย์ พระ‍องค์จะไม่ทรงให้พวก‍ท่านต้องถูกทด‍ลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทด‍ลอง พระ‍องค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวก‍ท่านจะมีกำลังทนได้ ระดับการตอบสนองพระเจ้า 2 แบบ 1.    ไม่รู้หนทางข้างหน้า •    เมื่อมีสถานการณ์ใดๆ ที่ต้องเผชิญแม้ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้มาก่อนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่รู้ว่าหนทางในการตอบสนองจะเป็นอย่างไร คำตอบของพระเจ้าคืออะไร สิ่งที่ต้องตอบสนองคือ… วางใจ •    พระเจ้าจะทดสอบเรื่องความวางใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร สิ่งที่ตอบสนองจะถูกหรือไม่ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่พระเจ้าจะทรงทอดพระเนตรที่จิตใจภายในของเราว่าเต็มที่หรือยัง ไว้วางใจและร่วมผจญภัยไปกับพระเจ้า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาคำตอบและทางออกในการก้าวเดินจากพระเจ้า ระมัดระวังโดยมีพื้นฐานพระคัมภีร์เป็นหลัก เพื่อตีกรอบในการตอบสนองอย่างดี •    ระดับการตอบสนองจุดนี้ พระเจ้าวัดว่าภายในเราผ่านแค่ไหน? เพื่อสร้างความแกร่งและความเข้าใจพระองค์มากขึ้น แม้ตอบสนองถูกบ้างผิดบ้าง ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นหลักคือ เราต้องผ่านเรื่องความวางใจพระองค์และพึ่งพาพระองค์ ซึ่งหนทางข้างหน้าพระองค์จะเป็นผู้กระทำเอง •    *** สรุป ตอบสนองเต็มที่ที่สุด เพราะพระเจ้าวัดเส้นผ่านแค่ใจผ่าน เมื่อใจผ่านสิ่งอื่นจะตามมาเอง ***   2.    พระเจ้าเปิดเผยให้รู้ล่วงหน้า •    รู้ทุกอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาใดๆ เพื่อเตรียมรับมือ… Read More »

หัวใจของผู้เป็นแม่อย่างนางมารีย์

พระเจ้ามีแผนการณ์ในเราแต่ละคน แต่ละส่วน และแต่ละช่วงเวลา ซึ่งแผนการณ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราอาจบรรจบตรงกับใครบางคน เพื่อร่วมกัน หรือประสานกัน แต่ละส่วนเป็นอย่างดี ครบถ้วน ในบางช่วงเวลา… แน่นอนพระเจ้าไม่ได้ให้เรามีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หรือยืนทุกตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเราเองคนเดียว… แต่ทรงนำเราแต่ละคนมาประกอบกัน เหมือนอวัยวะประกอบเป็นร่างกาย และมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ส่วนตัวเราเองจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างยิ่งถึงแผนการณ์ของพระเจ้า เพื่อจะอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ และรู้จุดยืนของตนว่า “พระองค์วางเราไว้ตรงไหน?” และ “เราต้องตอบสนองสิ่งใดๆบ้าง?” พระบิดาทรงใช้ครรภ์ของนางมารีย์ เพื่อให้กำเนิดพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่มารับสภาพมนุษย์บนโลก แต่พระบิดาทรงกำหนดและเลือกหญิงสาวพรหมจรรย์ผู้นี้ ในการทำให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จและสมบูรณ์ ส่วนนางมารีย์ก็ตอบสนองพระเจ้าได้อย่างดีทีเดียว เธอสามารถละทิ้งความอับอาย เกียรติยศ ชื่อเสียงและความสะดวกสบายที่เธอมี เพื่อจะเดินตามน้ำพระทัยพระเจ้าและมีส่วนสำคัญในงานของพระองค์ในครั้งนี้ เธอพบความยากลำบากในการตั้งครรภ์ ตลอดจนการคลอด การเลี้ยงดูให้พระบุตรเจริญวัย แต่เมื่อถึงวาระครบบริบูรณ์ นางมารีย์คนนี้รู้น้ำพระทัยพระบิดาแต่แรกแล้วว่าบุตรในครรภ์ของเธอคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และเธอรู้ว่าเธอต้องอยู่ในแผนการณ์ของพระองค์นานเพียงใด รู้ว่าพระบุตรนั้นแม้จะเป็นบุตรของเธอแต่ก็ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของพระบิดาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…. เมื่อถึงวาระพระเยซูทรงออกทำพระราชกิจของพระองค์ หญิงคนนี้ไม่ได้ขัดขวางเอาเสียเลย จะเห็นได้ว่าพระเยซูทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ โดยปราศจากการขัดขวางของครอบครัวเลย อาจมีเพียงครั้งเดียวที่ครอบครัวยังไม่รู้ ว่าถึงวาระและเวลาของพระองค์แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงครั้งเดียว… เพราะหลังจากนั้นเราไม่เห็นการปรากฏของนางมารีย์ในการขัดขวางเลย หัวอกคนเป็นแม่… ยามเมื่อลูกเติบโตต้องยอมให้ออกไปค้นหาตนเอง และพระเยซูทรงทำเช่นนั้นตามน้ำพระทัยพระบิดา … ส่วนของนางมารีย์ผู้ผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยเพื่อการคลอด การเลี้ยงดูพระเยซู คงมีทั้งความรักผูกพัน การทุ่มเทชีวิต ความหวงแหน… Read More »

การด่าทอ

การด่าทอเป็นเพียงแค่การระบายอารมณ์ของตนให้พุ่งออกไปปะทะผู้อื่น เพื่อให้ตนเองดูดีขึ้นและยกระดับคุณค่าของตน ด้วยการทำร้ายผู้อื่นด้วยคำด่า คำหยาบคาย คำดูหมิ่น คำสบประมาท คำที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ… เป็นการแสดงว่า “ตนเหนือกว่า” จึงขุดเอาคำที่เหยียบย่ำจิตใจส่วนที่ชอกช้ำให้โผล่ขึ้นมา แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว ยิ่งด่าทอ ยิ่งหยาบคาย ยิ่งสบประมาท ผู้อื่นมากเท่าไร ก็ยิ่งลดระดับความสูงส่งและมีเกียรติในสายตาผู้อื่นมากเท่านั้น อันเนื่องจาก ไม่สามารถควบคุมลิ้นของตนได้ สภษ.17:27-28 27บุค‌คลที่ยับ‍ยั้งถ้อย‍คำของเขาเป็นคนมีความรู้ และบุค‌คลผู้มีจิต‍ใจเยือก‍เย็นเป็นคนมีความเข้า‍ใจ 28แม้คน‍โง่หากนิ่งเสียก็นับ‍ว่ามีปัญญา เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับ‍ว่ามีความคิด หลายครั้งการดำเนินชีวิตบนโลกที่เสียเปรียบ มักทำให้เกิดการต่อสู้เพื่อปะทะให้เห็นว่า “ตนเองก็แน่เหมือนกัน” ออกมาในรูปแบบของการด่าทอ ดูเหมือน “ตนเองจะเหนือกว่า” แต่ท้ายที่สุดกลับส่งผลเสียโดยตรงกลับมาที่ตน สดด.34:13-14 13ก็จงระวังลิ้นของเจ้าจากความชั่ว และอย่าให้ริม‍ฝี‍ปากพูดล่อ‍ลวง 14จงหันจากความชั่ว และจงทำความดี จงแสวงหาสันติ‍ภาพ และจงติด‍ตามมันไป ยก.3:9-10 9เราสรร‌เสริญองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าและพระ‍บิดาด้วยลิ้นนั้น และเราก็แช่ง‍ด่ามนุษย์ผู้ที่พระ‍เจ้าทรงสร้างตามพระ‍ฉายาของพระ‍องค์ด้วยลิ้นนั้น 10คำสรร‌เสริญและคำแช่ง‍ด่าออกมาจากปากเดียว‍กัน พี่‍น้องของข้าพ‌เจ้า อย่าให้เป็นอย่าง‍นั้น ลนต.24:13-16 13พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสกับโม‌เสสว่า 14“จงนำผู้ที่แช่ง‍ด่านั้นออก‍มาจากค่าย ให้บรร‌ดาผู้ที่ได้‍ยินคำแช่ง‍ด่า เอามือของตนวาง‍ไว้บนศีรษะของเขา และให้ชุม‌นุม‍ชนเอาหินขว้างเขาให้ตาย 15และจงกล่าวแก่คนอิสรา‌เอลว่า ผู้‍ใดแช่ง‍ด่าพระ‍เจ้าของเขา ผู้‍นั้นจะต้องได้รับ‍โทษบาป 16ผู้‍ใดเหยียด‍หยามพระ‍นามพระ‍ยาห์‌เวห์จะต้องถูกลง‍โทษถึงตาย ให้ชุม‌นุม‍ชนขว้างเขาเสียให้ตาย คนต่าง‍ด้าวหรือชาว‍เมืองก็ดี… Read More »

เสริมสร้างให้สมบูรณ์ ใช่ว่าหักล้าง

ในโลกนี้เรื่องราวต่างๆ มีหลายด้านหลายมุมเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะมองมุมไหน แง่ไหน present จุดไหน ซึ่งการมองเห็นต่างมุม คิดแตกต่าง หลายๆ ครั้งไม่ใช่เรื่องผิดเลย เมื่อนำมาประกอบรวมกันกลับทำให้สมบูรณ์มากยิ่งๆ ขึ้น แต่มีคนส่วนมาก ที่มองเรื่องความเห็นต่างผิดไปจากความจริง ที่ว่า … คนที่เห็นต่างเป็นศัตรูความคิด หรือตั้งป้อมอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเรา คนที่ขาดความมั่นคงภายในจิตใจมักสร้างเกราะกำบังให้ตนเองและหลบซ่อนอยู่ภายใน เพื่อความปลอดภัย บ้างก็เป็นเกราะที่ปิดตนเองจากสิ่งอื่นๆ , บ้างก็เป็นเกราะคิดว่าตนต้องถูกเพียงคนเดียว , ใครเห็นต่างคนนั้นผิด หรือเป็นศัตรู •    ส่งผลให้ไม่มีการพัฒนาชีวิตหรือแนวความคิดที่เติบโตขึ้น เพราะมองแค่ด้านเดียว •    ส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งเพียงแค่มุมเดียว แต่มุมอื่น ส่วนอื่นอ่อนแออย่างแรง เพราะปิดกั้นตนเองจากสิ่งที่ตนไม่รู้ ไม่เข้าใจ แม้ผู้อื่นรู้และเข้าใจมากกว่าก็ยอมรับไม่ได้ •    ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึง หรือแม้แต่จะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ พระเยซูไม่ได้มาล้มเลิกธรรมบัญญัติ แต่ทรงมาทำให้สมบูรณ์ เมื่อพระองค์ทรงสอนเพื่อเปิดตาใจ สำแดงความกระจ่างแจ้งแก่มนุษย์ในแง่มุม ในด้านที่แตกต่าง ในส่วนที่มนุษย์เข้าไม่ถึง… เป็นเหตุให้เหล่าฟาริสี ไม่ยอมรับและเป็นเหตุให้ยกสิ่งเหล่านี้ มาโจมตีเพื่อจับกุมพระเยซู โดยตั้งข้อหาที่คำพูดบางคำ บางตอนของพระองค์ หลายครั้งเราเป็นเช่นเดียวกับฟาริสีหรือเปล่า???  ที่จับคำพูดบางคำ บางตอนของผู้อื่นขึ้นมาโจมตีและให้ร้าย แม้สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผิดไปจากพระคำพระเจ้า แต่มันผิดตรงที่คิดเห็นแตกต่างจากเรา… Read More »

บัญญัติที่ใหญ่ที่สุด

มธ.22 : 36-40 36“ท่านอา‌จารย์ในธรรม‍บัญญัตินั้นพระ‍บัญญัติข้อไหนสำคัญที่‍สุด?” 37พระ‍เยซูทรงตอบเขาว่า“ ‘จงรักองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’และด้วยสุดความคิดของท่าน 38นั่นแหละเป็นพระ‍บัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก 39ข้อที่สองก็เหมือน‍กันคือ‘จงรักเพื่อน‍บ้านเหมือนรักตน‍เอง’ 40ธรรม‍บัญญัติและคำของผู้‍เผย‍พระ‍วจนะทั้ง‍หมดก็ขึ้นอยู่กับพระ‍บัญญัติสองข้อนี้” (มก.12:28-34 ; ลก.10:25-28) ไม่มีบัญญัติใดใหญ่กว่าทั้ง 2 ข้อนี้ หากไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร? ให้อิงกลับมาที่ 2 ข้อนี้ก่อน เพื่อลดช่องทางเลือกให้แคบลง แท้จริงในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน มีหลายสิ่งเข้ามาให้เลือก ให้ตัดสินใจอยู่เสมอๆ บางสิ่งขาวดำ เลือกได้ชัดเจนไม่ยาก แต่บางสิ่งไม่มีเส้นชัดเจนขนาดนั้น ไม่มีอะไรถูก หรือ ผิด เพียงแต่อยู่ที่การลำดับความสำคัญ และ การให้น้ำหนักต่างหาก!! หากเราให้น้ำหนักกับสิ่งใดลงไป นั่นย่อมสะท้อนถึงผลลัพธ์ที่จะกลับมาถึงเรา พระเยซูทรงชี้แนะอย่างชัดเจนว่า ในท่ามกลางบัญญัติหลายข้อของพระเจ้า ข้อที่สำคัญที่สุด คือ รักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง ความคิด ดังนั้นไม่ว่าจะเลือก หรือ จะทำอะไร หากอิงข้อนี้เป็นอันดับแรก ย่อมทำให้เราสามารถรู้คำตอบว่าสิ่งใดคือ “น้ำพระทัยพระเจ้า” ได้ง่ายที่สุด … ตัวเลือกของเรานั้น มาจากคำว่า “รักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง ความคิด”… Read More »

ปรัชญาต่างๆ

จงระวังให้ดี อย่าให้ค่านิยม ปรัชญาใดๆ บนโลกเข้ามาแทนที่พระวจนะของพระเจ้า ด้วยว่าพระวจนะ ทรงพลานุภาพและได้รับการรับรองจากพระเจ้าเป็นแน่ เพราะพระเจ้าทรงตรัสด้วยพระโอษฐ์ (ปาก) ของพระองค์เอง และมอบให้เราด้วยพระหัตถ์ (มือ) ของพระองค์เอง 2 ทิโมธี 3:16-17 16พระ‍คัมภีร์ทุกตอนได้รับการดล‍ใจจากพระ‍เจ้า และเป็นประ‌โยชน์ในการสอน การตัก‍เตือนว่า‍กล่าว การแก้‍ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบ‍ธรรม 17เพื่อคนของพระ‍เจ้าจะมีความสามารถและพรัก‍พร้อมเพื่อการดีทุก‍อย่าง ข้อคิด ปรัชญาต่างๆ บนโลก มีหลายสิ่งหลายอย่างดีจริง แต่ไม่อาจนำมาทดแทนหรือแทนที่พระวจนะของพระเจ้าได้ ข้อคิดเชิงปรัชญาเหล่านั้นสามารถทำคุณประโยชน์ให้กับบางคนได้ในบางเวลา มันไม่สามารถเป็นสูตรสำเร็จได้ เพราะไม่มีการรับรองใดๆ จากผู้ใดเลย เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่ง แง่คิดหนึ่ง ของบางกลุ่มคนในบางเวลาเท่านั้น ซึ่งหากใครทำตามย่อมได้ประโยชน์ร่วมบ้าง แต่พระวจนะพระเจ้าเป็นจริงสำหรับทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าใครที่นำไปทำตามย่อมเกิดผล และได้รับการรับรองจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรับรองพระดำรัสของพระองค์เอง คนในโลกมากมายต่างฉงนสนเท่ห์ในความอัศจรรย์เหล่านี้ จึงได้มีการศึกษา ค้นคว้า และทำตามพระบัญญัติหลักการของพระเจ้า นำไปประยุกต์ใช้ในงานและบริบทของตน แม้พวกเขายังไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ก็ได้รับการรับรองให้เกิดผลอยู่ดี เช่น … หลักการหว่าน การเก็บเกี่ยว หลักการให้เกียรติบิดามารดา เพื่อไปดีมาดีบนแผ่นดินโลก หลักการความสัตย์ซื่อ แต่หลายครั้งคริสเตียนกลับสวนกระแสความจริงที่พระเจ้าตั้งไว้ในมือ… Read More »

กลัวเพี้ยน

ในพระคัมภีร์ไม่ได้ให้การเน้นน้ำหนักที่กลัวคนเพี้ยน แต่เน้นน้ำหนักส่วนใหญ่ที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ … เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบตัวเองกับพระเจ้า เป็นความรับผิดชอบที่ต้องเติบโต และพัฒนาขึ้น ความรับผิดชอบตกแก่บุคคลนั้นๆ ไม่ใช่ ผู้นำหรือผู้ชี้แนะ เว้นเสียแต่พ่อแม่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูก สามีรับผิดชอบภรรยา คนยิวก็ไม่กลัวเพี้ยน เพราะพวกเขามีพื้นฐานพระคำ ยิวมี 2 ขั้วเลย คือ เชื่อกับหลงเจิ่น ไม่มีเชื่อแต่เพี้ยน การสอนคนให้รู้จักตรวจสอบทุกสิ่งด้วยพระคำ เป็นการสอนของยิว ทุกคนต้องรู้และท่องจำพระคำ เพื่อตนเอง พวกเขาคิดแต่เพียงว่า… ?ทำอย่างไรจึงจะทำตามพระวจนะของพระเจ้าได้ … พวกเขาไม่มีความสงสัยใดๆ เลย เพราะพื้นฐานความเชื่อมาจากการมั่นใจว่าพระคำมาจากพระเจ้า เขาจะคิดว่า… ?ทำอย่างไรให้พระพรที่พระคำกล่าวไว้นั้นเป็นจริงในชีวิตส่วนตัว … ดังนั้นทุกคนมุ่งเน้นแค่ตนเองและครอบครัว คนที่มุ่งเน้นคนอื่น มีแค่ ฟาริสีเท่านั้น การสอนของพวกเขาเน้นความรู้ความเข้าใจและความล้ำลึกแห่งถ้อยคำมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะชันสูตรทุกสิ่งจากพระคำที่เขารู้ ตัวอย่าง บุคคลในพระคัมภีร์มักอ้างพระคำ อ้างถึงบัญญัติ เป็นการสะท้อนถึงการมีฐานความรู้เรื่องพระคำและบัญญัติของพระเจ้าในชีวิตของเขาเอง ดังนั้นจึงทำให้เกิดความมั่นคง และสามารถแยกแยะสิ่งที่ผิดจากพระวจนะของพระเจ้าออกไปได้   กลัวเพี้ยน 1.    ความรับผิดชอบในการรักษาชีวิตและเดินติดตามพระเจ้าเป็นของเราแต่ละคนเอง ไม่ใช่ของผู้นำ พ่อแม่ คริสตจักร ดังนั้น ทุกคนจำเป็นต้องระมัดระวังรักษาทางของตน รวมถึงหาทุกทางในการปกป้องตนเอง… Read More »

อยู่ฝ่ายผู้ใด

ผู้คนในยุคพระเยซูต่างก็ไม่รู้แน่ชัดว่า “พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้จริงหรือไม่?” … พวกเขารอคอยพระผู้ช่วย จากความรู้ ความเข้าใจที่ถูกส่งต่อๆ กันมา จากรุ่นสู่รุ่น , จากบรรพบุรุษ และ ประเพณีคำสอนที่ตกทอดต่อๆ กันมา อีกทั้งจากบัญญัติที่ทุกคนต่างได้ร่ำเรียน สะสมพระคำไว้ ซึ่งความสามารถในการตีความ ก็คงไม่พ้นกรอบความจำกัด และ การคาดคิด ตามรูปแบบของมนุษย์ผู้จำกัด เมื่อครั้งพระเยซูทรงปรากฏพระองค์เอง และ ทำสิ่งต่างๆ .. ทั้งเทศนา , สั่งสอน , ทำหมายสำคัญ , การอัศจรรย์ , … สิ่งต่างๆ ได้เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์ เป็นที่เห็นแจ้ง และ ประจักษ์แก่ทุกคนในขณะนั้นดี แต่มีกลุ่มคนที่แบ่งแยกออกเป็น 3 ประเภท 1.    สาวก และ ผู้เชื่อ – คนประเภทนี้เชื่อในสิ่งที่พระเยซูทรงทำ พวกเขาก็มีความจำกัด เฉกเช่นเดียวกับผู้อื่น ความรู้ ความเข้าใจ อยู่ในกรอบ และ รูปแบบของมนุษย์ แต่การเปิดออกของพวกเขามีมากกว่า… Read More »

ปฐก.8:1-5 พระเจ้าระลึกถึงโนอาห์

โนอาห์ไม่รู้ว่าน้ำท่วมโลกครั้งนี้จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลก ไม่มีประวัติศาสตร์ให้ศึกษา ไม่มีใครให้ปรึกษา แต่เขาเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสุดใจ ท่ามกลางความไม่รู้ และสภาวการณ์ที่เลวร้าย น่ากลัว ฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสายเป็นระยะเวลายาวนานถึง 150 วัน อาหารบนเรือก็เริ่มจะร่อยหรอลงเรื่อยๆ ไหนจะบรรดาฝูงสัตว์ที่ต้องดูแล นั่นหมายถึงจำนวนเสบียงต้องถูกแบ่งให้กับทุกสิ่งที่มีชีวิตเหล่านั้นด้วย แต่มันเพียงพอ เพราะเมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะทรงหันพระพักตร์มาเพราะทรงระลึกถึงโนอาห์ ท่ามกลางความเลวร้าย ที่ไม่อาจคาดเดา เวลาสิ้นสุดได้นั้น อย่าลืมว่านอกจากพระเจ้าจะทรงซ่อนเราในที่กำบังอันปลอดภัยแล้ว ทรงรู้ด้วยว่าเสบียงของเรามีมากน้อยเพียงใด และทรงมาก่อนเวลาที่จะหมดเกลี้ยงเป็นแน่ๆ       2015-09-16