Tag Archives: ข้อคิดเพื่อการติดตามพระเจ้า

การจัดการตัวเอง

การจัดการตัวเองเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ และผู้ที่ต้องการไปต่อ เพราะเราไม่สามารถเดินหน้าโดยมีสิ่งที่รั้งไว้ ฉุดไว้ เพราะจะไปได้ไม่ไกล …ด้วยความเหนื่อยล้านั้นจะบั่นทอนเอากำลังออกไปทีละเล็กละน้อย จนกระทั่งหมดกำลัง หมดเรี่ยวแรง และหมดสิ้นความหวังใจในที่สุด… การจัดการตัวเอง ในฝ่ายวิญญาณ การเคียร์หรือจัดการตนเอง ทำให้เรามีเสรีภาพในทุกๆ ก้าว อีกทั้งชีวิตที่เคียร์ โปร่งใส ย่อมทำให้พระเจ้าฟังถ้อยคำร้องทูลของเรา … ใจที่ขุ่นมัว ไม่สามารถรับรู้ หรือรับฟังเสียงพระเจ้าได้ชัดเจน จึงไม่แปลกที่เสียงของพระเจ้าจะเงียบหายไปในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่เสียงที่ดังก้องมักเป็นเสียงภายในใจของตนเองที่ปรารถนาตามเนื้อหนังความเป็นมนุษย์ต่างหาก เมื่อใดที่สามารถเคียร์ตนเองจนสามารถนิ่งสงบ ไร้ซึ่งอคติ ปราศจากซึ่งความขุ่นมัว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานของพระองค์ได้เต็มขนาดอีกครั้ง พระเจ้าทรงให้เวลาเราเสมอในการจัดการตัวเอง อีกทั้งยังทรงช่วยเหลือเรา เป็นกำลัง และฟื้นฟู ทรงคืนสิ่งดีอย่างยุติธรรมแก่เราและผู้คนรอบข้างเราด้วย ดังนั้นช่วงเวลาเงียบของพระองค์ คือ การที่พระองค์รอคอยให้เรากลับมายืนในจุดที่พร้อมจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานได้อย่างเต็มขนาดอีกครั้ง…   อย่าสงสัยในช่วงเวลาเงียบที่มาถึง เพียงแค่สำรวจตนเพื่อรับการชำระก็เป็นพอ   22/07/2014 10:26  

วิ่งจนถึงเส้นชัย

การแข่งขันทำให้เกิดการกระตุ้นเร้า อยากจะไปถึงเส้นชัย แม้ระยะทางแสนยาวไกล อุปสรรคมากมาย เหนื่อยล้า อ.เปาโลกล่าวถึงการแข่งขันกับตนเอง 1 คร.9:24-27 9:24 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกัน ก็วิ่งด้วยกันทุกคนแต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ 9:25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่างแล้วเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย 9:26 ดังนั้นส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งอย่างนี้โดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนักมวยที่ชกลม 9:27 แต่ข้าพเจ้าระงับความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังให้อยู่ใต้บังคับเพราะเกรงว่าโดยทางหนึ่งทางใดเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้วตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ แต่การแข่งขันกับผู้อื่น มีแต่สร้างแรงกดดัน และเบนเข็มให้ผิดทิศอยู่เสมอ บทเรียนจากเต่ากับกระต่ายวิ่งแข่งกัน กระต่าย ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยด้วยความคิดแข่งขัน จึงทำให้หมิ่นประมาทเต่า สบประมาท และยกตนข่มท่าน จนกระทั่งอวดตัวและความสามารถของตนว่าสูงกว่า ขาดซึ่งความสัตย์ซื่อด้วยประเมินศักยภาพความสามารถของตนไว้เหนือกว่า ♥    สุดท้ายการวิ่งของกระต่ายนอกจากไม่เกิดความสุขแล้วยังพ่ายแพ้ เต่า ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยอย่างต่อเนื่องสุดความสามารถของตนอย่างสัตย์ซื่อ ไม่คิดและไม่สนเรื่องการแข่งขันใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายของมัน คือ เส้นชัย ไม่ใช่ผู้ร่วมทาง มันจึงไม่ต้องยกตัวให้สูงกว่าใคร มันก้าวไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ แต่ไม่ถอย ไม่หละหลวม ♥    ในที่สุดมันก็ได้เข้าเส้นชัย โดยที่มันไม่รู้ตัวหรือสนใจเลยว่า มันมาถึงก่อนกระต่ายผู้อวดตนว่ายิ่งใหญ่   วิ่งจนถึงเส้นชัย 1.  … Read More »

เหตุใดดาวิดจึงฟังนาธัน

แทนที่ดาวิดจะโกรธเคือง เกรี้ยวกราด ที่นาธันมาเตือนตนเองเรื่องความผิดบาปที่ได้ทำต่อบัทเชบาและครอบครัวของเขา ทั้งที่ดาวิดเป็นถึงกษัตริย์ มีทั้งตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจสิทธิอำนาจ ในการสั่งให้ทำอะไรนาธันก็ได้… 2 ซมอ.11:1-27 >> กล่าวถึงความผิดบาปที่ดาวิดทำเรื่องนางบัทเชบา 11:1 และอยู่มาพอสิ้นปีแล้วเมื่อบรรดากษัตริย์ยกกองทัพออกไปรบดาวิดทรงใช้โยอาบพร้อมกับพวกข้าราชการและอิสราเอลทั้งหมดเขาไปกวาดล้างคนอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์ไว้ แต่ดาวิดประทับที่เยรูซาเล็ม 11:2 อยู่มาเวลาเย็นวันหนึ่งเมื่อดาวิดทรงลุกขึ้นจากพระแท่นและดำเนินอยู่บนดาดฟ้าหลังคาพระราชวังทอดพระเนตรจากหลังคาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอาบน้ำอยู่ หญิงคนนั้นสวยงามมาก 11:3 ดาวิดทรงใช้คนไปไต่ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งมากราบทูลว่า “หญิงคนนี้ชื่อบัทเชบา บุตรสาวของเอลีอัมภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” 11:4 ดาวิดก็ทรงใช้ผู้สื่อสารไปรับนางมา นางก็มาเฝ้าพระองค์แล้วพระองค์ทรงร่วมหลับนอนกับนาง พอดีนางได้ชำระตัวให้สิ้นมลทินของนางแล้วแล้วนางก็กลับไปเรือนของตน 11:5 ผู้หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์ นางจึงใช้คนไปกราบทูลดาวิดว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว” 11:6 ดาวิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า “จงส่งอุรีอาห์คนฮิตไทต์มาให้เรา” โยอาบก็ส่งตัวอุรีอาห์ไปให้ดาวิด 11:7 เมื่ออุรีอาห์เข้าเฝ้าพระองค์ ดาวิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกพลเป็นอย่างไร การสงครามคืบหน้าไปอย่างไร 11:8 แล้วดาวิดรับสั่งอุรีอาห์ว่า “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” อุรีอาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากกษัตริย์ตามไปให้ 11:9 แต่อุรีอาห์ได้นอนเสียที่ประตูพระราชวังพร้อมกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของเขา มิได้ลงไปที่บ้านของตน 11:10 เมื่อมีคนกราบทูลดาวิดว่า “อุรีอาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขาพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดรับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “เจ้ามิได้เดินทางมาดอกหรือทำไมจึงไม่ลงไปบ้านของเจ้า”… Read More »

ความยำเกรงพระเจ้า

ความยำเกรงพระเจ้านำปัญญาความเข้าใจและความล้ำลึกมาถึง ผู้ที่ขาดความยำเกรงไม่สามารถเข้าใจสัจจะแห่งความจริงของพระเจ้าได้อย่างถ่องแท้ หรือเรียกว่า “เข้าไม่ถึง” ความถ่อมใจเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของความยำเกรง นั่นแสดงว่า หากมีความยำเกรงพระเจ้า ย่อมมีใจถ่อมเป็นพื้นฐาน คนที่ถ่อมต่อพระเจ้าเท่านั้นจึงจะยำเกรงพระองค์ ผู้ที่หยิ่งผยองก็จะมองข้ามสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าให้โดยสิ้นเชิง อาจเพียงแค่คาดหวังพระพรเท่านั้น เมื่อถ่อมลงปัญญาก็จะถูกเปิดออก เพราะการถ่อมใจจะทำให้เปิดใจ เมื่อใจเปิดก็สามารถรับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและดีขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าจะใส่และเติมให้ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของความยำเกรงพระเจ้าคือ การมอบถวายเกียรติแด่พระเจ้า … ยิ่งถ่อมลง ยิ่งยำเกรง ยิ่งเห็นพระคุณ ยิ่งซาบซึ้ง และรู้ว่าตนเองนั้นเล็กน้อยจริงๆ แต่เป็นพระเมตตาคุณของพระเจ้าต่างหากที่ประทานให้ ทำให้ได้รับและถ่อมลงมากขึ้นอีก และได้รับมากขึ้นอีก ต่อไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรไม่จบสิ้น แต่บางคนจบสิ้น แค่บางช่วงเวลา เนื่องจากขาดจากวัฏจักรแห่งความยำเกรงพระเจ้าในชีวิต ภาพ : วงกลม ไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อไรที่หยุด ก็เป็นจุดจบ และไม่เป็นวงกลมอีกต่อไป สิ่งสอดคล้องกับความยำเกรงพระเจ้า คือ การคิดเห็นแก่พระองค์ … เป็นไปไม่ได้ที่เรายำเกรงคนๆ หนึ่ง โดยที่ไม่แคร์หรือใส่ใจเขา การดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า คือ การสนใจ ใส่ใจทุกรายละเอียดของชีวิตว่าเป็นที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้าหรือไม่ มนุษย์พยายามเอาใจคนที่รัก ด้วยการใช้ชีวิตตามแบบที่เขาชอบ เหตุไฉน? ผู้ที่รักพระเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตตามชอบพระทัยของพระองค์… Read More »

วิธีการของพระเจ้ากับความไม่เข้าใจของมนุษย์

วิธีการของพระเจ้า หลายครั้งมักไม่เข้าใจ หาเหตุผลมารองรับไม่ได้… บ่อยครั้งที่พระเจ้ามักมีวิธีการที่เกินความเข้าใจของเรา เกินขอบเขตความสามารถของเราที่จะคิดได้ เนื่องจากมนุษย์มีความจำกัดหลายๆ ด้าน ทั้งมิติเวลา ทั้งความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และอื่นๆ แต่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูไม่ทรงถูกจำกัดด้วยสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายต่อหลายครั้ง แม้จะควาญหาเหตุผลหรือข้อมูลใดๆ ก็ไม่สามารถรองรับแนวทางของพระเจ้าได้เลย แต่เมื่อใดก็ตามที่เชื่อฟังได้… นั่นแสดงว่าสอบผ่าน 2 เรื่อง คือ 1. ความเชื่อ >> เพราะมันมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ ไม่ได้เป็นไปตามปกติวิธี แต่ยังคงเชื่อในพระเจ้าอยู่ 2. ความวางใจ >> การเชื่อฟังแบบหาเหตุผลมารองรับเป็นรูปธรรมไม่ได้ ต้องอาศัยความไว้วางใจต่อผู้ที่เรากำลังเชื่อ จึงจะสามารถเชื่อฟังได้ และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด จะได้รับพระพร 3 ด้าน 1. พระพรแห่งความเชื่อ = ได้รับตามที่ทรงสัญญา ฮบ.11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง 2. พระพรแห่งความวางใจ = สันติสุข มีกำลัง มีปัญญา 3. พระพรแห่งการเชื่อฟัง… Read More »

เครดิต

เครดิต สร้างได้ ถูกทำลายได้ ขโมยได้ เครดิตเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อความน่าเชื่อถือด้วยกันเองในหมู่มนุษย์ด้วยกัน เพื่อจะใช้อ้างอิงได้ อันเนื่องจากมนุษย์คนบาปไม่สามารถรับรองตนเองได้ 100% เพราะทุกคนย่อมมีส่วนที่ขาด ส่วนที่บกพร่อง ส่วนที่ผิดพลาด และส่วนที่บาป เครดิตจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อ ทดแทน ปกปิด ส่วนด้อยนั้น และดึงเอาส่วนแข็งออกมา แต่พระเจ้าไม่เคยมองหาเครดิตจากเราเลย ทรงใส่คุณค่าให้แก่เราตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ทรงให้ความเชื่อมั่นเราตั้งแต่ทรงเริ่มแผนการณ์ของพระองค์ในชีวิตเรา ทรงรู้ทุกจุดอ่อนแข็งในชีวิตเราที่แม้เราเองก็ไม่รู้ หรือใครก็มองไม่เห็น ดังนั้นหากพระเจ้ามองที่เครดิตแล้ว ในสายตาพระองค์ผู้ทรงรู้ทุกซอกมุม จะให้เราผ่านได้หรือ??? ความรักของพระเจ้าไม่จำกัดว่าต้องแลกด้วยประวัติอันดีงามสวยหรูเพียงใด เพราะแม้เราเพิ่งทำผิดพลาดหมาดๆ พระองค์ก็ยังคงกู้ แม้ในความบาปของเราก็ยังทรงตรัส เพื่อนำเรากลับมาและช่วยเรา นั่นสะท้อนให้เห็นว่าทรงให้โอกาสเราในการกลับใจใหม่และเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ หลายครั้งมนุษย์ยึดติดกับเครดิตมากเสียจน ทำให้เป็นตัวกำหนดคุณค่าผู้อื่นหรือตนเอง แทนที่คุณค่าที่พระเจ้าตั้งและให้ไว้ แน่นอนว่า การรักษาชีวิตที่ดีเป็นเรื่องพื้นฐานของเรากับพระเจ้าที่พึงกระทำเป็นอย่างมาก เมื่อคนได้พบพระคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่มีใครยังฝืนทำบาปได้ เพราะความบริสุทธิ์ของพระเจ้าสามารถชำระทุกสิ่งและทุกคนที่อยู่ใกล้… พระคุณอาจหลงลืมได้ หากเหินห่าง พลังอานุภาพของพระเจ้าทำให้มนุษย์ที่เผชิญหน้ากับพระองค์ไม่สามารถมีใจที่แข็งกระด้างอยู่ได้ (แม้แต่มารเองก็ตาม) แต่เมื่อไม่ได้เผชิญหน้ากับพระเจ้า เป็นปกติที่มนุษย์คนบาปมักหลงลืม และ ละทิ้งพระคุณได้ ดังนั้นเมื่อรักษาชีวิตเป็นอย่างดี เดินในมรรคาของพระเจ้า ย่อมมีเครดิตเกิดขึ้น เพราะการพิสูจน์ชีวิต เพราะการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระลักษณะพระเจ้า…    … Read More »

เลิกกักขังตนเอง ด้วยเหตุผลจอมปลอม

ในโลกนี้ไม่มีชีวิตใครที่โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดไป เหมือนในนิยาย ที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน ต่างก็ย่อมมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก , ช่วงเวลาที่ไม่ชอบ , ช่วงเวลาที่เจ็บปวด , ช่วงเวลาที่ทนทุกข์ กันทั้งนั้น แม้ว่าเราแต่ละคนจะมีโอกาสและพื้นฐานชีวิตที่แตกต่างกันก็ตาม เพียงแต่แง่มุม และลักษณะของเหตุการณ์ , สถานการณ์ชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน ♥   เรื่องบางเรื่องอาจมีผลกระทบกับคนบางคนอย่างมาก… แต่กับบางคนกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ♥     เรื่องบางเรื่องบางคนใช้เวลานานมาก กว่าจะผ่านไปได้ … แต่บางคนใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ♥     เรื่องบางเรื่องสำหรับบางคนแค่ตัดใจก็ผ่านได้ … แต่บางคนต้องปล้ำสู้ ล้มลุกคลุกคลาน ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละคนอาจจะมีเรื่องที่มีผลกระทบต่อชีวิตแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดอ่อนไหวของแต่ละคน ♣    บางคนอ่อนไหวง่ายกับการเงิน ♣    บางคนอ่อนไหวง่ายเรื่องเพศตรงข้าม ♣      บางคนอ่อนไหวง่ายเรื่องคำพูด ♣      บางคนอ่อนไหวง่ายเรื่องการให้เกียรติ , การถูกยอมรับ ♣      บางคนอ่อนไหวง่ายกับเรื่องครอบครัว , คนใกล้ตัว ♣    … Read More »

? ทำไมเชื่อแล้ว … แต่ไม่เห็นความยิ่งใหญ่

ฮบ.11:39-40 11:39 คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดีโดยความเชื่อ ก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ 11:40 ด้วยว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมการอย่างดีกว่าไว้สำหรับเราทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เขาทั้งหลายถึงที่สำเร็จนอกจากเรา หลายครั้งเราก็เริ่มต้นด้วยความเชื่อ แต่มีบางครั้ง บางเรื่อง บางเวลา ดูเหมือนไม่เห็นอะไรมากนัก ทั้งที่เชื่อเต็มเปี่ยม   ? ทำไมเชื่อแล้ว … แต่ไม่เห็นความยิ่งใหญ่ 1. ระยะเวลา ♥    พระเจ้ามีระยะเวลาสำหรับแต่ละเรื่อง แต่ละคนอย่างเจาะจง ในระหว่างเวลาที่ยังมาไม่ถึง นั่นแหละคือช่วงเวลาการใช้ความเชื่อ … ♥    ความเชื่อไม่ใช่จะใช้กันแค่แป๊บๆ แต่จำเป็นต้องผ่านระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อด้วย ยิ่งเนิ่นนาน หากยังคงรักษาความเชื่อไม่คลอนแคลนไปเป็นอื่น เพราะมันยังมาไม่ถึงสักทีก็เป็นการพัฒนาความเชื่อมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวบ่งชี้ขนาดความเชื่อของเรา ว่าสามารถใช้ความเชื่อที่มีอยู่ผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้หรือไม่ เช่น ระยะเวลาที่นาน , ข้อสงสัย , ข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อและพระสัญญาของพระเจ้า , ตัวเร้าทั้งภายในของเราเอง ทั้งเสียงรอบข้าง ทั้งการบีบรัดด้านเวลา… ♥    เราจะเติบโตด้านความเชื่อมากขึ้นเพื่อรับพระสัญญา หรือล้มเลิกกลางคันแล้วไม่ได้อะไรเลยเพราะไม่ผ่าน 2. บางสิ่งไม่ได้เห็นในรุ่นตนเอง แต่จะตกทอดถึงคนรุ่นหลัง ♥    เราต้องเชื่อก่อนว่า พระเจ้าไม่เคยโกหก ไม่ทรงบิดเบือน… Read More »

ลักษณะปากที่พระเจ้าอวยพร

เป็นปกติที่เมื่อเราร้องทูลสิ่งใดๆ ต่อพระเจ้า ใจปรารถนาจะได้รับคำตอบย่อมนำหน้าอย่างแน่นอน เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์ผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราต้องการให้พระเจ้าฟังคำอธิษฐานจากปากที่ร้องทูล สิ่งที่ต้องโยนทิ้ง 1. คำด่าทอ สบถ : เป็นการโต้ตอบสิ่งร้ายด้วยการร้าย 2. คำบ่นต่อว่า : เป็นการแสดงถึงความไม่พึงพอใจพระเจ้า , ไม่พึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น , ไม่พึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับ 3. คำแช่งสาป : เป็นการนำคำแช่งสาปถึงผู้อื่น = ทำร้ายผู้อื่น , พิพากษา , ตั้งตนเป็นใหญ่ 4. คำหยาบคายลามก : เป็นการกระทำบนเนื้อหนังตัณหา และการอธรรมของโลก ทั้งสิ้นล้วนสะท้อนจิตใจภายใน เมื่อใดที่เราสามารถควบคุมลิ้น และฝึกฝนได้ ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าจิตใจภายในถูกควบคุมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เราสามารถฝึกฝนทีละเล็กละน้อย พร้อมๆ กับรับการชำระและสร้างใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธ์ผู้ทำงานอยู่ภายในเรา … แน่นอนตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์มักตอบโต้ต่อสิ่งเร้าตามเนื้อหนัง เค้าโครงความคิดภายใน… แต่หากเราร่วมมือ ยอมจำนน และตระหนักในทุกครั้งถึงพระองค์ผู้บริสุทธิ์  การกลับใจใหม่จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และกระบวนการสร้างใจใหม่จะถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ ความระมัดระวังเพื่อยำเกรงพระเจ้าจะมากขึ้น , ถี่ขึ้น …. จนกระทั่งกลายเป็นลักษณะชีวิตและนิสัยใหม่ จนกระทั่งมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป… Read More »

อย่าพลาดเพราะกลัวศัตรู

ผวฉ.2:1-5 2:1 ฝ่ายทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเยโฮวาห์ได้ขึ้นไปจากกิลกาลถึงโบคิมและกล่าวว่า “เราได้ให้เจ้าทั้งหลายขึ้นไปจากอียิปต์และได้นำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้แก่บรรพบุรุษของเจ้าและเรากล่าวว่า ‘เราจะไม่หักพันธสัญญาที่เราได้มีไว้กับเจ้าเลย 2:2 และเจ้าทั้งหลายอย่าทำพันธสัญญากับชาวแผ่นดินนี้เจ้าต้องทำลายแท่นบูชาของเขาเสีย’ แต่เจ้ามิได้เชื่อฟังเสียงของเราเจ้าทำอะไรเช่นนี้เล่า 2:3 ฉะนั้นเรากล่าวด้วยว่า ‘เราจะไม่ขับไล่เขาเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าเจ้าแต่เขาจะเป็นเช่นหนามอยู่ที่สีข้างของเจ้า และพระของเขาจะเป็นบ่วงดักเจ้า’” 2:4 อยู่มาเมื่อทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์กล่าวคำเหล่านี้แก่บรรดาคนอิสราเอลแล้วประชาชนก็ส่งเสียงร้องไห้ 2:5 และเขาเรียกที่ตำบลนั้นว่า โบคิม และเขาทั้งหลายได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเยโฮวาห์ที่นั่น แท้จริงพระเจ้าตั้งพันธสัญญากับชนอิสราเอล โดยการยกดินแดนคานาอันทั้งหมดให้กับเขา ปฐก.17:8 และเราจะให้แผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่เป็นคนต่างด้าวนี้คือบรรดาแผ่นดินคานาอันแก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา” แต่เนื่องจากอิสราเอลไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้าอย่างสุดใจ ไม่ได้ใช้วิธีการที่พระเจ้าตรัสสั่งอย่างเข้มงวด พวกเขาคิดเอาเองว่า … “นี่ก็เพียงพอแล้ว” การเชื่อฟังพระเจ้าในบางส่วนผสมผสานกับกระบวนการหรือขนบธรรมเนียมปฏิบัติทั่วๆ ไปทำให้ไม่มีผลอะไร  ไม่เกิดสิ่งใดขึ้นตามี่พระเจ้าตรัสไว้แต่แรกเลย ผวฉ.1:24-36 1:24 และผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพูดกับเขาว่า “ขอชี้ทางเข้าเมืองนี้ให้แก่เรา และเราจะปรานีเจ้า” 1:25 ชายคนนั้นก็ชี้ทางเข้าเมืองให้และเขาประหารเมืองนั้น ทำลายเสียด้วยคมดาบ แต่เขาปล่อยให้ชายคนนั้นและครอบครัวทั้งสิ้นของเขารอดไป 1:27 มนัสเสห์มิได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชานและชาวชนบทของเมืองนั้นให้ออกไปหรือชาวเมืองทาอานาคกับชาวชนบทของเมืองนั้นหรือชาวเมืองโดร์กับชาวชนบทของเมืองนั้นหรือชาวเมืองอิบเลอัมกับชาวชนบทของเมืองนั้นหรือชาวเมืองเมกิดโดกับชาวชนบทของเมืองนั้นแต่คนคานาอันยังขืนอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 1:28 อยู่มาเมื่อคนอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้นก็บังคับคนคานาอันให้ทำงานโยธา แต่มิได้ขับไล่ให้เขาออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง 1:29 และเอฟราอิมมิได้ขับไล่คนคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ให้ออกไป แต่คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา 1:30 เศบูลุนมิได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรน หรือชาวเมืองนาหะโลล แต่คนคานาอันได้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธา 1:31 อาเชอร์มิได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค… Read More »