Tag Archives: ข้อคิดเพื่อการดำเนินชีวิต

คุณสมบัติคัดเลือก

ทุกตำแหน่งทุกงานย่อมต้องมีคุณสมบัติเป็นตัวตั้ง เพื่อเป็นตัวกรองคุณภาพเข้าข่ายในส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะการเริ่มต้น เมื่อคุณสมบัติเบื้องต้นผ่านก็สามารถเริ่มต้นได้ดี ในขณะที่ระหว่างทางความเข้นข้นย่อมมากขึ้น เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเหมาะสมในตำแหน่งที่ยืน และพัฒนาไปต่ออีกขั้น คนที่สามารถพัฒนาคุณสมบัติของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีโอกาสที่จะไปต่อ และพัฒนาในลำดับขั้นต่อไป แต่คนที่ไม่พัฒนาคุณสมบัติของตนเองก็จะหยุดยั้งอยู่ที่เดิม หรือจุดสูงสุดของความสามารถเดิม ภาพ : การเดินผ่านเขตแดน หรือห้องแต่ละชั้น เข้าไปเรื่อยๆ คุณสมบัติเหล่านี้จะเป็นตัวยืนยันถึงความเหมาะสมและคู่ควรของเราในตำแหน่งและจุดที่ยืนนั้น ซึ่งแต่ละงาน แต่ละด้าน แต่ละตำแหน่ง ย่อมมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือ ยืนอยู่ในที่ๆ ตรงกับคุณสมบัติของเรา หากเราถูกตั้งให้ยืนอยู่ในตำแหน่งหนึ่ง วันหนึ่งเราจะรู้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้ได้เลือกให้เราอยู่ต่อไป หรือไม่ใช่ที่ของเรากันแน่ ซึ่งเรียกว่า “คุณสมบัติคัดเลือก” ด้วยคุณสมบัติจะค่อยๆ คัดเลือกคนเองจากสิ่งที่ทำว่า เขาควรอยู่หรือไป ตำแหน่งใด แค่ไหน ใช่หรือไม่   คุณสมบัติคัดเลือก    1. เมื่อเริ่มต้นคุณสมบัติเบื้องต้น อาจจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้น แต่ต่อไปเรื่อยๆ การพัฒนาตามลำดับขั้นเป็นเรื่องปกติที่ต้องมี เพราะคนเราจำเป็นต้องโต ตัวอย่างเช่น :: การผ่านสัมภาษณ์งาน เมื่อเริ่มต้นคุณสมบัติเพียงพอจะเข้าร่วมองค์กร แต่เมื่ออยู่ในองค์กร ก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างเจาะจงมากขึ้น หากทำไม่ได้ หากไม่พัฒนา… สุดท้ายก็ต้องออกไปจากงานนี้ เพราะคุณสมบัติไม่ถึง… Read More »

การหมักบ่ม

การหมักบ่มจำเป็นต้องรอให้ได้ที่ด้วยวันเวลาและอุณหภูมิ หากเปิดฝาภาชนะที่ปิดไว้เพื่อการหมักบ่มก่อนเวลาอันควร มันจะทำให้เสียรสชาติและคุณภาพ บ้างก็ต้องทิ้งเสียเนื่องจากยังไม่ได้ที่จึงใช้ไม่ได้ วันเวลาของพระเจ้ามีความหมายเสมอ ทรงหมักบ่มจนกว่าชีวิตเราจะสามารถใช้การได้ หากเร่งรีบก่อนเวลาของพระเจ้าจะทำให้ใช้การไม่ได้จริง ไม่ยั่งยืน   เราไม่มีความจำเป็นต่องรีบร้อน หากพระเจ้าไม่ได้รีบเร่งในตัวเรา มันจะถึงเวลาและวาระของเราเป็นแน่ แต่หากไม่ใช่… การออกตัวก่อนที่พระเจ้าจะเคลื่อนย่อมนำความบิดเบี้ยวไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า หากยังพอนำกลับมาหมักบ่มต่อจนถึงเวลาได้ก็ไม่ส่งผลเสียอันใด นอกเสียจากการบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ … แต่หากต้องทิ้งเสียแล้วเริ่มใหม่ ก็เป็นการเสียเวลายิ่งนัก *** อย่าเร่งรีบหากพระเจ้าไม่รีบเร่ง เพราะการรับรองเป็นของพระเจ้า อยากได้รับการรับรอง ต้องอดใจรอจนกว่าจะถึงเวลาที่ทรงเคลื่อนจริงๆ   ในแต่ละวาระเวลาย่อมมีคุณค่าและประโยชน์ของมันอย่างลงตัว การเรียนรู้ที่จะอยู่ในเวลาของพระเจ้าจึงส่งผลดีต่อชีวิตคริสเตียนเป็นแน่แท้   07/06/2014 12:13    

รากของการไม่เชื่อฟัง

1. การไม่สามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ = ขาดความเชื่อ – ผู้ที่ไม่สามารถวางใจพระเจ้าได้ จะยินดีเชื่อฟังพระองค์ได้อย่างไร ?? ดังนั้นสิ่งที่เราจำเป็นต้องถูกสร้างให้มั่นคงก่อน การเชื่อฟัง คือ ความไว้วางใจในพระเจ้า เราจะสามารถวางใจพระเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ … >> มีความสัมพันธ์ที่แนบสนิทกับพระองค์เป็นอย่างดี เราสนิทกับใครก็ย่อมวางใจคนนั้นได้อย่างง่ายดาย – ในขณะที่ยังไม่สามารถวางใจได้ สิ่งสำคัญคือความเชื่อ การเชื่อในบุคคลนั้นๆ ย่อมทำให้เราสามารถละความกังวลและคลายปมลง เช่นเดียวกับผู้ที่เชื่อในพระลักษณะพระเจ้าว่า “ทรงเป็น…” ในชีวิตย่อมทำให้คลายจากสิ่งที่บีบรัดลง และสามารถสร้างความวางใจได้มากขึ้น – เป็นที่แน่นอนว่ายิ่งผู้ที่เติบโตในความเชื่อมากเท่าไร ยิ่งมีความวางใจในพระเจ้าได้มากเท่านั้น , ยิ่งผู้ที่มีความสัมพันธ์แนบสนิทกับพระองค์มากเท่าไร ความเชื่อวางใจยิ่งมากเท่านั้น และต้นสายของความเชื่อวางใจคือความสัมพันธ์ที่แนบสนิทกับพระองค์ เป็นตัวแปรที่ผันตามกันโดยตรง   2. ดูหมิ่นพระเจ้า – ผู้ที่ละเลยไม่สนใจในคำสั่งของพระเจ้า ที่ไม่ได้มาจากขาดความเชื่อวางใจ อีกแง่หนึ่ง … คือการดูหมิ่นพระเจ้า – การให้เกียรติ ย่อมมีผลที่เห็นชัดเจนในความยำเกรงและนอบน้อม เราให้เกียรติผู้ใด ย่อมอยากจะทำตาม เดินตาม สนับสนุนเป็นที่สุด อย่างสุดความสามารถ ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่ให้เกียรติพระเจ้าย่อมมุ่งตรงไปที่น้ำพระทัยและคำสั่งของพระองค์ ที่มาถึงเราเป็นการส่วนตัวอย่างที่สุด… Read More »

พระเจ้าไม่เคยลืม แม้เราหลงลืมไปแล้ว

ในทุกคำตรัสของพระองค์จะเป็นจริงเป็นแน่ แม้วันเวลาผ่านไปแสนเนิ่นนานสักเพียงใด มันจะถูกทำให้ปรากฏและเห็นว่าเป็นจริงในที่สุด เมื่อพระเจ้าทรงตรัสสิ่งใดกับเราไว้ หรือทรงสัญญาไว้ สิ่งนั้นไม่ได้เลือนหายไปตามวันเวลา แต่จะเป็นจริงอย่างแน่นอน… แม้วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งตัวเราเองก็ลืมไปแล้ว ถึงสิ่งที่ทรงตรัส ทรงสัญญา หรือแม้แต่สิ่งที่ร้องขอต่อพระเจ้าไว้ในอดีต … แต่แผนการณ์ของพระเจ้ายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านการดำเนินชีวิตที่แสนเรียบง่ายอย่างสัตย์ซื่อของเราในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา… และเมื่อถึงวาระเวลากำหนดมาถึง เราจะค้นพบว่าทุกสิ่งที่ทรงตรัสได้บังเกิดขึ้นและมันไม่สูญหายไปตามกาลเวลาหรือสถานการณ์   พระเจ้าไม่เคยลืม แม้เราหลงลืมไปแล้ว   พระเจ้าจะนำพาเรากลับมายืนในจุดที่ทรงตรัสไว้ล่วงหน้าแล้ว (ตั้งแต่ในอดีต) – ชีวิตโยเซฟ พระเจ้าสำแดงถึงแผนการในชีวิตเขา ผ่านความฝันในวัยเด็ก ใช้เวลากว่า 40 ปีจึงบังเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาเหล่านั้นต้องผ่านการขัดเกลาจน เติบโต ผ่านความอดทน เรียนรู้ ยอมจำนน … แต่ไม่ว่าจะนานเพียงใด สิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้มันบังเกิดขึ้นจริง – ชีวิตอับราฮัม จะมีลูกหลานดั่งเม็ดทรายในทะเล คำตรัสของพระเจ้าเป็นจริงจวบจนทุกวันนึ้ แต่อับราฮัมได้เห็นแค่รุ่นลูกหลานเพียงไม่กี่คน แต่เขามั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้า บัดนี้เป็นจริงตามถ้อยคำตรัสของพระองค์ – การพยากรณ์จากพันธสัญญาเดิม (OT) เกิดขึ้นในพันธสัญญาใหม่ (NT) ….. ….. ….. – ในชีวิตเรา… Read More »

ชีวิตคริสเตียนกับสิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน

แท้จริงชีวิตคริสเตียนต้องเติบโตขึ้นอย่างสมดุลย์ทั้ง 3 ด้านนี้ การโตเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นผลฉุดรั้งให้หยุดการเจริญเติบโตส่วนอื่นๆ ด้วย ภาพ : ต้นไม้ต้องเกิดผล ทั้ง 3 ส่วน 1. ราก 2. ต้นและใบ 3. ดอกและผล หากการโตเป็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งย่อมมีผลดึงส่วนอื่นๆ ไม่ให้โตด้วย หากใบและต้นโตแต่รากไม่โตย่อมส่งผลให้จำกัดขนาดการเกิดผลด้วย , หากรากเติบโตแข็งแรงย่อมส่งผลต่อส่วนอื่นๆ ด้วย , แต่หากส่วนอื่นๆ ไม่รับไม่ดูดซึมก็จำกัดการเกิดผลเช่นกัน   ชีวิตคริสเตียนกับสิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน   สิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน ของชีวิตคริสเตียน 1. ความเชื่อ ♣ คนที่ไม่ยอมเติบโตขึ้นในความเชื่อ ก็เปรียบเสมือนเฒ่าทารกฝ่ายวิญญาณ แม้รู้มาก เดินกับพระเจ้านานวัน เคยมีประสบการณ์มามากมาย แต่ก็ไม่ส่งผลให้ความเชื่อเติบโตขึ้น โดยปกติวันเวลาย่อมทำให้คนเราเติบโตขึ้น ขนาดต่างๆ ย่อมต้องพัฒนามากขึ้น เช่น อายุ , ความรู้ความเข้าใจ , อายุความเชื่อ , ความรู้จากปกติชีวิต (ผ่านคำเทศน์… Read More »

ไม่ใช่ทุกปัญหาคือการโจมตี

มารวนเวียนอยู่รอบกายดุจสิงคำราม 1 ปต.5:8 ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่นจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบ ๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ แท้จริงมารคอยวนเวียนอยู่รอบๆ กายเรา เพื่อมองหาช่องว่างของจุดอ่อนที่เรามีอยู่ เมื่อมันโจมตีมันใช้จุดอ่อนเหล่านั้นของเรา ไม่ใช่เพราะเราทำสิ่งใดๆ…. การมีจุดอ่อนเป็นการเปิดช่องโหว่ที่มารมองเห็น ซึ่งหลายอย่างเรามองไม่เห็นหรือแม้แต่ไม่ยอมรับด้วยซ้ำ เมื่อใดก็ตามที่มารซาตานยังคงโจมตีเราได้ แสดงว่าเรายังคงมีจุดอ่อนที่เปิดช่องโหว่ไว้อยู่ สะท้อนให้เห็นว่า เราต้องเร่งปิดช่องโหว่นั้น ด้วยการรับจากพระเจ้า (เยียวยา , ความคิดใหม่ , การสร้างใหม่ , ความรู้ความเข้าใจใหม่ , …) เพื่อให้ช่องโหว่นั้นถูกปิดลง ให้จุดอ่อนนั้นถูกแก้ไข *** มารไม่ได้โจมตีเมื่อเรารับใช้พระเจ้า แต่โจมตีเพราะเรามีจุดอ่อนต่างหาก ส่งผลทำให้  หนีการรับใช้ >> จุดอ่อนก็ยังคงอยู่ แม้ไม่ทำอะไรเลย ก็โดนโจมตีอยู่ดี  สู้กับมัน >> แต่แพ้ เพราะจุดอ่อนยังคงอยู่ แท้จริงพระเจ้าใส่ความล้ำลึกสุดๆไว้ในแผนการณ์พระเจ้าโดยใช้ แม้แต่มารเองในการชี้จุดกลับใจใหม่ให้แก่เรา (แต่คนเรามักมองพระเจ้าผิด เพ่งตรงไปที่มาร ซึ่งมารมันฉลาดหลอกเราให้หลงไปจากความเข้าใจอันแท้จริงของพระเจ้า) >> ดังนั้นทุกครั้งที่เราจะรับใช้ หรือจะทำบางอย่าง… Read More »

การรอคอย

เป็นที่รู้กันอยู่แก่ใจของบรรดาผู้เชื่อว่า เราทุกคนต่างรอคอยวันเวลาที่จะได้กลับสู่สวรรค์สถาน สถานที่นิจนิรันดร ที่เต็มไปด้วยความสุขแท้ชนิดที่ความเศร้าโศกใดๆ ไม่สามารถปรากฏได้ และที่สำคัญที่นั่นเราจะได้อยู่ต่อหน้าบัลลังก์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และในบางเวลาพระเจ้ามักส่งสถานการณ์ต่างๆ ให้เราได้ฝึกฝนวิถีแห่งการรอคอยการเสด็จกลับมาของพระองค์ การรอคอย   1.    เฝ้ารอคอยด้วยใจจดใจจ่อ     การที่คนเราจะใจจดจ่อได้นั้น นั่นหมายถึง สิ่งนั้นต้องมีความสำคัญต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้มาหรือครอบครองซึ่งสิ่งที่รอคอย     การรอคอยนั้นไม่ได้หมดไปวันๆ แต่เป็นการเฝ้ารอคอยด้วยความหวังใจและเชื่อเสมอว่า วันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว วันนั้นจะมาถึงในไม่ช้า เป็นความสดชื่นที่หวนระลึกถึงอย่างไม่สั่นคลอน 2.    ไม่รู้วันเวลา     การเฝ้ารอคอยบางอย่างเราก็ไม่รู้วันเวลาเอาเสียเลย ว่ามันจะมาถึงวันไหน? เวลาใด? กันแน่…. แต่เราแน่ใจ มั่นใจในพระองค์ที่เราเชื่อว่า จะทรงมอบให้ ประทานให้เราเป็นอย่างแน่นอน     ซึ่งการเฝ้ารอคอยอย่างไม่รู้วันเวลานี้เป็นการกระตุ้นให้ความเชื่อยิ่งมั่นคงและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นบทพิสูจน์ความวางใจ ความเชื่อใจที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา     แน่นอน!! ที่พระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์ไม่ผิดพลาด ดังนั้นสิ่งที่ทรงสัญญาย่อมจะมาถึงอย่างแน่นอน เพียงแค่เราไม่รู้ว่าวันไหนเวลาใด แต่มันจะมาอย่างกระทันหัน ดังนั้นเรา จึงต้องรอคอยแบบเฝ้าระวัง แบบพร้อมจะรับเสมอ ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม เมื่อเวลานั้นมาถึง จะไม่มีเวลาสำหรับการจัดแจง การเตรียม หรือยืดเยื้ออีกต่อไป 3.  … Read More »

โลทกับการตัดออกจากบาป

ในนาทีที่โลทต้องเผชิญหน้ากับการช่วยเหลือของพระเจ้าที่มาถึงชีวิตและครัวเรือนของเขา ผ่านคำอธิษฐานของอับราฮัม  … การแยกตัวออกจากถิ่นฐานที่ตั้งมั่นของเขา เพราะเป็นที่ที่เต็มไปด้วยบาปที่ถึงเวลาและวาระแห่งการพิพากษาของพระเจ้ามาถึงแล้ว มากกว่าทรัพย์สินความมั่นคงที่เป็นของเขาและแหล่งทำกินแล้ว เขาจำต้องละสารพัดสิ่งที่พันผูก ไม่ว่าจะเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ญาติพี่น้องในครัวเรือนของเขาเองด้วยซ้ำ แท้จริงครอบครัวของเขามีกัน 10 คน แต่ที่ออกจากโสโดมโกมาราได้จริงๆ มีแค่เพียง 4 คนเท่านั้น… คือ … ตัวโลทเอง ภรรยา และลูกสาวอีก 2 คน ส่วนคนที่เหลือเขาจำต้องทิ้งไว้กับการพิพากษาของพระเจ้า แม้ความเจ็บปวดจะมาถึงจิตใจภายในของเขาและเห็นตำตา รู้เต็มอก ก็ตามที … *** แต่เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า หากโลทไม่ก้าวออกมาพระเจ้าก็จะนำเขาออกมา เหตุที่โลทไม่กล้าก้าวเพราะรักและเป็นห่วงญาติที่เหลือไม่ยอมไปด้วย ทำให้การตัดสินใจของโลทลดระดับลงจากที่ควร…  เหตุนี้เองพระเจ้าจึงเข้าแทรกแซงดึงเขาออกมาจากโสโดม  แต่สาเหตุที่ญาติๆ และคนในครัวเรือนที่เหลือของโลทไม่ได้รับการช่วยเหลือนี้จากพระเจ้า เพราะพวกเขาตัดสินใจเองที่จะอยู่กับบาป ปฏิเสธโอกาสและพระหัตถ์แห่งการช่วยกู้ที่มาถึง ผ่านชีวิตของโลทและการวิงวอนของอับราฮัม โลทกับการตัดออกจากบาป 1.    แม้พระเจ้าจะให้โอกาสเพียงใด แต่หากคนนั้นเลือกที่จะอยู่กับบาปและจมอยู่เช่นนั้น ก็ไม่มีใครหรือสิ่งใดจะช่วยได้ เพราะพระลักษณะของพระเจ้าอีกด้านคือ ทรงเข้มงวดกับความบริสุทธิ์ 2.    เมื่อถึงเวลาแห่งการพิพากษาของพระเจ้ามาถึง *** สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือ … ออกจากจุดที่เป็นอยู่และห่วงหน้าพะวงหลังอยู่ ด้วยการช่วยเหลือของพระเจ้าเราจะสามารถผ่านจุดนั้นมาได้แน่นอน ขอเพียงแค่เรายอมออกจากบาปนั้นก็พอ 3.  … Read More »

คำอธิษฐาน‬ : ‪ขอทรงซ่อนข้าไว้‬

‎“♣ ข้าแต่พระเจ้า…. ♣ ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ … ใต้ปีกแห่งพระคุณอันแข็งแกร่งของพระองค์ ♣ ขอทรงซ่อนไว้ … ใต้ร่มเงาแห่งความรักอันแสนชื่นใจ ให้ได้พักพิงนิ่งสงบ ♣ ขอทรงซ่อนไว้ … ในเกราะกำบังอันเข้มแข็ง ไม่มีใครหรือสิ่งใดอาจทำลายได้ ♣ ขอทรงซ่อนไว้ … ในพระสิริ ทอสาดแสงทะลวงใจ ความหวังใหม่ ♣ ขอทรงซ่อนไว้ … อย่างมิดชิดเพื่อพระองค์แต่นามเดียว ♥ พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ธรรมและเที่ยงตรง…. ♥ ขอทรงปกคลุมข้าพระองค์ให้มิดจากสายตาของศัตรู ♥ ขอทรงเก็บซ่อนไว้ให้ห่างจากการมุ่งร้าย และปองร้าย ♥ ขอทรงแอบซ่อนไม่ให้ความชั่วร้ายค้นหาข้าพระองค์เจอ… ทั้งจากคน สถานการณ์ วิญญาณชั่ว ♥ ขอทรงปิดไว้ให้พ้นจากแผนการณ์อันคดโกง และแย่งชิง ♠ โอ้…. พระองค์เจ้าข้า ♠ เมื่อข้าพระองค์ซ่อนตัวในพระองค์ … ♠ ขอทรงลุกขึ้นต่อสู้ : ขับไล่ ทำลาย ทุกสิ่งที่มุ่งร้าย ♠ ขอทรงโอบกอด… Read More »

ความบริสุทธิ์ที่ต้องรักษา

เพราะพระนามพระเจ้าทรงบริสทุธิ์ และด้วยพระลักษณะนี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทรงเรียกเราทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ และเมื่อความบริสุทธิ์เข้าปะทะร่างกายบาป กายเนื้อหนังจึงมีอาการต่างๆ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ภายในเราเป็นทั้งกระบวนการและการสำแดงของพระเจ้าในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรความบริสุทธิ์นั้นก็ช่างประเสริฐและล้ำค่าเสียจนกายเนื้อหนังที่ปรารถนาจะรับยังคงต้องสั่นเทาและรับผลกระทบทุกครั้ง ยิ่งบริสุทธิ์มากเพียงใด การรับยิ่งต้องถูกขยายขนาดมากเพียงนั้น ผู้ที่เห็นคุณค่าและรู้ค่าของความบริสุทธิ์ที่พระเจ้ามอบให้และกระทำในชีวิตเราเป็นประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม มักจะต้องดำเนินชีวิตเพื่อรักษาความบริสุทธิ์นี้ให้ยั่งยืนต่อไปในชีวิตของตน แน่นอนบางคนอาจถูกเรียกร้องสิ่งต่างๆ แท้จริงการเรียกร้องจากพระเจ้าเพื่อความบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะแตกต่างในแต่ละเรื่องที่ทรงเรียกร้อง นั่นขึ้นอยู่กับของประทานและการทรงเรียก รวมถึงลักษณะชีวิตทั้งจุดอ่อนแข็งของเราเป็นองค์ประกอบ เพราะพระองค์ทรงสัพพัญญูรู้ทุกวิถีทางทั้งชีวิตของเรา คนที่ปล่อยปละละเลยในการรักษาชีวิตตามการเรียกร้องนั้น..ความบริสุทธิ์จะเป็นเพียงแค่ประสบการณ์หนึ่งของชีวิตเท่านั้นแทนที่จะเป็นคุณลักษณะแท้ของชีวิตเขา เนื่องจากเราอยู่บนโลกที่แวดล้อมไปด้วยบาปที่ล่อลวงและหลายๆครั้งมนุษย์นี่แหละก้าวเข้าสู่บาปด้วยความเต็มใจเอง ดังนั้นหากไม่รักษาความบริสุทธิ์ไว้ก็ไม่อาจต้านทานความบาปเหล่านั้นได้ ความบริสุทธิ์ที่ต้องรักษา ความบริสุทธิ์มักแยกเราออกจากบาปด้วยวิถีทางต่างๆ ทั้งการดำเนินชีวิต ความคิด ค่านิยม ความรู้ความเข้าใจ การเลือกปฏิบัติตนเพื่อดำรงชีวิตบนโลก อีกทั้งทุกสิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า… พระเจ้าไม่ทรงมีน้ำพระทัยในเราเกลือกกลั้วกับบาปเป็นที่แน่แท้ แม้เราจะอยู่บนโลกก็ตาม ถ้าเช่นนั้นการไถ่ของพระเยซูบนกางเขนจะเกิดขึ้นเพื่ออะไร… พระบิดาทรงยอมมอบพระบุตรไว้บนกางเขนเพื่อนำเรากลับสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ นั่นคือ ลบล้างบาปและชำระเราให้บริสุทธิ์ แยกเราออกจากบาปและวิถีที่นำไปสู่ความตาย  กระบวนการต่างๆ เสร็จอย่างสมบูรณ์แบบบนกางเขนด้วยฤทธิ์อำนาจของโลหิตของพระเยซูเพียงพอที่จะชำระเรา แต่ด้วยกระบวนการสร้างชีวิตของเรา พระองค์ไม่ได้นำเราออกจากโลกที่เต็มไปด้วยบาป แต่ทรงยังคงให้เราอยู่บนโลกนี้ต่อไป ดังนั้นการรักษาความบริสุทธิ์จึงสำคัญยิ่งๆ ยวด ปุโรหิตต้องติดกระพรวนลูกโตไว้ที่ชายเสื้อจำนวนมากเพื่อส่งเสียงดัง … เมื่อใดที่เสียงกระพรวนนั้นเงียบลงแสดงว่าเขาได้ตายเพราะบาปเสียแล้ว เมื่อพระเยซูทรงไถ่เราทั้งหลายที่กางเขน ม่านในวิหารขาดจากบนจรดปลาย เพื่อเปิดประตูออกให้เราก้าวเข้าสู่อภิวิสุทธิสถานด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านผู้ใดอีกต่อไป เราจึงได้รับเกียรตินี้จากพระเจ้าพระบิดา โดยผ่านพระโลหิตแห่งการไถ่ของพระเยซู และผ่านพระองค์เองนั้น ความบริสุทธิ์ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิต นั่นหมายถึง… Read More »