Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

ลักษณะปากที่พระเจ้าอวยพร

เป็นปกติที่เมื่อเราร้องทูลสิ่งใดๆ ต่อพระเจ้า ใจปรารถนาจะได้รับคำตอบย่อมนำหน้าอย่างแน่นอน เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์ผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราต้องการให้พระเจ้าฟังคำอธิษฐานจากปากที่ร้องทูล สิ่งที่ต้องโยนทิ้ง 1. คำด่าทอ สบถ : เป็นการโต้ตอบสิ่งร้ายด้วยการร้าย 2. คำบ่นต่อว่า : เป็นการแสดงถึงความไม่พึงพอใจพระเจ้า , ไม่พึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น , ไม่พึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับ 3. คำแช่งสาป : เป็นการนำคำแช่งสาปถึงผู้อื่น = ทำร้ายผู้อื่น , พิพากษา , ตั้งตนเป็นใหญ่ 4. คำหยาบคายลามก : เป็นการกระทำบนเนื้อหนังตัณหา และการอธรรมของโลก ทั้งสิ้นล้วนสะท้อนจิตใจภายใน เมื่อใดที่เราสามารถควบคุมลิ้น และฝึกฝนได้ ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าจิตใจภายในถูกควบคุมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เราสามารถฝึกฝนทีละเล็กละน้อย พร้อมๆ กับรับการชำระและสร้างใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธ์ผู้ทำงานอยู่ภายในเรา … แน่นอนตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์มักตอบโต้ต่อสิ่งเร้าตามเนื้อหนัง เค้าโครงความคิดภายใน… แต่หากเราร่วมมือ ยอมจำนน และตระหนักในทุกครั้งถึงพระองค์ผู้บริสุทธิ์  การกลับใจใหม่จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และกระบวนการสร้างใจใหม่จะถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ ความระมัดระวังเพื่อยำเกรงพระเจ้าจะมากขึ้น , ถี่ขึ้น …. จนกระทั่งกลายเป็นลักษณะชีวิตและนิสัยใหม่ จนกระทั่งมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป… Read More »

ผลเสียของการไม่ให้เกียรติพระเจ้าในผู้อื่น

การไม่ให้เกียรติพระเจ้าในผู้อื่น จะทำให้เสียงของพระเจ้าในตัวเองค่อยๆ จางลง เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน แท้จริงมนุษย์ได้รับโอกาสและพระคุณจากพระเจ้าอย่างมากมาย แต่หลายครั้งพระคุณที่ตนเองได้รับกลับทำให้หยิ่งผยองคิดว่า ตนสมควรแต่ฝ่ายเดียว… การดูหมิ่นและไม่ให้เกียรติผู้อื่นโดยเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตเขา เป็นการบ่งบอกว่าพระคุณของพระเจ้าไม่สมควรสำหรับเขาเลย *** เอกสิทธิ์เป็นของพระเจ้า เพราะทรงสัพพัญญูรู้ทุกมิติ ทุกแง่มุม ***  ในความเป็นตัวตนภายในของมนุษย์ หลายครั้งเราเองก็ไม่รู้จักและไม่ยอมรับสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในด้วยซ้ำ โดยเฉพาะส่วนที่ลึกแบบไม่รู้ตัว ทำให้เราประเมินค่าตนเองสูงเกินกว่าผู้อื่น พระเจ้าทรงใส่คุณค่าไว้ในมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยการทรงสร้างของพระองค์เอง แน่นอนว่าที่มีความแตกต่างกัน คือ เป้าประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตเราแต่ละคนต่างหาก พระเจ้าได้วางตำแหน่งที่เหมาะสมแก่มนุษย์ทุกคน เหตุนี้เองการไปถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ คือ การให้พระคริสต์สร้างเราในแบบที่ทรงสร้างเราไว้แล้วแต่แรกเดิม เป็นความสมบูรณ์แห่งการทรงสร้างแต่แรกเริ่มสำหรับชีวิตเราตั้งแต่แรกที่พระเจ้าทรงปั้นแต่งเรา (ตั้งแต่ก่อนในครรภ์มารดาเสียอีก) … จุดหมายของเราทุกคนคือ มุ่งสู่ความไพบูลย์นั้น หนทางไปสู่ความไพบูลย์นั้น ก็โดยทางพระคริสต์ และด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากเรา ด้วยการยอมจำนนและและเชื่อฟังพระองค์ ทีนี้ หากพระเจ้าทรงให้เกียรติมนุษย์แต่ละคนไว้แล้ว หรือเรียกว่าทรงตั้งไว้แล้ว แสดงว่า… แต่ละคนมีเกียรตินั้นติดตัวอยู่แล้วตั้งแต่การทรงสร้าง พระเจ้าก็อยู่ฝ่ายเราแล้ว… แน่นอนเมื่อพระเจ้าทำเช่นนั้นในตัวเราได้ ก็ทรงทำเช่นนี้ในบุคคลอื่นได้ด้วย แต่การหมิ่นเกียรติของผู้อื่นโดยเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าทำ พระเจ้าเรียก พระเจ้าตั้ง เขาไว้แล้ว รวมถึง การตอบสนองต่อพระเจ้าของเขา ย่อมทำให้ส่งผลร้ายถึงตัวผู้ที่หมิ่นนั้นด้วย เพราะแท้จริงผู้ที่อยู่ฝ่ายเขาคือพระเจ้าองค์เดียวกันกับเรา การหมิ่นความสามารถ การศึกษา… Read More »

ปกปิดความบาป

มนุษย์มักมีกรอบความคิดเพื่อปกปิดสิ่งผิดพลาด แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยอย่างชัดแจ้งและตรงประเด็น เพื่อเรียกให้กลับใจใหม่ เริ่มต้นใหม่ อย่างถูกทาง และยืนอยู่ในจุดที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้า การปกปิดความบาปผิดส่งผล 1. เปิดช่องโหว่ให้มารใช้โจมตีหรือล่อลวง 2. ไม่มีเหตุต้องกลับใจใหม่ อันเนื่องจากไม่เห็นผิด 3. บิดเบือนความจริง 4. เป็นรากที่เก็บซ่อนไว้และพัฒนาสู่ความบาปด้านอื่นๆ ปกปิดความบาป ***ข้อคิดและควรระวัง*** 1.    พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกพระพรเพียงด้านเดียว แต่บันทึกถึงจุดผิดพลาด ความบาป ที่พระเจ้าสนพระทัย สิ่งที่ส่งผลถึงรุ่นต่อรุ่นด้วย นั่นเพราะต้องการให้เราเรียนรู้จากอดีตที่ผิดพลาดของบรรพบุรุษ ของผู้อื่น เพื่อจะเป็นบทเรียนและข้อเตือนใจให้ระแวดระวัง ไม่เดินซ้ำรอยเดิม หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วคนทั้งหลายคงเดินวนเวียนอยู่แค่ที่เดิม เพราะไม่มีอะไรเป็นต้นแบบให้เรียนรู้ 2.    การได้รับรู้ความผิดพลาดหรือความบาปของผู้อื่น หาใช่การตัดสินพิพากษาไม่!!!… หากแต่เป็นเพียงบทเรียนที่สามารถเป็นครูให้กับเราได้ แต่หากการรับรู้นั้นส่งผลให้เราลุกขึ้นต่อสู้หรือจัดการเขา  ด้วยตนเองแทนพระเจ้าแล้วหละก็ นั่นจึง … เข้าสู่การตัดสินพิพากษาที่พระเจ้าไม่ได้มอบสิทธินั้นในมือใครเลย .. 3.    แทนการปกปิดความบาป เพื่อเอาตัวรอด ควรกลับใจใหม่ เพื่อเริ่มต้นใหม่เสียดีกว่า … อย่าปล่อยให้ตนเองถลำลึกกับบาปด้วยการยอมรับว่าบาปนั้นไม่หนักหนา 4.    ความอายจากการยอมรับว่าตนเองทำบาป หรือผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย (แม้จะยากบ้างในบางสถานะ) เพราะพระคุณพระเจ้ามีมากเพียงพอ ที่จะชำระเราให้บริสุทธิ์ได้ และทรงรื้อฟื้นใหม่เสมอ… Read More »

อัพเดทชีวิตฝ่ายวิญญาณ

ภาพ : มือถือในแต่ละยุค ปุ่มกด >> โทรเข้าโทรออกได้ ระบบสัมผัส >> โทรเข้าออกได้ เล่นเน็ตได้ ระบบสัมผัส , เร็ว >>โทรเข้าออกได้ เล่นเน็ตได้ เป็นกล้องถ่ายรูปได้ ใช้บันทึกสิ่งต่างๆ ได้ … … ประสิทธิภาพต่างๆ ถูกพัฒนาตามกาลเวลาที่หมุนเคลื่อนไป โลกรอบตัวเราล้วนมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มวัยได้มากขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น… แล้วพระเจ้าของเราล้าสมัยหรืออย่างไร? ในเมื่อทรงอนุญาต และทรงเจิมผู้ที่คิดค้นต่อยอดสิ่งเหล่านั้นด้วยซ้ำ เราสามารถสังเกตุยุคได้จากความเป็นไปของสิ่งต่างๆ รอบตัว … ผู้ที่พัฒนาให้ตนเองก้าวทันยุคสมัย ย่อมได้เปรียบ เพราะตัวช่วยหลายๆ ด้านก็ช่วยให้การทำงาน การใช้ชีวิตง่ายขึ้น หากเรารู้ยุคการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์และนำตนเองเข้าไปอยู่ในยุคนั้นให้ได้  ก็จะได้รับพระพรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งมิติเวลา มิติกำลัง มิติความเข้าใจ มิติความสดใหม่ มิติอัศจรรย์ มิติความเชื่อ และการเชื่อฟัง มิติพระพร และพระสัญญา … ***การดำเนินชีวิตในเวลาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เช่นเดียวกัน หากต้องการแค่เดินกับพระเจ้าไปวันๆ >> ก็เพียงใช้ชีวิตพื้นฐาน… Read More »

ความน่ากลัวของคำชม

ใครๆ ก็ปรารถนาได้รับคำชมเชย และการชมเชยเป็นสิ่งดีที่พึงกระทำต่อกัน เพื่อที่จะชื่นชมในสิ่งดีของกันและกัน เป็นการให้กำลังใจในก้าวต่อๆ ไป เป็นการแสดงถึงการสนับสนุนและเห็นด้วยในสิ่งที่ผู้อื่นทำ *** แต่คำชมที่เกินจริง กลับกลายเป็นอันตรายถึงผู้รับเสียมากกว่า… ความน่ากลัวของคำชม คำชมที่เป็นภัย 1.    คำชมที่เกินจริง คำชมที่เกินกว่าความเป็นจริง , เกินกว่าที่กระทำ , เกินกว่าที่เป็น , เกินกว่าที่ควร , ยกจนเกินมนุษย์ …เปรียบเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ เกินจริง ไม่มีสรรพคุณนั้นอยู่จริง แต่เพิ่มเข้าเองเพื่อชักชวนให้น่าเชื่อถือ เป็นคำชมที่ปราศจากความจริงใจ เพียงแค่ต้องการยกยอปอปั้นเกินกว่าความเป็นจริง 2.    คำชมที่ยกมนุษย์เกินกว่าพระเจ้า แม้จะมีความสวยหรูว่าเพื่อพระเจ้าก็ตามที การยกย่องส่วนของมนุษย์มากกว่าส่วนที่พระเจ้าทำ เช่น ความสามารถ ความเก่ง ความดีของมนุษย์ แท้จริงมนุษย์มีสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพระเจ้าปรารถนาจะให้โดดเด่นด้วยซ้ำ แต่เมื่อใดก็ตามที่การจดจ่อสิ่งนั้นเกินพระเจ้า ย่อมมีโอกาสสูงมาก ที่จะทำให้พื้นที่ของพระเจ้าในชีวิตลดน้อยลงจนกระทั่งหมดไป เหลือแต่เพียงการยืมมาเป็นข้ออ้างว่า เพื่อพระเจ้า แต่แท้จริงคือ เพื่อยกตน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนโดยไม่รู้ตัว ยน.3:30  พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง 3.    คำชมที่ข่มผู้อื่นหรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น คำชมที่เปรียบเทียบกับผู้อื่น ปลุกระดมใจแข่งขัน การแย่งชิง… Read More »

ทำอย่างไรจึงได้รับการสำแดง

??? เหตุใดบางคนจึงไม่ได้รับการสำแดงและเปิดเผยจากพระเจ้า ทั้งที่ผ่านการเรียนรู้ มาเฉกเช่นเดียวกัน ทั้งที่ทำเหมือนกันทุกประการ ทั้งฟังเสียง ชำระและจัดการตนเอง พระลักษณะแท้ประการหนึ่งของพระเจ้าคือ พระองค์เสาะแสวงหาการมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมชาติที่ยิ่งสนิทสนมเท่าไร การเปิดเผยยิ่งมาก แต่ก็มีบางคนจริงๆ ใช้ชีวิต ใช้เวลาอยู่กับพระเจ้ามาก แต่ก็ไม่ค่อยได้รับการเปิดเผยและการสำแดงสักเท่าไรนัก … สิ่งหนึ่งที่สำคัญยิ่งนักคือ… การไม่ตอบสนองเสียงของพระเจ้า เป็นที่แน่นอนว่าพระองค์ย่อมตรัสกับคนของพระองค์เป็นแน่ แต่เมื่อทรงตรัสแล้ว เรามีหน้าที่ตอบสนองพระเจ้า ในส่วนที่เป็นของเรา ตลอดประวัติศาสตร์พระคัมภีร์พระเจ้ามักตรัสชัดเจนเสมอว่า… แต่ละเรื่อง แต่ละคนต้องตอบสนองอย่างไร … แต่ปัญหาคือ มนุษย์ไม่ตอบสนอง เพียงแค่อยากรู้เท่านั้น เสาะแสวงหาเสียงของพระเจ้าเพียงแค่อยากรู้ความเป็น ที่ไม่ใช่ส่วนที่ตนเองกำหนดด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นการได้รู้ก็นำความมั่นคงทางจิตใจมาได้ระดับหนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่า… การได้รับรู้สิ่งใดๆ มักตามมาด้วยความรับผิดชอบในส่วนของตนเองเสมอ… การตอบสนองและเดินตามเสียงที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตรัสและเปิดเผย เป็นการเชื่อฟัง… แต่การเพิกเฉยเมื่อได้ยินแล้ว เป็นการตั้งใจไม่เชื่อฟัง ขัดแย้ง และต่อสู้พระวิญญาณ…แล้วจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้อย่างไร?  ในเมื่อไม่ก้าวตาม ไม่เชื่อฟัง… คงไม่มีใครอยากพูดให้กับคนที่ไม่อยากฟัง  คงไม่มีใครอยากบอกให้กับคนที่เมินเฉย  เมื่อพระเจ้าตรัส พระองค์ก็คาดหวังการตอบสนองจากเราด้วย การเชื่อฟังเป็นเรื่องของการตอบสนองส่วนตัวของเรากับพระ เจ้า  ไม่เกี่ยวกับปัจจัยใดๆ ทั้งสิ้น –    ไม่เกี่ยวว่าคนอื่นคิดอย่างไร –  … Read More »

อย่าเปรียบเทียบ

อย่าเปรียบเทียบกับผู้อื่น ให้ตนเองดูด้อย!!! อย่าเปรียบเทียบกับผู้อื่น เพื่อให้ตนเองดูสูงส่ง!!! ***เพราะแท้จริงกำลังก้าวสู่หลุมพรางแห่งการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ซึ่งก่อให้เกิดการหมิ่นประมาทการทรงสร้างของพระเจ้า สิ่งใดหรือ? แม้เล็กน้อยที่พระเจ้าไม่ได้ใส่ให้ มีหรือ? ไร้คุณค่าซึ่งพระเจ้าทำ ดังนั้นการไม่นำตนเข้าสู่การเปรียบเทียบ ย่อมไม่เป็นเหตุให้ผิดพลาด ด้วยการตกหลุมพรางแห่งการฆ่าฟันด้วยการริษยาและน้อยใจ ซาอูลเปรียบเทียบดาวิด เมื่อมีคนร้องเพลงซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ ดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ แท้จริง ดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ จริงหรือ? ในเวลานั้น เขายังเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งเริ่มต้นเอง การร้องเพลงของผู้คนก็แค่ ♦    ให้คล้องจอง ♦    พระเจ้าใส่ถ้อยคำลงไปในปากเขา คนร้องเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า มีคำเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อเป็นการพยากรณ์ ♦    การใช้ชื่อซาอูลขึ้นต้นเป็นการให้เกียรติซาอูลก่อน แต่ด้วยใจเปรียบเทียบซาอูลไม่ทันได้คิดทบทวน ไม่ทันได้ยั้งคิดเลย แม้แต่น้อย ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องให้เขาทำสิ่งชั่วร้ายต่อดาวิดมากมาย จนกระทั่งถึงต่อพระเจ้า เพราะเปิดช่องให้มารซาตาน ใช้จุดอ่อนของการเปรียบเทียบให้เลยเถิดไปไกล 1 ซมอ.18:7-9 18:7 และเมื่อพวกผู้หญิงเต้นรำรื่นเริงกันอยู่นั้นก็ขับร้องรับกันว่า “ซาอูลฆ่าคนเป็นพัน ๆ และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่น ๆ” 18:8 ซาอูลทรงกริ้วนัก คำที่ร้องกันนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์เลย พระองค์ตรัสว่า “เขาสรรเสริญดาวิดว่าฆ่าคนเป็นหมื่น ๆ ส่วนเราเขาว่าฆ่าแต่เพียงเป็นพัน… Read More »

แค่ชั่ววูบ

เคยไหม? โกรธจนกระทั่งปะทะบางสิ่งออกไป เคยไหม? หงุดหงิดจนกระทั่งลงอารมณ์กับคนที่ไม่รู้เรื่อง เคยไหม? ไม่อยากทนสักนิด กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เคยไหม? ทำเรื่องให้ใหญ่โต กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง . . . ก็แค่ชั่ววูบ แต่ผลเสียอันมหันต์ได้ตามมา – ทำร้ายจิตใจคนที่รักและใกล้ชิด – หมิ่นคุณค่าของผู้อื่น เหยียดเขาให้ต่ำกว่าความจริง – สร้างความแตกร้าว แตกแยก – ทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน – ทำลายบรรยากาศการทรงสถิตย์ – พระวิญญาณเสียพระทัย . . . หลายครั้งแม้เราผิดพลาดระบายโทสะออกไปอย่างไม่ควบคุม แต่พระเจ้าก็ยงคงกู้กลับมา ให้สถานการณ์กลับทำให้ชื่นใจ ไม่เลวร้ายอย่างที่กระพือไปเอง…. ความอับอายได้มาเยือน เมื่อรู้ตัวว่าไม่สมควรกับพระกรุณาคุณของพระเจ้า นั่นเพราะทรงสำแดงให้เห็นถึงการอยู่เหนือสถานการณ์ของพระเจ้า แท้จริงพระเจ้ามีสิ่งดีวางและมอบไว้ให้แก่เราแต่ละคน แต่ละสถานการณ์อย่างเจาะจงอยู่แล้ว แต่มนุษย์ผู้ขาดความเชื่อวางใจ – เมื่อไม่ได้ดั่งใจ – เมื่อผิดแผนที่วางไว้ – เมื่อคลาดไปจากที่คาดหวัง – เมื่อไม่ตรงกับความคิดเห็นของตน ก็ ปะทุความโกรธ เกรี้ยวกราดออกมา หลากหลายรูปแบบ… Read More »

อย่าตัดสินก่อนไต่สวน

คำตัดสินต้องมาหลังจากการสอบสวน เพราะพระเจ้าจะแก้ต่างให้แก่ผู้ชอบธรรม ตัวอย่าง พระเยซูก่อนถูกตรึงก็ถูกสอบสวน มธ.27:11-14 27:11 เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระเยซูตรัสกับท่านว่า “ก็ท่านว่าแล้วนี่” 27:12 แต่เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์มิได้ทรงตอบประการใด 27:13 ปีลาตจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ซึ่งเขาได้กล่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่ได้ยินหรือ” 27:14 แต่พระองค์ก็มิได้ตรัสตอบท่านสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงอัศจรรย์ใจยิ่งนัก มก.15:2-5 15:2 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระองค์ตรัสตอบท่านว่า “ท่านว่าแล้วนี่” 15:3 ฝ่ายพวกปุโรหิตใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์เป็นหลายประการ แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบประการใด 15:4 ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ดูเถิด เขากล่าวความปรักปรำท่านหลายประการทีเดียว” 15:5 แต่พระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใดอีก ปีลาตจึงอัศจรรย์ใจ ลก.23:3-5 23:3 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ” พระองค์ตรัสตอบท่านว่า “ก็ท่านว่าแล้วนี่” 23:4 ปีลาตจึงว่าแก่พวกปุโรหิตใหญ่กับประชาชนว่า “เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด” 23:5 เขาทั้งหลายยิ่งกล่าวแข็งแรงว่า “คนนี้ยุยงพลเมืองให้วุ่นวาย และสั่งสอนทั่วตลอดยูเดีย ตั้งแต่กาลิลีจนถึงที่นี่” ยน.18:33-38 18:33 ปีลาตจึงเข้าไปในศาลปรีโทเรียมอีก… Read More »

พระเจ้าใช้แต่ละคนได้นานแค่ไหน?

บางคนพระเจ้าใช้จนวันตาย แต่บางคนพระเจ้าใช้เพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วให้หยุดพัก รักษาชีวิต เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในทุกวาระและเวลาของพระเจ้า แท้จริงไม่มีใครที่ต้องรับใช้อยู่ทุกเวลา จะมีบางช่วงเวลา สั้นหรือยาวอยู่ที่พระเจ้าใช้เราเรื่องอะไร หากการทรงเรียกในเราสำเร็จและเป็นเวลาผลัดรุ่น นั่นหมายถึง เราได้สำเร็จลุล่วงในแผนการณ์พระเจ้าในชีวิตเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลาที่เหลือ คือ การชื่นชมและอยู่กับพระเจ้าจนวันที่ทรงรับไป ตัวอย่าง อับราฮัม เขาทำภาระกิจของเขาเสร็จสิ้นก่อนที่จะตายลง เวลาก่อนจะตายสำหรับอับราฮัมมีมาก เขาใช้ชีวิตชื่นชมกับสิ่งที่พระเจ้าให้ ในวาระสุดท้ายของชีวิต ชื่นชมและส่งต่อให้กับคนรุ่นถัดไป อย่างอิสอัค อวยพรลูกหลาน และเล่าถึงความดีงามของพระเจ้าในชีวิตของเขา (สังเกตุจากที่ลูกหลานทุกคนกล่าวถึงพระเจ้าของอับราฮัม) คนที่พระเจ้าเลือกสำหรับสร้างพลับพลาของโมเสส พวกเขาถูกเลือกอย่างเจาะจงให้ทำงานแต่ละด้าน เมื่อจบสิ้นการสร้างพลับพลา ภาระกิจในชีวิตของเขาก็เสร็จสิ้น เวลาชีวิตที่เหลือ คือ ดำเนินกับพระเจ้า ชื่นชมความงดงาม เล่าถึงสิ่งที่พระเจ้าเป็นและทำ สิ่งที่ตนเองได้เห็น ให้คนรุ่นต่อไปฟัง แต่จะมีบางคนที่พระเจ้าใช้จนวันตาย เช่น โมเสส ผู้วินิจฉัย … แต่ข้อสังเกตุหนึ่งคือ คนเหล่านี้ก็ถูกเรียกเมื่อยามแก่เฒ่าแล้ว คือ เขาก็รับใช้พระเจ้าเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเช่นกัน เพราะการเริ่มต้นการรับใช้ของแต่ละคนต่างกัน แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงเตรียมชีวิตของเราต่างกันออกไป เนิ่นนานบ้าง เร็วบ้าง บางคนรับใช้ตั้งแต่วัยเยาว์ เสร็จสิ้นรวดร็ว บางคนถูกเตรียมชีวิตเนิ่นนาน กว่าจะถึงเวลาที่สามารถใช้การได้ … แต่ผู้กำหนดคือ… Read More »