Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

การรักษาและสละสิทธิ

หากแต่ผู้ใดสละสิทธิของตน นั่นหมายถึงสละแล้วซึ่งสิ่งที่จะได้รับด้วย โดยไม่สามารถอิดออดหรือเรียกร้องอะไรได้ เพราะเป็นผู้สละสิทธินั้นด้วยตนเอง **เว้นเสียแต่ การสละสิทธิบนโลกเพื่อติดตามพระคริสต์เท่านั้น ในขณะที่ผลจากสิทธิบนโลกนี้ถูกสละออก แต่พระคริสต์กลับทดแทนและเทผลแห่งการติดตามพระองค์ให้ ซึ่งเทียบไม่ได้กับผลใดๆ บนโลกนี้ แต่หากพระเจ้าให้เราได้รับสิทธิใดๆ นั่นหมายถึงผลแห่งสิทธินั้นย่อมเป็นของเราด้วยความชอบธรรม พระเจ้าทรงสร้างเรามาพร้อมกับสิทธิแห่งการครอบครองที่ทรงมอบให้   การรักษาและสละสิทธิ   ปฐก.1:26-30 1:26 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพวกเรา เหมือนตามอย่างพวกเราและให้พวกเขาครอบครองเหนือฝูงปลาในทะเล และเหนือฝูงนกในอากาศและเหนือสัตว์ใช้งาน และให้เหนือทั่วทั้งแผ่นดินโลกและเหนือบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก” 1:27 ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง 1:28 และพระเจ้าได้ทรงอวยพรพวกเขา และพระเจ้าตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมีลูกดกและทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก และจงมีอำนาจเหนือแผ่นดินนั้นและครอบครองเหนือฝูงปลาในทะเล และเหนือฝูงนกในอากาศและเหนือบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก” 1:29 และพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิดเราให้บรรดาต้นผักที่มีเมล็ดซึ่งอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลกและบรรดาต้นไม้ซึ่งมีเมล็ดในผลแห่งต้นไม้นั้นแก่พวกเจ้าจะเป็นอาหารสำหรับพวกเจ้า 1:30 และสำหรับบรรดาสัตว์ป่าแห่งแผ่นดินโลกและบรรดานกในอากาศ และบรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานที่มีชีวิตบนแผ่นดินโลกเราให้บรรดาพืชผักเขียวสดเป็นอาหาร” และก็เป็นดังนั้น แท้จริงเราได้ถือครองสิทธิที่จะครอบครองสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ แต่กลับมีหลายสิ่งที่เราสลัดมันทิ้ง ด้วยความไม่รู้สิทธิที่ตนเองมี หรือไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ตาม     02/02/2014 08:11     

มารคัดลอกวิธีการของพระเจ้า

เมื่อมารซาตานใช้วิธีการของพระเจ้า หรือแอบอ้างนามของพระองค์… พระเจ้ายังคงสำแดงสัจจะของพระองค์ต่อไป หาได้เปลี่ยนวิธีการเพื่อหลีกทางให้มารอย่างเต็มรูปแบบ ของปลอมจะถูกเขี่ยทิ้งเมื่อของแท้ ของจริงปรากฏ…. แน่แหละ บางครั้งคนอาจดูไม่ออก แยกไม่ออก เพราะมันเหมือนหรือคล้ายกันมาก เว้นเสียแต่คนที่ชำนาญเท่านั้นที่ดูออกว่าแท้หรือปลอม แต่เมื่อใดที่ของทั้ง 2 อยู่ด้วยกัน เมื่อนั้นของปลอมจะถูกทิ้งไป เพราะมันไม่เพียงด้อยค่า แต่มันไม่มีค่าเลยด้วยซ้ำ คนไม่มีเงิน ก็ไม่แปลกที่จะสวมใส่ของปลวม … แต่คนมีเงินไม่แม้แต่จะถูกดึงสายตา เขาทุ่มไปที่ของแท้…. ชีวิตคนก็เช่นนั้น … ยามไม่รู้ , ยังไม่โตพอ , ยังไม่เข้าใจ , มีทางเลือกไม่มาก …ก็ย่อมใช้ประโยชน์จากของปลอม เพราะต้นทุนต่ำ สามารถครอบครองได้ง่ายๆ… แต่เมื่อใดที่เขาโตขึ้น , มีศักยภาพมากขึ้น , สามารถแยกแยะจริงแท้ออกจากหลอกลวงได้ … เมื่อนั้นเขาจะละทิ้งของปลอมเอง ของแท้ >> ไม่เปรียบเทียบ ไม่แข่งขัน … เพราะคุณค่าในตัวมันสูงส่ง แต่ของปลอม >> มักแข่งขัน เปรียบเทียบ ตลอดเวลา … ด้วยว่ากลัวไม่เหมือน พยายามสร้างคุณค่าในตัวเอง… Read More »

ถั่วแดงของเอซาว

เอซาวผู้เป็นพี่มีต้นทุนชีวิตที่สูงกว่าน้องตรงที่เป็นที่โปรดปรานของพ่อ ผู้ที่กำการอวยพรเพื่อส่งต่อไว้ในมือ เอซาวมีลักษณะพื้นฐานที่สมควรได้รับสิ่งต่างๆ เป็นต่ออยู่แล้ว แต่เนื่องจากคุณสมบัติหลายๆ ประการที่ทำให้เขาละทิ้งสิ่งที่อยู่ในมือแล้วแท้ๆ ดังเช่น คำอวยพรของพ่อ หลุดหายไป เพราะการไม่เห็นคุณค่า เขายินดีละทิ้งสิ่งที่อยู่ในมืออันล้ำค่าอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้ คือ สิทธิบุตรหัวปี ยอมแลกได้ด้วยถั่วแดงเพียงถ้วยเดียว แม้ความหิวจะเป็นเหตุผลที่ดูเหมือนดี เข้าใจได้และน่าเห็นใจ แต่การละทิ้งอย่างไร้เยื่อใย อารมณ์โมโหที่พุ่งขึ้นสะท้อนถึงความต้องการของเนื้อหนัง การยอมทิ้งอะไรก็ได้เพื่อระงับความต้องการของเนื้อหนัง ไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีของชีวิตในก้าวต่อๆ ไป เมื่อเขากินอิ่มและหายหิวแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกเอาสิทธิบุตรหัวปีกลับคืนมาได้ เพราะสิทธินี้ไม่ได้เป็นสิ่งของ แต่เป็นตำแหน่งที่พระเจ้าทรงมอบให้และตั้งไว้ให้ การปฏิเสธและละทิ้งก็เป็นการหันหลังให้โดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นลักษณะชีวิตและนิสัยของเอซาวจริงๆ ที่ไม่ค่อยเห็นคุณค่าในพระเจ้า หรือสิ่งที่พระเจ้าให้ แน่นอนว่า หากเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงตรวจสอบจิตใจภายใน ย่อมตรวจค้นเจอเป็นแน่ เพราะพระเจ้าทรงพระคุณและมีเมตตาอย่างเกินความเข้าใจอันเล็กน้อยและจำกัดของมนุษย์ พระเจ้าทรงมองดูและเพ็งดูจิตใจภายใน แม้หลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายด้าน แลดูแล้วด้อยกว่า แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพระเจ้า แต่กลับเป็นหนทางที่พระองค์จะช่วยกู้คนที่รักดี ปรารถนาและหิวกระหาหายพระเจ้า ดังเช่น ยาโคบ ความสัตย์ซื่อในแต่ละวันของการดำเนินชีวิตของยาโคบดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ งานของเขาดูเล็กน้อยจิ๊ดริดในสายตาคนอื่นๆ ช่วยแม่ทำงานบ้านทั้งที่เป็นผู้ชาย ทำอาหารเข้าครัว แทนการออกไปล่าสัตว์ อย่างที่ชายฉกรรจ์ทั่วๆ ไปอันทรงเกียรติทำกัน แต่สิ่งที่เขาทำหาใช่สิ่งที่พระเจ้าประเมินว่าต่ำต้อย การเยี่ยมเยียนและโอกาสของเขามาถึงเมื่อพระเจ้าทรงลุกขึ้นเคลื่อนไหว ถั่วแดงในมือสามารถทำให้เขาได้รับสิ่งที่ปรารถนาและเฝ้าใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตที่ไม่มีทางเป็นไปได้ คือ… Read More »

คุณสมบัติคัดเลือก

ทุกตำแหน่งทุกงานย่อมต้องมีคุณสมบัติเป็นตัวตั้ง เพื่อเป็นตัวกรองคุณภาพเข้าข่ายในส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะการเริ่มต้น เมื่อคุณสมบัติเบื้องต้นผ่านก็สามารถเริ่มต้นได้ดี ในขณะที่ระหว่างทางความเข้นข้นย่อมมากขึ้น เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเหมาะสมในตำแหน่งที่ยืน และพัฒนาไปต่ออีกขั้น คนที่สามารถพัฒนาคุณสมบัติของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีโอกาสที่จะไปต่อ และพัฒนาในลำดับขั้นต่อไป แต่คนที่ไม่พัฒนาคุณสมบัติของตนเองก็จะหยุดยั้งอยู่ที่เดิม หรือจุดสูงสุดของความสามารถเดิม ภาพ : การเดินผ่านเขตแดน หรือห้องแต่ละชั้น เข้าไปเรื่อยๆ คุณสมบัติเหล่านี้จะเป็นตัวยืนยันถึงความเหมาะสมและคู่ควรของเราในตำแหน่งและจุดที่ยืนนั้น ซึ่งแต่ละงาน แต่ละด้าน แต่ละตำแหน่ง ย่อมมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือ ยืนอยู่ในที่ๆ ตรงกับคุณสมบัติของเรา หากเราถูกตั้งให้ยืนอยู่ในตำแหน่งหนึ่ง วันหนึ่งเราจะรู้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้ได้เลือกให้เราอยู่ต่อไป หรือไม่ใช่ที่ของเรากันแน่ ซึ่งเรียกว่า “คุณสมบัติคัดเลือก” ด้วยคุณสมบัติจะค่อยๆ คัดเลือกคนเองจากสิ่งที่ทำว่า เขาควรอยู่หรือไป ตำแหน่งใด แค่ไหน ใช่หรือไม่   คุณสมบัติคัดเลือก    1. เมื่อเริ่มต้นคุณสมบัติเบื้องต้น อาจจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้น แต่ต่อไปเรื่อยๆ การพัฒนาตามลำดับขั้นเป็นเรื่องปกติที่ต้องมี เพราะคนเราจำเป็นต้องโต ตัวอย่างเช่น :: การผ่านสัมภาษณ์งาน เมื่อเริ่มต้นคุณสมบัติเพียงพอจะเข้าร่วมองค์กร แต่เมื่ออยู่ในองค์กร ก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างเจาะจงมากขึ้น หากทำไม่ได้ หากไม่พัฒนา… สุดท้ายก็ต้องออกไปจากงานนี้ เพราะคุณสมบัติไม่ถึง… Read More »

ย้อนกลับ

บางคนได้แล้ว กลับละทิ้ง บางคนมีแล้ว แต่กลับยอมละทิ้งทั้งสิ้น หารู้ไม่ว่าเป็นการย้อนกลับไปยังจุดเดิมๆ การปล้ำสู้เพื่อให้ได้มาแต่ละสิทธิอำนาจ หมายถึง กาต่อสู้กับเนื้อหนัง จุดอ่อน และหนามของตนเอง จนกระทั่งหันและดึงสายตาของพระเจ้ามาที่ตน ในเรื่องนั้นๆ เพื่ออวยพร.….. เป็นการต่อสู้แม้แต่ความดื้อรั้นของตนเองที่ต่อสู้พระเจ้า ความหยิ่งผยอง จนในที่สุด ก็ได้พบพระเจ้า ได้รับการสัมผัสแตะต้อง จนกระทั่งรู้เป็นแน่แท้ว่าสู้พระเจ้าไม่ได้ กายยอมจำนนจึงเกิดขึ้น >> การอวยพรของพระเจ้าจึงมาถึงด้วยเหตุแห่งการจำนนนี้ ปฐก.32:24-27 32:24 และยาโคบอยู่แต่ผู้เดียว และที่นั่นมีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนเวลารุ่งสาง 32:25 และเมื่อพระองค์เห็นว่าพระองค์จะเอาชนะเขาไม่ได้ พระองค์จึงถูกต้องที่เบ้ากระดูกต้นขาของเขา และเบ้ากระดูกต้นขาของยาโคบก็เคล็ด เมื่อเขาปล้ำสู้กับพระองค์อยู่นั้น 32:26 และพระองค์ตรัสว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” และเขาพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ไป นอกจากพระองค์จะอวยพรแก่ข้าพเจ้า” 32:27 และพระองค์ได้ตรัสกับเขาว่า “เจ้าชื่ออะไร” และเขาพูดว่า “ยาโคบ” แต่พอนานวันเข้า ซ้ำร้ายบางครั้งผ่านไปแค่เพียงชั่วครู่ ก็กลับหลงลืมสิ่งเหล่านั้นที่ได้มา ยอมละทิ้ง เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่คู่ควร – ตำแหน่ง – ความอยากได้ – การยอมรับ – ความไม่รู้อันอ้างไม่ขึ้น… Read More »

รากของการไม่เชื่อฟัง

1. การไม่สามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ = ขาดความเชื่อ – ผู้ที่ไม่สามารถวางใจพระเจ้าได้ จะยินดีเชื่อฟังพระองค์ได้อย่างไร ?? ดังนั้นสิ่งที่เราจำเป็นต้องถูกสร้างให้มั่นคงก่อน การเชื่อฟัง คือ ความไว้วางใจในพระเจ้า เราจะสามารถวางใจพระเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ … >> มีความสัมพันธ์ที่แนบสนิทกับพระองค์เป็นอย่างดี เราสนิทกับใครก็ย่อมวางใจคนนั้นได้อย่างง่ายดาย – ในขณะที่ยังไม่สามารถวางใจได้ สิ่งสำคัญคือความเชื่อ การเชื่อในบุคคลนั้นๆ ย่อมทำให้เราสามารถละความกังวลและคลายปมลง เช่นเดียวกับผู้ที่เชื่อในพระลักษณะพระเจ้าว่า “ทรงเป็น…” ในชีวิตย่อมทำให้คลายจากสิ่งที่บีบรัดลง และสามารถสร้างความวางใจได้มากขึ้น – เป็นที่แน่นอนว่ายิ่งผู้ที่เติบโตในความเชื่อมากเท่าไร ยิ่งมีความวางใจในพระเจ้าได้มากเท่านั้น , ยิ่งผู้ที่มีความสัมพันธ์แนบสนิทกับพระองค์มากเท่าไร ความเชื่อวางใจยิ่งมากเท่านั้น และต้นสายของความเชื่อวางใจคือความสัมพันธ์ที่แนบสนิทกับพระองค์ เป็นตัวแปรที่ผันตามกันโดยตรง   2. ดูหมิ่นพระเจ้า – ผู้ที่ละเลยไม่สนใจในคำสั่งของพระเจ้า ที่ไม่ได้มาจากขาดความเชื่อวางใจ อีกแง่หนึ่ง … คือการดูหมิ่นพระเจ้า – การให้เกียรติ ย่อมมีผลที่เห็นชัดเจนในความยำเกรงและนอบน้อม เราให้เกียรติผู้ใด ย่อมอยากจะทำตาม เดินตาม สนับสนุนเป็นที่สุด อย่างสุดความสามารถ ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่ให้เกียรติพระเจ้าย่อมมุ่งตรงไปที่น้ำพระทัยและคำสั่งของพระองค์ ที่มาถึงเราเป็นการส่วนตัวอย่างที่สุด… Read More »

ชีวิตคริสเตียนกับสิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน

แท้จริงชีวิตคริสเตียนต้องเติบโตขึ้นอย่างสมดุลย์ทั้ง 3 ด้านนี้ การโตเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นผลฉุดรั้งให้หยุดการเจริญเติบโตส่วนอื่นๆ ด้วย ภาพ : ต้นไม้ต้องเกิดผล ทั้ง 3 ส่วน 1. ราก 2. ต้นและใบ 3. ดอกและผล หากการโตเป็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งย่อมมีผลดึงส่วนอื่นๆ ไม่ให้โตด้วย หากใบและต้นโตแต่รากไม่โตย่อมส่งผลให้จำกัดขนาดการเกิดผลด้วย , หากรากเติบโตแข็งแรงย่อมส่งผลต่อส่วนอื่นๆ ด้วย , แต่หากส่วนอื่นๆ ไม่รับไม่ดูดซึมก็จำกัดการเกิดผลเช่นกัน   ชีวิตคริสเตียนกับสิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน   สิ่งที่ต้องเติบโตขึ้น 3 ด้าน ของชีวิตคริสเตียน 1. ความเชื่อ ♣ คนที่ไม่ยอมเติบโตขึ้นในความเชื่อ ก็เปรียบเสมือนเฒ่าทารกฝ่ายวิญญาณ แม้รู้มาก เดินกับพระเจ้านานวัน เคยมีประสบการณ์มามากมาย แต่ก็ไม่ส่งผลให้ความเชื่อเติบโตขึ้น โดยปกติวันเวลาย่อมทำให้คนเราเติบโตขึ้น ขนาดต่างๆ ย่อมต้องพัฒนามากขึ้น เช่น อายุ , ความรู้ความเข้าใจ , อายุความเชื่อ , ความรู้จากปกติชีวิต (ผ่านคำเทศน์… Read More »

จริยธรรม

ความหมายของจริยธรรม = ศีลธรรม , ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ จริยธรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการประพฤติที่ดี ในขอบเขตที่ดีงามในการดำเนินชีวิตในสังคมนั้นๆ ในพระคัมภีร์กล่าวถึงบทบัญญัติ เพื่อให้เราเดินตามซึ่งมีระบุชัดเจนว่าอะไรถูก อะไรผิด (ลนต. , ฉธบ. , กดว.) ที่ชัดเจนคือบัญญัติ 10 ประการ ต้องถือรักษา ไม่สามารถบิดพลิ้วได้ ประเภทของจริยธรรมที่ต้องเกี่ยวข้อง 1. จริยธรรมขั้นพื้นฐาน (การดำเนินชีวิต) ♥ เป็นข้อปฏิบัติที่คนทั่วๆ ไป ทุกคนต้องผ่าน ♥ หากเป็นคริสเตียน ก็เป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปที่พึงกระทำ ตามหลักการพื้นฐานของพระคัมภีร์ เช่น การให้เกียรติผู้อาวุโส , การไม่พูดโกหก , การไม่ทำร้ายผู้อื่น , การเอื้อเฟื้อต่อผู้ที่อ่อนกำลังกว่า , …. ♥ จริยธรรมพื้นฐาน ย่อมเป็นไปตามที่คนเดินตามพระคัมภีร์สามารถมองเห็นได้โดยทั่วไปว่า เป็นมาตรฐานเดียวกัน 2. จริยธรรมองค์กร (มารยาททางสังคม) ♥ ในแต่ละองค์กร ชุมชน… Read More »

ไม่ใช่ทุกปัญหาคือการโจมตี

มารวนเวียนอยู่รอบกายดุจสิงคำราม 1 ปต.5:8 ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่นจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบ ๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ แท้จริงมารคอยวนเวียนอยู่รอบๆ กายเรา เพื่อมองหาช่องว่างของจุดอ่อนที่เรามีอยู่ เมื่อมันโจมตีมันใช้จุดอ่อนเหล่านั้นของเรา ไม่ใช่เพราะเราทำสิ่งใดๆ…. การมีจุดอ่อนเป็นการเปิดช่องโหว่ที่มารมองเห็น ซึ่งหลายอย่างเรามองไม่เห็นหรือแม้แต่ไม่ยอมรับด้วยซ้ำ เมื่อใดก็ตามที่มารซาตานยังคงโจมตีเราได้ แสดงว่าเรายังคงมีจุดอ่อนที่เปิดช่องโหว่ไว้อยู่ สะท้อนให้เห็นว่า เราต้องเร่งปิดช่องโหว่นั้น ด้วยการรับจากพระเจ้า (เยียวยา , ความคิดใหม่ , การสร้างใหม่ , ความรู้ความเข้าใจใหม่ , …) เพื่อให้ช่องโหว่นั้นถูกปิดลง ให้จุดอ่อนนั้นถูกแก้ไข *** มารไม่ได้โจมตีเมื่อเรารับใช้พระเจ้า แต่โจมตีเพราะเรามีจุดอ่อนต่างหาก ส่งผลทำให้  หนีการรับใช้ >> จุดอ่อนก็ยังคงอยู่ แม้ไม่ทำอะไรเลย ก็โดนโจมตีอยู่ดี  สู้กับมัน >> แต่แพ้ เพราะจุดอ่อนยังคงอยู่ แท้จริงพระเจ้าใส่ความล้ำลึกสุดๆไว้ในแผนการณ์พระเจ้าโดยใช้ แม้แต่มารเองในการชี้จุดกลับใจใหม่ให้แก่เรา (แต่คนเรามักมองพระเจ้าผิด เพ่งตรงไปที่มาร ซึ่งมารมันฉลาดหลอกเราให้หลงไปจากความเข้าใจอันแท้จริงของพระเจ้า) >> ดังนั้นทุกครั้งที่เราจะรับใช้ หรือจะทำบางอย่าง… Read More »

สหายเลิศ

การมีเพื่อนเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน เพราะพระเจ้าให้เรามีปฏิสัมพันธ์กันและกัน ตั้งแต่แรกเริ่มในสวนเอเดน… แต่นั่นก็มาหลังจากการมีความสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า พระบิดาทรงสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับพระองค์แล้วจึงสร้างเอวาให้กับอาดัมอีกที แต่หลายครั้งมนุษย์เรียกหามนุษย์ด้วยกันเองมากกว่าเรียกหาพระเจ้า เหตุนี้จึงมีความเหงา โดดเดี่ยว เศร้าและทุกข์ หากต้องอยู่เพียงลำพัง มองไปรอบกายหาใครไม่เจอ แน่นอนว่าเราควรมีเพื่อน และการเลือกเพื่อนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนดีย่อมส่งผลดีต่อเรา เพราะการได้ใกล้ชิดกันย่อมส่งผลต่อ ทั้งอารมณ์ ความคิด ค่านิยม ความชอบ ไม่ชอบ… แต่พระเยซูทรงปรารถนาให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ในรูปแบบเพื่อนด้วยเช่นกัน ตัวอย่าง อับราฮัม โมเสส ดาเนียล ยอห์น เพื่อนย่อมเปิดเผยสิ่งต่างๆ ให้แก่กัน สามารถสื่อสารความคิดต่อกันและกัน แสดงความคิดเห็นต่อกันและกันด้วยและในขณะแสดงความคิดเห็นจะไม่มีใครถูกผิด มีแต่ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันและกัน สะท้อนสิ่งที่เป็นความคิดและตัวตนภายในของแต่ละฝ่าย เฉกเช่นเดียวกันพระเจ้าก็ปรารถนาจะให้เรามีมุมที่รับรู้ความคิดของพระองค์ และทรงมีมุมที่อยากให้เราแสดงความเป็นตัวเรากับพระองค์ด้วย แน่นอนว่าทรงรู้จักเรา แม้เราไม่พูดอะไร แต่การได้มีอิสระในการแสดงความเป็นตัวตนกับพระองค์ นั่นหมายถึง เราได้ใกล้ชิดและวางใจพระองค์เป็นแน่ น่าเสียดายคนจำนวนมากกลับไม่อยากเป็นเพื่อนกับพระเยซู อาจด้วยวัฒนธรรมบางอย่างที่คิดว่า เพื่อนนั้นต้องระดับเดียวกันเท่านั้น ดูเหมือนจะถ่อมต่อผู้ที่สูงกว่า แต่ก็ใช้โอกาสนี้อ้างเพื่อข่มต่อผู้ที่ด้อยกว่าเช่นกัน และกรณีหากใครมองว่าตนคือผู้ด้อยกว่าก็จะไม่คิดตีสนิทเลยทีเดียว แต่พระเยซูทรงอยู่เหนือกาลเวลาและประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติของชนทุกชาติ เรื่องของความสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่ไม่มีสิ่งใดกีดขวางได้ เว้นเสียแต่การวางตัวอย่างไรของเราเท่านั้น ด้วยเหตุนี้หลายต่อหลายคนจึงพลาดเพื่อนที่แสนดีไป หรืออาจทิ้งมุมนี้ที่พระเจ้าปรารถนาจะมีต่อเราไป และมอบให้เรามัน ไม่ใช่ความถ่อมเลยสักนิด แต่เป็นกำแพงหนาที่เราตั้งไว้เองต่างหาก… Read More »