Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

ปรัชญาต่างๆ

จงระวังให้ดี อย่าให้ค่านิยม ปรัชญาใดๆ บนโลกเข้ามาแทนที่พระวจนะของพระเจ้า ด้วยว่าพระวจนะ ทรงพลานุภาพและได้รับการรับรองจากพระเจ้าเป็นแน่ เพราะพระเจ้าทรงตรัสด้วยพระโอษฐ์ (ปาก) ของพระองค์เอง และมอบให้เราด้วยพระหัตถ์ (มือ) ของพระองค์เอง 2 ทิโมธี 3:16-17 16พระ‍คัมภีร์ทุกตอนได้รับการดล‍ใจจากพระ‍เจ้า และเป็นประ‌โยชน์ในการสอน การตัก‍เตือนว่า‍กล่าว การแก้‍ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบ‍ธรรม 17เพื่อคนของพระ‍เจ้าจะมีความสามารถและพรัก‍พร้อมเพื่อการดีทุก‍อย่าง ข้อคิด ปรัชญาต่างๆ บนโลก มีหลายสิ่งหลายอย่างดีจริง แต่ไม่อาจนำมาทดแทนหรือแทนที่พระวจนะของพระเจ้าได้ ข้อคิดเชิงปรัชญาเหล่านั้นสามารถทำคุณประโยชน์ให้กับบางคนได้ในบางเวลา มันไม่สามารถเป็นสูตรสำเร็จได้ เพราะไม่มีการรับรองใดๆ จากผู้ใดเลย เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่ง แง่คิดหนึ่ง ของบางกลุ่มคนในบางเวลาเท่านั้น ซึ่งหากใครทำตามย่อมได้ประโยชน์ร่วมบ้าง แต่พระวจนะพระเจ้าเป็นจริงสำหรับทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าใครที่นำไปทำตามย่อมเกิดผล และได้รับการรับรองจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรับรองพระดำรัสของพระองค์เอง คนในโลกมากมายต่างฉงนสนเท่ห์ในความอัศจรรย์เหล่านี้ จึงได้มีการศึกษา ค้นคว้า และทำตามพระบัญญัติหลักการของพระเจ้า นำไปประยุกต์ใช้ในงานและบริบทของตน แม้พวกเขายังไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ก็ได้รับการรับรองให้เกิดผลอยู่ดี เช่น … หลักการหว่าน การเก็บเกี่ยว หลักการให้เกียรติบิดามารดา เพื่อไปดีมาดีบนแผ่นดินโลก หลักการความสัตย์ซื่อ แต่หลายครั้งคริสเตียนกลับสวนกระแสความจริงที่พระเจ้าตั้งไว้ในมือ… Read More »

กลัวเพี้ยน

ในพระคัมภีร์ไม่ได้ให้การเน้นน้ำหนักที่กลัวคนเพี้ยน แต่เน้นน้ำหนักส่วนใหญ่ที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ … เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบตัวเองกับพระเจ้า เป็นความรับผิดชอบที่ต้องเติบโต และพัฒนาขึ้น ความรับผิดชอบตกแก่บุคคลนั้นๆ ไม่ใช่ ผู้นำหรือผู้ชี้แนะ เว้นเสียแต่พ่อแม่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูก สามีรับผิดชอบภรรยา คนยิวก็ไม่กลัวเพี้ยน เพราะพวกเขามีพื้นฐานพระคำ ยิวมี 2 ขั้วเลย คือ เชื่อกับหลงเจิ่น ไม่มีเชื่อแต่เพี้ยน การสอนคนให้รู้จักตรวจสอบทุกสิ่งด้วยพระคำ เป็นการสอนของยิว ทุกคนต้องรู้และท่องจำพระคำ เพื่อตนเอง พวกเขาคิดแต่เพียงว่า… ?ทำอย่างไรจึงจะทำตามพระวจนะของพระเจ้าได้ … พวกเขาไม่มีความสงสัยใดๆ เลย เพราะพื้นฐานความเชื่อมาจากการมั่นใจว่าพระคำมาจากพระเจ้า เขาจะคิดว่า… ?ทำอย่างไรให้พระพรที่พระคำกล่าวไว้นั้นเป็นจริงในชีวิตส่วนตัว … ดังนั้นทุกคนมุ่งเน้นแค่ตนเองและครอบครัว คนที่มุ่งเน้นคนอื่น มีแค่ ฟาริสีเท่านั้น การสอนของพวกเขาเน้นความรู้ความเข้าใจและความล้ำลึกแห่งถ้อยคำมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะชันสูตรทุกสิ่งจากพระคำที่เขารู้ ตัวอย่าง บุคคลในพระคัมภีร์มักอ้างพระคำ อ้างถึงบัญญัติ เป็นการสะท้อนถึงการมีฐานความรู้เรื่องพระคำและบัญญัติของพระเจ้าในชีวิตของเขาเอง ดังนั้นจึงทำให้เกิดความมั่นคง และสามารถแยกแยะสิ่งที่ผิดจากพระวจนะของพระเจ้าออกไปได้   กลัวเพี้ยน 1.    ความรับผิดชอบในการรักษาชีวิตและเดินติดตามพระเจ้าเป็นของเราแต่ละคนเอง ไม่ใช่ของผู้นำ พ่อแม่ คริสตจักร ดังนั้น ทุกคนจำเป็นต้องระมัดระวังรักษาทางของตน รวมถึงหาทุกทางในการปกป้องตนเอง… Read More »

อดทนให้ผ่านไป

จะมีบางเวลา บางเรื่องที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกเสียจากอดทนให้มันผ่านไปให้ได้ 1.    อดทนอย่างนิ่งสงบ •    เป็นการเฝ้ารอคอยอย่างนิ่งสงบ •    ต้องจัดการใจภายในที่ร้อนรุ่มให้สงบลง •    ต้องจัดการความเดือดเนื้อร้อนใจให้นิ่งลง •    ต้องจัดการตนเองด้วยการมอบความอยากจะลุกขึ้นทำสิ่งต่างๆ เองแทนที่พระเจ้าด้วยอารมณ์ให้สงบลง •    เป็นการอดทนที่ใช้ความวางใจในพระเจ้าของตน ว่าจะ “ทรงอยู่ฝ่ายเราเป็นแน่” •    เมื่อเราสามารถจัดการใจตนเองให้สงบลงได้เมื่อไร เมื่อนั้นจะพบว่าพระเจ้าทรงพระคุณ และเริ่มมองเห็นแผนการณ์การทำงานของพระเจ้าทีละขั้นทีละตอนอย่างเข้าใจมากขึ้น เพราะการมอบให้พระเจ้าด้วยความวางใจในพระองค์ได้เกิดขึ้นแล้ว •    ยิ่งสงบเร็วและมากเท่าไร ยิ่งปลอดภัยและเห็นการทำงานของพระเจ้ามากเท่านั้น ยิ่งทำให้เข้าใจในน้ำพระทัยพระเจ้าในเรื่องนั้นได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรับรู้ถึงความล้ำลึกของพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น สดุดี 62:5  จิต‍ใจของข้าพ‌เจ้าสงบคอยพระ‍เจ้าเท่า‍นั้นเพราะความหวังของข้าพ‌เจ้ามาจากพระ‍องค์ 2.    อดทนด้วยความหวังใจ •    แม้หลายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมาย •    ไม่เป็นไปตามแผนความคิดของตนเอง •    ไม่ได้ดั่งใจต้องการ •    บางครั้งเกินการควบคุมของตนเอง จนกระทั่งมองหาจุดจบที่ดีไม่เจอ •    เป็นความอดทนที่ต้องอาศัยความหวังใจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเชื่อของตนเอง เพราะอาจต้องใช้เวลานานเกินกว่าความปรารถนาของตนเองที่ตั้งไว้ แน่นอนมนุษย์ชอบอะไรที่ตนเองควบคุมได้และรักที่สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่ตนเองคิดหมายไว้ แต่เมื่อมันตรงกันข้าม… ความคาดคั้น การบีบบังคับ การเร่งเร้า จึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และทำให้ความอดทนร่นสั้นลงอย่างรวดเร็วหรือทันที จนถึงจุดหมดความอดทน… Read More »

ทำไมผู้ชอบธรรมต้องหนี

เพราะเขาเป็นที่โปรดปรานและหวงแหนของพระเจ้า ดังนั้นเมื่อพระเจ้าลุกขึ้นต่อสู้เมื่อไร ศัตรูจะพ่ายอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่ทำร้ายกลับกลายเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือเป็นบุคคลที่รัก … แม้จิตใจภายในจะเจ็บปวดและบอบช้ำจากการถูกทำร้าย แต่ด้วยการรู้จักกับพระเจ้าเป็นอย่างดี ทำให้ภายในย่อมรู้ว่าพระเจ้าทรงรักและหวงแหนตนเพียงใด จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่ขัดขวางและทำร้ายแก้วตาดวงใจของพระองค์อย่างไร ดังนั้น การหลีกหนีจึงเป็นหนทางที่ผู้ชอบธรรมเลือกกระทำ การหลีกหนีหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่มีทางสู้ , ไม่ใช่ว่าโต้ตอบไม่ได้ , ไม่ใช่ว่าอ่อนแอกว่า … แต่เพราะว่าต้องการสงวนคนๆ นั้นไว้ แม้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่ไม่สมควรได้รับเมตตานี้เลย แต่หัวใจของผู้ชอบธรรมกลับแสดงถึงเมตตาที่มีต่อเขา … ส่วนมนุษย์ผู้เป็นศัตรูนั้นมักผยองพองตน ได้ใจคิดว่า “ตนเองแน่” กลับยิ่งไล่ล่า … แต่ผู้ชอบธรรมยิ่งหนีให้ห่างไกลไปอีก และ นั่นคือ เวลาที่พิสูจน์ตนว่า ได้สงวนมือ และหดสั้นเข้าสำหรับการอธรรม ในขณะที่ผู้ผยองไม่ได้รู้เลยว่า ยิ่งผู้ชอบธรรมหลบหนีมากเท่าไร การแก้แค้นของพระเจ้ายิ่งทวีโทษลงมายังหัวของเขา สะท้อนผลร้ายกลับสู่เขามากเท่านั้น เหตุนี้เองไม่เพียงแค่การหดมือต่อสู้ความอธรรม แต่การสงวนปากไม่แช่งสาปก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเช่นกัน นอกจากเป็นการรักษาใจของตนไม่ให้พัวพันกับความอธรรมทั้งสิ้นแล้ว ยังเป็นสิทธิอำนาจที่ตกแก่ริมฝีปากผู้ชอบธรรมด้วย เขาตระหนักอย่างมากว่า … หากเขาพูดสิ่งใดที่แช่งสาปศัตรูออกไป ไม่เพียงท่าทีภายในใจ เค้าโครงความคิด ที่ไม่ผ่านจริงแล้ว… ยังทำให้คำแช่งนั้นตกแก่ศัตรู ซึ่งแท้จริงหัวใจของผู้ชอบธรรม ไม่มีใครปรารถนาจะทำร้ายผู้อื่น แม้ตนเองจะถูกทำร้ายมากเพียงใดก็ตาม หากผู้ชอบธรรมตอบแทนการร้ายด้วยการร้ายกลับไป เช่นนั้นจะไม่เรียกว่า “ผู้ชอบธรรม”… Read More »

เป็นที่นับได้

ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนเชื่อ อาจแตกต่างกันไปตามรากฐานความเชื่อของแต่ละคน ส่วนคริสเตียนเชื่อเรื่องสวรรค์ นรก นั้นเป็นจริง วิวรณ์ 21:1 และข้าพ‌เจ้าเห็นฟ้า‍สวรรค์ใหม่และแผ่น‍ดินโลกใหม่ เพราะ‍ว่าฟ้า‍สวรรค์เดิมและแผ่น‍ดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่‍มีอีก‍ต่อ‍ไป หากคริสเตียนเชื่อเรื่องแผ่นดินสวรรค์แล้ว การดำเนินชีวิตบนแผ่นดินโลกย่อมมีผลต่อชีวิตหลังความตาย ทั้งการเป็นอยู่ บำเหน็จรางวัล สง่าราศี ล้วนสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตบนโลกนี้ทั้งสิ้น 2 ทิโมธี 4:8 ตั้ง‍แต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบ‍ธรรมก็จะเป็นของข้าพ‌เจ้า ซึ่งองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าผู้‍พิพาก‌ษาที่ชอบ‍ธรรมจะประ‌ทานเป็นรางวัลแก่ข้าพ‌เจ้าในวัน‍นั้น และไม่ใช่แก่ข้าพ‌เจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประ‌ทานแก่ทุกคนที่รักการเสด็จมาของพระ‍องค์ การดำเนินชีวิตบนโลก มีทั้งส่วนที่นับได้ และนับไม่ได้ในสายพระเนตรพระเจ้า บางส่วนจบลงที่ความตาย เมื่อตายลงทุกสิ่งเป็นอันสิ้นสุดบนแผ่นดินโลก เช่น ทรัพย์สิน ชื่อเสียง เงินทอง ความสามารถ เพื่อน พี่น้อง สุภาษิต 5:11 และเมื่อบั้น‍ปลายชีวิตของเจ้ามาถึง เจ้าจะครวญ‍คราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าเสื่อม‍สิ้น‍ไป แต่ยังมีบางส่วนที่ส่งผลต่อแผ่นดินสวรรค์ แน่นอนคนไม่เชื่อจะไม่มีส่วนนี้ อันเนื่องจากพระเยซูเป็นทางรอดทางเดียวสู่แผ่นดินของพระเจ้า   แต่มีบางส่วนที่ไม่ได้จบลงที่ความตาย สิ่งบนโลกนี้บางอย่างมีผลต่อชีวิตนิรันดร แน่นอนว่าผู้ไม่เชื่อจะไม่มีส่วนนี้ เพราะพระเยซูเป็นทางเดียว ยอห์น.14:6  พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต. ไม่มีใครจะมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา  … Read More »

เรื่องของวาระ

วาระเป็นเรื่องของช่วงเวลา มีเริ่มต้นและมีสิ้นสุด ในการทรงนำของพระเจ้า เพื่อให้เราก้าวตามและเชื่อฟังพระองค์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุด ในการเริ่มต้นทุกสิ่งชัดเจนในการทรงนำ และเมื่อก้าวตามการรับรองก็ตามมาอย่างเห็นได้ชัด จนเป็นประสบการณ์ตรงของเราเอง ทำให้มั่นใจในการอยู่ในวาระนั้นต่อไป และเพื่อให้ดำเนินต่อไปในวาระนั้นอย่างเชื่อมั่นของการทรงอยู่ด้วยของพระเจ้า แต่เมื่อหมดวาระอย่าลังเลที่จะก้าวต่อไป เพราะสิ่งดีกว่าได้รอเราอยู่เบื้องหน้า   ? ทำไมจึงหมดวาระ 1. เพื่อนำเราไปในวาระต่อไป ในก้าวต่อไปที่ดีขึ้น สูงขึ้น ลึกขึ้น วาระก่อนย่อมเป็นพื้นฐานให้กับวาระต่อๆ ไป 2. เพื่อพัฒนาและเติบโตมากยิ่งขึ้น อย่างครบถ้วนรอบด้าน ในกระบวนการสร้างชีวิต 3. เพราะแผนการของพระเจ้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าสู่ความไพบูลย์เสมอ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลัง   ? รู้ได้อย่างไรว่าหมดวาระแล้ว 1. ทุกสิ่งที่เคยดี กลับดูติดขัดไปหมด เสมือนว่าการรับรองจะหดหายไป แต่แท้จริงเป็นเพียงสัญญาณเตือนและบอกให้รู้ว่าถึงเวลาในการเคลื่อนสู่วาระใหม่แล้วต่างหาก (ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าทอดทิ้งหรือไม่อยู่ด้วยแล้ว) 2 โครินธ์ 5:17 ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระ‍คริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสาร‌พัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่‍แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น   2. พระเจ้าทรงสำแดงและทำให้เห็นว่าหมดวาระแล้ว เช่น การตรัส การเปิดเผยบางสิ่งที่ตัวเราถูกบีบรัด ปฐก.31:1-3   หมดเวลาของยาโคบที่พึ่งพาอาศัยพ่อตา เพื่อกลับสู่ถิ่นฐานและสร้างรกรากของตนเอง… Read More »

ผู้นำและผู้สนับสนุน

คนเราแต่ละคนมีลิขิตของพระเจ้าในชีวิตต่างกัน ต่างก็มีจุดและตำแหน่งที่พระเจ้าให้ยืนและเรียกให้ทำ – บางคนถูกเรียกมาเป็นผู้นำ – บางคนถูกเรียกมาให้เป็นผู้ตามและสนับสนุน ไม่มีตำแหน่งใดใหญ่หรือเล็กกว่ากัน สำคัญที่เรายืนในจุดที่พระเจ้าเลือกและตั้งเราไว้เป็นพอ เพียงเท่านี้ย่อมนำพระพรอย่างมหาศาลตามพระสัญญามาถึงเป็นแน่แท้   1. กลุ่มคนที่ถูกลิขิตให้เป็นผู้นำ    ตัวอย่าง โมเสส ดาวิด อับราฮัม โยเซฟ คนจำนวนน้อยมากๆ ที่พระเจ้าจะตั้งให้เป็นผู้นำ มักมีลักษณะทำงานเป็นหัวเสมอๆ จะมีทีมงานที่พระเจ้าส่งมาช่วยเป็นแน่ การอยู่ภายใต้คนๆ หนึ่ง เป็นเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เป็นเหมือนการฝึกฝนและค้นหาสิ่งที่พระเจ้าเรียก เป็นพื้นฐานในการต่อยอดสิ่งที่พระเจ้าใช้ เมื่อถึงวาระพระเจ้าย่อมนำเขาออกมายังจุดที่ทรงตั้งไว้   2. กลุ่มคนที่ถูกลิขิตเพื่อสนับสนุน   คนจำนวนมากที่พระเจ้าเรียกมาเพื่อให้เป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เสริมสร้าง อุดช่องว่างและเติมเต็มผู้ที่พระเจ้าตั้งไว้เป็นผู้นำ ควรแสวงหาพระเจ้าถึงคนที่จะมาเป็นผู้นำและต้องสนับสนุนอย่างแท้จริง คนที่พระเจ้าตั้งให้เราสนับสนุนเขาและไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร มีบุคลิกภาพและจุดอ่อนเช่นไร ก็ต้องคอยสนับสนุนเขา เพราะนั่นคืองานที่พระเจ้าเรียก คนประเภทนี้ไว้ ตัวอย่าง ทหาร 3 คนของดาวิด ไม่ว่าดาวิดจะมีจุดอ่อนอย่างไรเขาต้องคอยอุดรอยรั่วนั้น เพื่อให้ดาวิดไปต่อกับพระเจ้าได้ พระพรของดาวิดจะเป็นพระพรของเขา ระดับการสนับสนุน อยู่ที่ตำแหน่งที่พระเจ้าเรียกด้วย เช่น ตำแหน่งแรงงานจะไม่มีคนตาม ตำแหน่งผู้จัดการจะมีคนภายใต้ ทหารทั้ง 3… Read More »

เบี้ยล่าง

หลายครั้งสิ่งร้ายๆ ที่เข้ามา สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนหรือแนวการกระทำ วิถีชีวิตที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะทุกการหว่านย่อมมีการเก็บเกี่ยว เมื่อผลสำแดงออกมา ย่อมสะท้อนย้อนกลับไปถึงวันเวลาแห่งการหว่าน เพราะทำผิด จึงมีผลที่ผิดๆ ออกมา เพราะหว่านสิ่งไม่ดี จึงมีผลที่เน่าแฟะออกมา เพราะเคยละเลย จึงมีผลร้ายแห่งความเลินเล่อเกิดขึ้น เพราะไม่ชอบธรรม จึงต้องรับผลแห่งความผิดพลาด . . . หลายครั้งมนุษย์มักจดจำเป็นอย่างดี เมื่อถูกทำร้ายหรือถูกกระทำ แต่มักหลงลืม ไม่ยอมรับ หรือแกล้งลืม เพื่อบิดเบือนความผิดของตนเอง เพราะไม่อยากรับผลที่ไม่ดี อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม ใช่ว่าเป็นคริสเตียนแล้วจะรอดพ้นจากผลแห่งการหว่าน พระเจ้าทรงยุติธรรมต่อมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อพระเจ้าหรือไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม เมื่อสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา สิ่งแรกที่ควรทำคือ สำรวจตนเองและแสวงหาพระเจ้า เพื่อรับการช่วยกู้ พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้บุตรที่รักตกอยู่ในบาป หรือแช่ตัวเองอยู่ในวิถีของบาป ดังนั้นพระองค์จะมีวิธีการอันแสนดี เพื่อนำการขัดเกลา และนำเรากลับสู่ที่ทางอันชอบธรรม การเปิดเผยและการบอกอย่างเจาะจงถึง สิ่งที่ต้องกลับใจใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต เป็นเรื่องปกติที่พระเจ้าจะทำ… แต่หลายครั้งมนุษย์มักเพิกเฉย แต่ความผิดบาปของตน และลดทอนน้ำหนักด้วยการคิดหาทางออกว่า ไม่เป็นไร มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับได้ในการสนับสนุนบาปของตน แท้จริงบาป คือ บาป แต่บาปจะไม่เป็นบาปเมื่อคนบิดเบือนและคิดนิยามว่าไม่บาป… ซี่งเป็นเพียงการหลอกตนเองเท่านั้น แต่ไม่สามารถหลอกลวงพระองค์ผู้ทรงชันสูตรได้ ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้เหมือนพระเจ้า… Read More »

ยืมมือ

การรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์และชอบธรรมเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราแต่ละคนจำเป็นต้องตระหนักและยึดไว้ให้มั่นเอง ในขณะที่เราแต่ละคนต่างก็กำลังมุ่งไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ สิ่งที่ควรระวังในการก้าวเดินบนโลกอันเป็นชั่วคราวคือ การพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการวิธีการของโลก เพราะแม้ว่าความมุ่งมั่นและความบากบั่นที่ทำอยู่นั้น เพื่อปลายทางแผ่นดินสวรรค์ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถนับและใช้ได้บนแผ่นดินสวรรค์ อีกนัยยะหนึ่ง คือ มีบางสิ่งที่ใช้ได้และถูกนับไว้ แต่ก็มีบางสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง bb : สิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง สภษ.6:16-19 6:16 หกสิ่งเหล่านี้พระเยโฮวาห์ทรงเกลียด เออ มีเจ็ดสิ่งเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนสำหรับพระองค์ 6:17 สายตาที่หยิ่งยโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก 6:18 จิตใจที่คิดแผนงานชั่วร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความร้าย 6:19 พยานเท็จซึ่งพูดมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง   โลกนี้ใช้วิธีการแย่งชิง แก่งแย่ง เพื่อให้ได้มาครอบครอง หรือผลักผู้อื่นเพื่อให้ตนรอดพ้นจากภัย แต่พระเจ้าทรงเป็นกำบังอันเข้มแข็ง เราจึงไม่ต้องใช้วิธีการของโลก เพื่อมีชีวิตรอดบนโลก – ถ้าเช่นนั้น จะมีพระเจ้าไว้เพื่ออะไร? – ถ้าเช่นนั้น จะพบพระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงธรรมได้อย่างไร? – ถ้าเช่นนั้น จะมือสะอาดใจบริสุทธิ์ได้อย่างไร? – ถ้าหาก ผ่านด่านนี้ แต่ต้องตายในด่านหน้าจะมีประโยชน์อะไร? – ถ้าหาก รอดพ้นตรงนี้ แต่เมื่อพระเจ้าชันสูตรกลับไม่ผ่านจะทำอย่างไร? การเดินติดตามพระคริสต์…… Read More »

เก็บตัว

จะมีบางเวลาที่พระเจ้าต้องการเรียกเราให้ออกห่างจากทุกสิ่งเพื่ออยู่กับพระองค์มากเป็นพิเศษ จะมีบางเวลาที่ตัวเราเองไม่อยากพบปะหรือสุงสิงกับใคร เพราะอยากค้นหาตัวเองกับพระเจ้า จะมีบางเวลาที่การทรงเรียกพิเศษเข้ามาถึงเราให้อยกตัวเพื่อพระองค์ ….. ในเวลาเหล่านั้นสิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ละทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นงาน คน อะไรก็ตาม … และส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่เราติดพันอยู่และวางลงไม่ได้ง่ายนัก แต่ทั้งนี้จะมีบางอย่างที่พระเจ้าต้องการจากเราพระองค์จึงเรียกเราเป็นพิเศษ หากเราตอบสนองกล้าที่จะวางสิ่งเหล่านั้นลงและแยกตัวออกมา เราจะค้นพบบางสิ่งและเราจะก้าวลึกลงไปในรูปแบบความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วน เมื่อเรากล้าลงทุนกับพระเจ้าพระองค์ผู้เป็นหุ้นส่วนกับเรา จะไม่ทอดทิ้งเราแน่นอน ไม่มีครั้งไหนที่พระเจ้าเรียกเราให้เก็บตัวหรือแยกตัวออกมา แล้วไม่มีพระประสงค์เบื้องหลัง … แต่หากเราละเลยหรือผ่านมันไปด้วยเหตุผล งานยุ่ง ยังไม่เหมาะในเวลานี้… สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านเลยไปประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ในเวลาแบบนั้นแม้จะมีบางสิ่งเร่งเร้าให้เราก้าวออกมา เราก็ต้องข่มใจไว้ … รอจนกว่าจะถึงเวลาของพระเจ้า รอจนกว่าสิ่งที่พระเจ้าเรียกเราจะเสร็จสิ้น หรือสิ่งที่พระองค์กำลังทำในเราจะสำเร็จลุล่วง บางครั้งเราอาจต้องตัดใจปิดช่องทางแห่งตัวเร้านั้น เพื่อเราจะจดจ่ออยู่ที่พระเจ้าอย่างแท้จริง เช่น ปิดมือถือ ปิดคอมพิวเตอร์….   เก็บตัว 1. การเก็บตัวหรือแยกตัวออกมา จะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อยู่ที่การทรงเรียกของพระเจ้าสำหรับเราแต่ละคนว่า จะถี่แค่ไหน นานแค่ไหน ดังนั้นจะมีเวลาสิ้นสุดและเมื่อพระเจ้าเรียกให้เราออกมา จงก้าวออกมาอย่ายึดติดกับสภาพนั้นๆ เพราะแต่ละช่วงเวลามีบางสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำอยู่   2. การแยกตัวหรือการเก็บตัว เป็นการที่เราจดจ่ออยู่กับพระเจ้าเราจะมีโอกาสในการจดจ่อและแสวงหาพระเจ้าได้มากกว่าสภาวะปกติที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและวุ่นวาย     2/11/2011 23:51… Read More »