Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

คุณค่าที่คู่ควรแก่แผ่นดินสวรรค์

ดินแดนสวรรค์เป็นสถานที่ที่…. ใครก็ตามที่เชื่อก็ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างทุกข์นิรันดร์(นรก) กับสุขนิรันดร์(สวรรค์) เป็นที่เรียบร้อย แต่ใครหนอจะคู่ควรกับแผ่นดินนั้น?? ในแผ่นดินสวรรค์จะมีคน 2 ประเภทอยู่ที่นั่น เปรียบเหมือนเจ้าของบ้านร่วมกับพระองค์กับผู้อาศัย  เราต่างได้อยู่ในที่เดียวกันแต่เรากับมีฐานะและสิทธิ์ในการถือครองต่างกัน หรือ ที่หลายคนเรียกว่า  “สง่าราศีต่างกัน” ~ ที่เราแต่ละคนกำลังถูกสร้างกันอยู่บนโลกนี้ เพื่อเราจะสามารถเป็นคนที่มีคุณสมบัติพร้อมและเพียงพอสำหรับการเป็นเจ้าของ แผ่นดินสวรรค์ร่วมกับพระองค์ ที่นั่นจะมีการพิพากษาที่เราต้องร่วมเคียงข้างกับพระองค์ หากชีวิตของเราปวกเปียก เราจะไปกล้านั่งตรงนั้นเพื่อร่วมกับพระองค์ได้อย่าง ไรกัน ~ อย่าลืมว่า แต่แรกเดิมเราตกหล่นจากคุณสมบัติทั้งปวง แม้แต่ในเอเดนยังต้องปิดตายด้วยคุณสมบัติไม่ถึงของเรา ดังนั้นกว่าเราจะสามารถเป็นคนนั้นที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการจนกว่า จะถึงขีดที่ “ผ่านแล้ว” ย่อมต้องผ่านกระบวนการนานัปการอย่างรอบด้าน ตามแต่พระองค์จะสร้างเราแต่ละคน บนโลก ~ ความยากลำบากเป็นตัวขัดขวางการเป็นเจ้าของบ้านที่ดีของเรา เพราะมันมักทำให้เราลดระดับลงเพื่อแลกกับการผ่อนคลายความยากเย็นแสนเข็ญ ลงสักนิด ความยากลำบากไม่เคยทำให้เราระลึงถึงสวรรค์ได้เท่าวันแสนสุข ~ ความเข้าใจผิด (จากคนที่เราไว้วางใจ หรือจากคนที่เราไม่เคยรู้จักมักคุ้นเลยด้วยซ้ำ หรือจากการบิดเบือนไปจากสิ่งที่ควรเป็น สรุปมันคือ ความเข้าใจผิดทุกรูปแบบ)  มักสั่นคลอนความมั่นคงในสิทธิ์อันชอบธรรมของเราเสมอ …เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าเราได้รับสิทธิ์ในการอยู่ร่วมใน แผ่นดินสวรรค์กับพระองค์และผู้เชื่อทุกคน แต่การจะอยู่ร่วมกันในลักษณะใดนั้นเป็นอีกเรื่องนึง 1. บรรดาผู้ที่จ่ายราคาบนโลก ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งได้รับการตีตรา ว่า “ใช้การได้” มากเท่านั้น 2. โลกนี้ไม่เป็นเพียงสนามฝึก… Read More »

กลลวงแห่งการอยากมีอยากได้

พระเจ้ามักสำแดงหนทางข้างหน้าและบั้นปลายในชีวิตให้เราเห็นในส่วนตัวของเราเอง เพื่อจะก้าวไปกับพระองค์แบบก้าวต่อก้าวและก้าวไปจนถึงจุดหมายเส้นชัยของเราที่พระเจ้าเรียกเราอย่างเจาะจงได้เป็นอย่างดี แต่มารซาตานมักหยอดกลลวงในการล่อหลอกให้เราอยากมี อยากเป็น อยากได้อยู่ร่ำไป มันไม่เคยกล่าวถึงบั้นปลายชีวิตของเราได้เลยเพราะมันเองก็ยังเอาตัวไม่รอดในบั้นปลายของมัน แต่มันสร้างเหตุผลและข้ออ้างในปัจจุบันและอดีตทำให้มนุษย์และผู้เชื่อหลงคิดและเห็นพ้องไปกับมัน ผลของการหลงไปคือ การเปรียบเทียบและเบนทิศทางในการเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้องของเราออกนอกเส้นทาง  แต่นั่นแหละบางครั้งมารก็รู้ background ของเราไม่น้อยไปกว่าตัวเราเองแถมบางครั้งมันรู้ดีด้วยซ้ำ บางครามันไม่ได้ทำให้เราหลงเสียทีเดียวเพราะมันก็มีข้อเสนอในการดึงเวลาให้เชื่องช้าลงหรือชลอการตอบสนองพระเจ้าของเราก็เพียงพอ เพราะหากเราคลาดเคลื่อนจากเวลาของพระเจ้าแค่นี้เราก็คลาดจากเป้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แทนจะได้100 ก็รับได้แค่60 หรือ 30 ในทำนองนี้ เหตุใดที่มารหลอกล่อเราได้หรือ?? ตั้งแต่ในสวนเอเดน เอวาได้มอบสิทธิแห่งความพึงพอใจและภาคภูมิใจในสิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่เขากับมารซาตาน เขาสามารถครอบครองทุกสิ่งได้ยกเว้นเพียงต้นไม้ต้นเดียวเท่านั้นที่หมดสิทธิ นั่นคือ เขาไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิได้เลย ทั้งที่อาณาเขตการครอบครองของเขากว้างใหญ่ไพศาล แต่สิ่งเพียงเล็กน้อยนั้นได้เกิดขึ้นตำตาในบริเวณการครอบครองของเขา  เขาละเมิดสิทธินั้นด้วยการคิดและหลงลืมตัวไปว่าตัวเองเป็นเจ้าของและมีสิทธิทุกสิ่ง โดยละทิ้งพระองค์ผู้มอบสรรพสิ่งให้กับเขาโดยสิ้นเชิง ท้ายที่สุดเขาก็แสดงความอยากภายในของตัวเองด้วยการแย่งเอาต้นไม้นั้นเข้ามาไว้ในการครอบครองของตนเอง…. แต่ อะไรก็ตามที่พระเจ้าไม่ได้ให้กับเรา…. มันก็ยังคงไม่ใช่ของเราอยู่นั่นเอง แม้เขากินผลไม้นั้นได้ก็จริงแต่สุดท้ายเขากลับเสียสิทธิแห่งการครอบครองสรรพสิ่งในเอเดน มารซาตานมักทำให้เรารู้สึกอยากได้ อยากมี อยากเป็น ในสิ่งที่เราไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นเสมอ ท่ามกลางความจริงที่เราเองก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราได้นั้นไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร เป็นความภาคภูมิที่เราสามารถอวดได้ว่าเหมาะสมกับเราเป็นที่สุด…. แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการภายในได้ หากไม่เรียนรู้ที่จะควบคุม เพราะไม่ว่าอย่างไรมารก็ยังคงทำงานของมันอยู่ร่ำไปและไม่หยุดยั้งที่จะล่อหลอกมนุษย์อันเป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราต่างหากต้องควบคุมความคิดและจิตใจให้มั่นคงและแน่วแน่ว่าพระเจ้าไม่เคยผิดพลาด พระองค์ย่อมนำสิ่งที่เรียกว่า “ดีที่สุดสำหรับเรา เหมาะที่สุดเพื่อเรา”  ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับคนอื่นและมันจะเป็นของเราได้ด้วยเช่นกัน โลกปัจจุบันการขายของ  ขายบนความขาดในสิ่งที่คนไม่มี จึงขายได้ดี… Read More »

กระสุนของมารร้าย‏

แท้จริงนั้นมารซาตานไม่สามารถรู้จิตใจภายในของเราได้ ความสามารถของมันไม่สามารถหยั่งรู้ความคิดภายในใจของเราได้ มันอ่านที่เราเขียนและฟังที่เราพูดออกแต่ไม่สามารถอ่านสิ่งที่อยู่ภายใจของ เราได้ สิ่งที่มันทำคือเพียงแค่หว่านกระสุนออกมาสัก 10 หรือ 20 ลูกเผื่อว่าจะมีสักลูกที่โดนเราบ้าง ส่วนมันจะโดนเราได้มากน้อยเพียงใด…อยู่ที่เราจะเปิดช่องและฉวยเอากระสุนลูกไหนเข้ามาในชีวิตเราบ้าง บางครั้งก็โดนหลายลูกในคราวเดียวกัน ….ก็เจ็บหนักหน่อยลุกยากนิด  แต่บางเวลามันไม่สามารถทำอะไรเราได้เลย.. มันอยู่ที่เรานั่นแหละจะรับหรือไม่รับอะไร… เพราะความเป็นจริงในโลกฝ่ายวิญญาณนั้นแม้มารซาตานจะมีอำนาจอยู่ในมือของมัน แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งคือมันไม่สามารถแตะต้องเราได้เลยถ้าพระเจ้าไม่อนุญาต … จะมีสักกี่คน?? จะมีสักกี่เวลา?? กันเชียวที่พระเจ้าใช้เหมือนดังโยบ ที่พระองค์ยอมให้มารร้ายที่ไปๆมาๆ มาแตะต้องชีวิตของเขา (ซึ่งน้อยมากที่พระเจ้าจะใช้แบบโยบ) แสดงว่าในสภาวะปกติพระองค์ไม่อนุญาตให้ซาตานแตะต้องเราแม้แต่น้อย ….. มารไม่สามารถอ่านความคิดในใจของเราได้ (เว้นเสียแต่เรายอมให้มันครอบครองในส่วนใดๆ) แต่สำหรับผู้ที่เดินในพระวิญญาณบริสุทธิ์และให้พระองค์ครอบครอง…. ผู้ที่อยู่ภายในเราจึงเป็นพระองค์… ผู้ที่ฟังเสียงภายในเราได้จึงเป็นพระองค์…. สังเกตได้จากแม้เรา อธิษฐานภายในใจ พระเจ้าก็ตอบเราได้ และทำสิ่งต่างๆได้เช่นเดียวกันกับการ อธิษฐานออกเสียงดังๆ  ที่ใดก็ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ครอบครอง มารจะไม่สามารถมีส่วนได้เลย มันลุกล้ำเข้าไปยังพื้นที่ของพระองค์ไม่ได้ ที่ใดที่มีความสว่าง ความมืดก็อยู่ไม่ได้และความมืดจะไม่เป็นความมืดอีกต่อไป ตราบที่แสงสว่างยังคงอยู่ สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าความสามารถของมารร้ายทำได้เพียงวนเวียน อยู่รอบกายเรา มันรู้ทุกสิ่งที่รายล้อมเรา มันเฝ้าดูและมองเห็นทุกความเป็นไปของเรา (ดุจสิงห์คำราม) และมันจะไม่ปล่อยกระสุนพร่ำเพรื่อ เพราะมันรู้ว่าเวลาไหน? ตอนไหน? ที่โอกาสจะเป็นของมัน…*** ใช่แล้ว!!!!..มันมักเป็น เวลาที่เราเผลอ!!!! เวลานั้น..อาจเป็น >> Ω   … Read More »

วิถีแห่งการเรียนรู้‏

กว่าที่เราจะเข้าใจเรื่องแต่ละเรื่อง กว่าที่เราจะได้บทเรียนมาแต่ละบท … บ้างก็ง่ายดาย… แต่ก็มีหลายเรื่องที่ไม่ง่าย และใช้เวลาเนิ่นนานกว่าเราจะเข้าใจ ใน 1 เรื่องก็มีหลายมุมที่เราต้องมอง ต้องคำนึงถึง และเรียนรู้จากมัน พระเจ้ามักจะสอนเรา บางครั้งก็เรื่องเดิมๆแต่ลึกขึ้น กว้างขึ้น มุมมองใหม่มากขึ้น เพราะการที่เรามองอะไรเห็นเพียงด้านเดียว อาจทำให้เราพลาดในอีกด้านหนึ่ง และมันสะท้อนออกมาว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่ มีคุณสมบัติมากน้อยเพียงใด และมันเป็นตัวชี้วัดความเติบโตกับพระเจ้าด้วย ดังนั้นการเรียนรู้จึงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เราทุกคน แม้แต่เด็กทารกที่เพิ่งเกิดไปจนถึงวัยชรา หรือวันสุดท้ายของชีวิต แม้แต่คนรวยไปถึงคนที่จนที่สุด…ไม่เว้นแม้แต่คริสเตียนอย่างเรา ใครก็ตามที่เรียนรู้มากเขาจะมีโอกาสที่จะพัฒนาชีวิตของเขามาก ในเวลาเดียวกันเขาจะเป็นคนที่มีโอกาสผิดพลาดได้มากด้วยเช่นกัน เพราะบทเรียนที่ดีหลายๆบทมักมาจากความผิดพลาดเหล่านั้น คนที่พร้อมจะลุกขึ้นเมื่อความผิดพลาดเข้ามาถึงก็มีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ มากกว่า 1. บทเรียนแห่งชีวิตมักจะไม่อยู่ในหนังสือที่เราอ่านหรือสิ่งที่เราเรียน แต่บทเรียนที่ดีมักมาจากประสบการณ์ตรงของเรา และหากเราเรียนรู้สิ่งนั้นจากพระเจ้าเราจะเป็นคนที่มีเกราะป้องกันฝ่ายวิญญาณด้วย 2. บทเรียนบางบทใช้เวลายาวนานกว่าเราจะเข้าใจมัน บางบทใช้เวลาทั้งชีวิตกันเลย แต่บทเรียนทุกบทต้องเทียบโดยพระคำของพระองค์  เพราะอย่างน้อยเราจะได้รู้กรอบและแนวในการเดิน และไม่เตลิดไปไกลจนไม่รู้ตัว 3. บางครั้งเราต้องอาศัยความอดทนอย่างมากที่จะเรียนรู้ในทางที่ถูกต้องจากพระเจ้า เพราะมนุษย์มักวิ่งแซงพระองค์เสมอและนั่นคือปัญหาใหญ่ของการเรียนรู้ หรือเรียกว่าอุปสรรคขัดขวางการเรียนรู้ 4. มีท่าทีและอุปนิสัยหลายอย่างที่ไม่สามารถทำให้เราเรียนรู้ได้ หรือมักทำให้เราก้าวไม่พ้นจุดเดิม เราจึงเรียนรู้บทต่อไปไม่ได้ เช่น ความหยิ่ง ความอิ่มตัว ความกลัว(ที่จะก้าวไปข้างหน้า)…. 5. อย่าหยุดที่จะเรียนรู้เพราะมันเท่ากับเราสต๊าฟชีวิตหรือแช่งแข็งตัวของเราไว้แค่จุดนั้น 6. สิ่งที่ดีที่สุดและไวที่สุดสำหรับการเรียนรู้คือ… Read More »

เป็นอย่างที่ต้องเป็น

ถ้าฉันมีปีก ฉันจะบินบนฟ้าสูง… ถ้าฉันมีครีบ ฉันจะว่ายในทะเลลึก… มันขึ้นอยู่กับความเป็นจริงฉันมีและเป็นสิ่งใด… ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันควรจะเป็นสิ่งใดในสายตาใคร… ฉันใดก็ฉันนั้น… ♥ มันอยู่ที่ว่าเราถูกเรียกเช่นใด ไม่ใช่เราควรหรืออยากจะให้มันเป็นอย่างไร ♥  

อย่ากลัวที่จะต้องนับ 1 ใหม่อีกครั้ง‏

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น เข้าใจในหลายด้านหลายมุมหลายเวลากับพระองค์มากขึ้น การก้าวไปเรื่อยๆบางครั้งดูเหมือนเป็นความมั่นคงในสิ่งที่พระเจ้าให้เรา แต่บางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าในเสรีภาพที่พระเจ้ามอบให้กับเรานั้นอาจ มีบางอย่างเป็นช่องโหว่ และด้วยช่องโหว่นั้นเองเราแทบไม่รู้ตัวหรืออาจรู้ตัวแต่ยังไม่ทันได้จัดการ กับสิ่งเหล่านั้นให้อยู่หมัด และเมื่อใดก็ตามที่เราเผลอหรือละเลยสิ่งเหล่านั้น ความระมัดระวัง ก็ห่างไกลไปจากเราพอจะเหลือที่ว่างให้กับศัตรูหรือจุดอ่อนที่พร้อมจะโผล่ ขึ้นมา แต่เมื่อเสียงของพระเจ้ามาถึงเรา ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด วิธีการใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเตือนจากใครสักคน สถานการณ์บางอย่างที่บางชี้มาที่เราอย่างเด่นชัด หรือสิ่งใดที่สะกิดสิ่งเหล่านั้นให้โผล่ขึ้นมา … ดูเหมือนมันช่างขัดแย้งกับสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เราเวลานั้น หรือขัดแย้งกับสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยกับเรา ความขัดแย้งในตัวเองจะโผล่ขึ้นมามีผลกระทบต่อความมั่นคงในพระเจ้าของเราได้ ทันที ความสับสนเข้ามาปนเปกับความจริงของพระเจ้า … ในเวลาเหล่านั้นดูเหมือนเราล้มลง เราอาจล้มลงจริงๆก็ได้ การเสียศูนย์และการสูญเสียบางสิ่งก็เข้ามาในเรา … มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิดในสายพระเนตรพระเจ้าเพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ตั้งใจทำ ตั้งใจเปิดเผยให้เราได้รับรู้เพื่อเราจะหันหัวเรือของเราเสีย พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราไปถึงเส้นชัยโดยที่มีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง จะมีประโยชน์อะไรหากเราไปถึงเส้นชัยนั้นโดยมีตำหนิ??  พระเจ้าของเราผู้บริสุทธิ์จะรับสิ่งที่มีตำหนิบางด้านได้อย่างไร?? อย่างเช่น ที่พระองค์ไม่สามารถจะรับของถวายจากคาอินได้ฉันใดก็ฉันนั้น …. แล้วเราจะแคร์อะไรกับการเริ่มต้นใหม่??? หากเราเริ่มต้นใหม่ไม่ได้…เป็นไปได้หรือไม่ที่ – เราหยิ่งเกินกว่าจะถ่อมลง?? – เรายึดพระพรมากกว่าผู้ให้พระพรหรือไม่?? – เกียรตินั้นเรายึดไว้สำหรับเราหรือพระองค์กันแน่?? – เรารู้อยู่แล้วว่าอะไรคือตำหนิ แต่กลับยอมรับมันไม่ได้?? – เราไม่มั่นใจในพระเจ้า (อาจไปไกลถึงการไม่เชื่อว่าพระเจ้าถูกต้อง 100%) – … แต่ไม่ว่าเหตุผลของเราคืออะไรก็ตามมันไม่สำคัญ… Read More »

ยิ่งสูงยิ่งหนาว‏

บาง เวลาเราอาจค้นพบว่า..เส้นทางที่เรากำลังก้าวเดินเมื่อเริ่มต้น….มีคนมากมายที่เริ่มด้วยพร้อมๆ กับเรา แต่เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ คนเหล่านั้นเริ่มลดน้อยลง อาจด้วย … – การเร่งฝีเท้าที่ไม่เท่ากัน – หรืออาจมาจากใครบางคนที่เลิกเดินเส้นทางนี้ไปแล้ว – หรือหนทางที่เราเดินอาจผิดเส้น – หรือเป็นไปได้ที่เราเดินมาถูกทางแล้วแต่เนื่องจากระยะทางที่แสนยาวไกล และทางก็แคบความสะดวกสบายค่อยๆลดน้อยลง การที่คนจะเดินไปจนถึงปลายทางย่อมลดลง – หรืออาจเป็นไปได้ที่แต่ละคนค้นพบเส้นทางเดินของตนเอง ตามของประทาน การทรงเรียก เราจำต้องเดินไปยังเส้นทางย่อยของแต่ละคน แต่เส้นทางหลักยังคงเป็นเส้นเดียวกัน คือ เส้นที่มุ่งสู่ความไพบูลย์ ลักษณะทาง 1. เริ่มต้นด้วยทางกว้าง แต่เมื่อเดินไปอาจจะค่อยๆ แคบลง 2. ตลอดทั้งเส้นทางแคบ 3. ตลอดทั้งเส้นกว้าง 4. เริ่มต้นด้วยทางแคบ แต่เมื่อเดินไปอาจค่อยๆ กว้างขึ้นก็ได้ ไม่ว่าลักษณะเส้นทางจะเป็นแบบใดก็ตาม เป็นที่รู้กันอย่างแน่นอนแล้วว่า ทางของพระองค์นั้นก็แคบคนจะเดินก็น้อย ถ้าเราเลือกที่จะเดินกับพระเจ้าเราควรรับรู้และเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แต่เนิ่นๆ เพื่อเราจะไม่ล้มเลิกในกลางคัน ในระหว่างทางเดินนั้น..แม้จะแคบและเดินลำบากเราก็ไม่ได้เดินแต่ลำพัง บางเวลาอาจมีบ้างที่เรารู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เพราะบางช่วงของทางนั้นมันแคบเสียจนเดินไปได้เพียงแค่ทีละคน หรือบางช่วงอาจต้องบีบตัวของเราเพราะมันแคบกว่าลำตัวของเราเสียอีก …. ยิ่งสูง ยิ่งทางไกลออกไป ยิ่งลึกกับพระเจ้า บางครั้งดูเหมือนหาใครสักคนที่จะเข้าใจเราช่างยากเย็นเหลือเกิน บางครั้งอาจไม่ใช่เพราะคนไม่เข้าใจเรา แต่เพราะเราเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี… Read More »

หมากของยูดาส

แท้จริงพระเจ้ามีแผนการในเราแต่ละคน อันที่จริงไม่ว่าจะดีหรือร้าย เรื่องดีหรือแย่ ล้วนเป็นหมากอันหนึ่งที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของเราทั้งสิ้น เฉกเช่นเดียวกับยูดาส หากปราศจากชายผู้คิดทรยศในวันนั้น หากปราศจากเหตุการณ์ในวันปัสกา การไถ่นั้นจะออกมาในรูปแบบใด?  เพราะพระเจ้าทรงรู้ทุกมิติ แม้ในความคิดที่ซ่อนอยู่เบื้องลึก หรือแม้แต่สิ่งที่จะทำให้เราล้มลง ทรงให้โอกาสแก่เราเสมอ แต่สิ่งที่ต้องเป็นไปก็ยังคงเป็นไปเสมอ พระองค์สำแดงพระกรุณาคุณกับเราแต่ละคนอย่างยุติธรรม แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนหรือทุกครั้งที่จะตระหนักและรับพระคุณนั้นไว้เสมอไป การดำเนินชีวิตของเราแต่ละวัน แต่ละห้วงเวลาก็เช่นกัน มีบ้างที่มีสิ่งดีๆ เข้ามา แต่บางเวลาก็มีเรื่องร้ายๆ เข้าปะทะ มีบางโอกาสสิ่งที่ดี คนที่เคยดีก็แปรเปลี่ยน มันไม่สำคัญว่าเขาคนนั้นจะดีหรือแย่กับเรา เพราะเขายังคงเป็นเขา และเราก็ยังคงเป็นเรา แต่สิ่งที่สำคัญคือ… อะไรที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น? เบื้องหลังคืออะไร? … และท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ทรงควบคุมเราอยู่คือ พระเจ้า บางทีเมื่อเวลาผ่านไป เราโตมากขึ้น มุมมองทัศนคติของเราเปลี่ยนไป เราก็จะเกิดการเข้าใจและนึกย้อนขอบคุณทั้งบุคคลและสถานการณ์เหล่านั้น แต่อาจมีที่เรายากจะเอ่ยเนื่องจากครั้งที่เราเผชิญกับปัญหาแรงกดดัน ด้วยความไม่เข้าใจ เราได้ตะบี้ตะบันมันซะเละ ไม่เหลือซาก หรือวี่แววแห่งการคืนดีเอาเสียเลย … ทำได้แค่เพียงนั่งรอรับผลแห่งการสูญเสียเพื่อแลกมาซึ่งการเติบโตมากขึ้น มุมมองที่กว้างขึ้น ประสบการณ์ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น เราจึงสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้จากบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่าแล้วก็มองว่า … “เขาทำกันได้อย่างไร เขาคิดแบบปลงชีวิตซะได้อย่างไร” แต่แท้จริงพวกเขาไม่ได้ปลงชีวิต แต่ล้วนมาจากประสบการณ์ที่เขาได้เคยเรียนรู้และสูญเสียมาแล้วทั้งสิ้น แต่กว่าเราจะเข้าใจอาจจะกินเวลาชีวิตไปยาวนานไม่ต่างจากท่านอาวุโสเหล่านั้น นับเป็นเรื่องที่พระเจ้ากำลังสร้างเราแต่ละคนอย่างคลาสสิคและบรรจง ไม่ทรงปล่อยผ่านให้สักเรื่องในเรามีตำหนิและริ้วรอย… Read More »

พระเจ้าทรงปล่อยให้เราล้มเหลวได้อย่างไรกัน??

นี่อาจเป็นคำถามที่คนหลายคนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงกับเรา เราต่างเคยมีประสบการณ์เคยล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่พระคัมภีร์สัญญากับเราแล้วว่าแผนการณ์ของพระองค์เพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ แต่เหตุที่พระองค์ทรงยอมปล่อยให้เราได้ล้มลงบ้าง เพื่อจะได้มีช่วงเวลาที่เราได้คิดใคร่ครวญและตระหนักถึงจุดอ่อนของตัวเอง และกลับมาพึ่งพระคุณพระเจ้า..บางครั้งการได้ค้นพบจุดอ่อนหรือบางอย่างที่เป็นเส้นบางๆที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา แม้ดูเหมือนไม่ได้มีผลอะไรมากกับการดำเนินชีวิตเลย  แต่เมื่อเราได้ค้นพบและมองเห็นมันด้วยตัวเราเองโดยพระเจ้าเปิดเผยไม่ว่าจะทางใดก็ตาม มันก็ทำให้เราได้หยุดนิ่งและคิดสักนิดว่าเหตุใด? เราจึงเป็นเช่นนั้น … แน่นอนไม่มีใครอยากมีจุดบกพร่อง แต่การยอมรับว่าเรามีจุดบกพร่องนั้นๆ อยู่จริง ทำให้เรามองเห็นพระคุณของพระเจ้าอย่างมากที่ทรงรักและยอมรับเรา แม้เรามีจุดด่างพร้อยเหล่านั้น ในขณะที่เรามองไม่เห็นแต่พระเจ้าทรงเห็น ในขณะที่เรามีและใช้อิสรภาพของเราอย่างถูกบ้างผิดบ้าง แต่พระองค์ทรงมองหาโอกาสเหมาะๆ ที่เราจะรับรู้และเข้าใจมัน อาจใช้ระยะเวลาช้านาน หรือเพียงเสี้ยวนาที อยู่ที่เราเองที่ยอมเปิดใจให้พระองค์ทำเพียงใด และยังเห็นถึงความรักที่ไม่ทรงปล่อยเลยแม้สิ่งเล็กน้อยให้ผ่านเลยไป เพราะทรงสนใจทุกรายละเอียดในการสร้างเราแต่ละวัน แต่ละเรื่อง แต่ละย่างก้าว เป็นความรักที่อดทนนาน… ♥ ♥ ในขณะที่เราไม่รู้ตัวในจุดบกพร่องนั้นของเรามาก่อนเลยหรือในขณะที่เราเองก็ไม่แคร์ในจุดนั้นด้วยซ้ำ.. การได้มองเห็นสิ่งบางๆ ที่ดูเหมือนไม่ได้มีผลอะไรมากมายในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า และในการดำเนินชีวิตปกติของเรา แต่มันเป็นสิ่งที่สะท้อนความรักของพระเจ้าในมุมของการให้เกียรติเรา ☺    พระเจ้าไม่ได้เร่งเร้าที่จะเอาเสี้ยนหนามทุกอันออกจากเราในคราวเดียวกัน ☺    พระองค์ไม่ได้ตอกย้ำให้เรารู้สึกถึงความย่ำแย่แห่งความไม่สมบูรณ์ในตัวตนของเรา ☺    พระองค์ไม่ได้พร่ำบ่นให้เราเบื่อหน่ายและโดนกดดัน ☺    แต่ทรงให้อิสระและเสรีภาพในการใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับเส้นบางๆนั้น แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่เราเองก็ตระหนักได้ว่า มันเป็นความผิดปกติ  ที่ความคลุมเครือเกิดขึ้นในสิ่งที่เรียกว่าเส้นบางๆนั้น อะไรคือ เส้นบางๆนั้น? เส้นบางๆที่ว่านั้นอาจดูไม่ใช่ความบาปหนักหนาอะไรที่เห็นได้ชัด วัดได้จริง แต่มันจะสัมผัสได้แบบรู้อยู่แก่ใจว่าไม่เคียร์ 100% การที่สามารถตรวจสอบและหยั่งรู้ถึงความคิดภายในจิตใจของตนเองได้นั้น  แสดงว่าเรามาถึงจุดที่วางความอับอายของตัวเองลง แต่เลือกและพร้อมจะเข้าสู่การกลับใจใหม่มากกว่า…ในเมื่อมันไม่ใช่อะไรที่บาปหนักหนา… Read More »

พาหนะสำหรับแต่ละที่‏

ในการเดินทางไปในที่ต่างๆ พาหนะที่นำเราไปก็แตกต่างกันออกไป   ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยเดินทางไปกระบี่ด้วยรถยนต์ส่วนตัว มันสามารถพาเราไปในทุกที่ๆ เราต้องการ แม้ระยะทางจะไกลแค่ไหนมันก็พาเราไปได้อย่างสะดวกสบาย และสถานที่หนึ่งเป็นที่ๆ สวยงามมากสำหรับจังหวัดกระบี่ ใครๆก็อยากไปที่นี่สักครั้งถ้าได้ไปถึงกระบี่แล้ว มันคือสระมรกต…ขึ้นชื่อในเรื่องของความใสสะอาดและน้ำสีเขียวมรกตอย่างเป็น ธรรมชาติ แต่เมื่อไปถึงทางเข้ากลับมีป้ายบอกด้านหน้าว่า “เดินเท้า 800 เมตรถึงสระมรกต” ทันใดนั้นพนักงานโบกรถได้โบกให้เราเข้าที่จอดทันที แล้วเดินเท้าเข้าไป เราจำต้องสละรถที่พาเราไปได้ทุกทีและลงจากรถเพื่อเดินเท้าต่อไปยังจุดหมาย   เส้นทางเล็กๆเพียงพอสำหรับคนเดินสวนทางกัน แต่ไม่พอสำหรับรถเข้าและไม่เหมาะที่รถจะเข้าถึงได้เพราะเป็นทางที่ขนาบด้วย ป่าที่ถูกถางเพื่อให้คนเดินเข้าไปได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติทั้ง 2 ข้างทาง ผ่านไประยะเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงเสียที… สระมรกต …มันช่างเขียวสดอะไร เช่นนี้ น้ำเป็นสีเขียวมรกตจริงๆ อย่างกับใครมาสร้างสระว่ายน้ำที่ปูกระเบื้องด้านล่างสีเขียวสด อย่างไงอย่างนั้น ความใสของน้ำที่รวมตัวกันในสระกลายเป็นสีเขียวได้อย่างไรไม่รู้ แต่ผู้คนที่มาถึงต่างพากันกระโดดลงไปเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน บางคนก็นั่งพักผ่อน บางคนนั่งชมวิว…เออ!! มันคุ้มกับที่เดินเข้ามาจริงๆ ถ้าเดินเข้าและออกก็เป็นระยะทาง 1,600 ม.ก็เมื่อยเอาการ แต่เนื่องจากคน เยอะเพราะทุกคนต่างเล่นน้ำกันให้คุ้มกับที่อุตส่าห์เดินมา แต่มีคนกลุ่มนึงหลีกเลี่ยงคนจำนวนมากเดินต่อไปอีก 800 เมตร เพื่อพบกับบ่อน้ำผุด   คราวนี้เส้นทางเดินแคบกว่าเดิมประมาณ 4 เท่า (ทางเดินมายังสระมรกตจะกว้างประมาณเดินเรียงหน้ากระดานแบบสบายๆ ได้ 4-5 คน)… Read More »