Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

เชื่อใจ

ในวันเวลาแห่งความยากลำบาก บางครั้งคนที่เราเลือกจะระบายให้เขาฟังอาจไม่ใช่คนที่เรามักนึกถึงในยามปกติ แต่กลับเป็นคนที่เรามั่นใจว่าเขาจะเชื่อใจเรา เพราะในวันเวลาเหล่านั้นดูเหมือน…. ♥    ความมั่นคงในชีวิตก็แสนจะเบาบาง ♥    คำตอบที่ชัดเจนก็แสนจะเลือนลาง ดังนั้นคนที่พร้อมจะให้โอกาสและไม่กดดันเราในสภาพที่เราเองก็ประคองตัวให้ยืนได้ลำบาก คนๆนั้นคือ “คนที่พร้อมจะเชื่อใจเรา”   เชื่อใจ ความเชื่อใจเป็นอีกความสัมพันธ์หนึ่งที่บ่งบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าใครจะพูดถึงอย่างไร เห็นอย่างไรก็ยังคงเชื่อมั่นในบุคคลที่เราเชื่อใจ เป็นความมั่นใจลึกๆ และไม่สั่นไหวไปตามสถานการณ์ หรือลมปากของใคร แต่มั่นใจและพร้อมจะอยู่เคียงข้างคนๆนั้น แม้จะช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม ☺    ไม่ว่าใครก็ตามย่อมปรารถนาจะมีคนที่เชื่อใจในตัวเราแบบนี้ ในขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปรารถนาจะให้เราเป็นคนๆ นั้นที่เชื่อใจพระองค์ และพระองค์เป็นคนๆ นั้นที่เชื่อใจเรา   เชื่อใจ ความเชื่อใจเป็นส่วนที่ลึกกว่าความวางใจ เราวางใจพระเจ้าเมื่อเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า ยิ่งใกล้ชิดมาก ยิ่งนิ่งสงบมาก และวางใจเพราะคาดหวังการช่วยกู้ของพระเจ้ามาถึงเรา (ส่วนใหญ่เป็นการเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าจะทำเพื่อเรา) แต่ความเชื่อใจเป็นความมั่นใจในพระลักษณะของพระเจ้า เป็นความมั่นใจในตัวพระองค์เอง ไม่ใช่เพียงสิ่งที่ทรงทำ *** ดังนั้นไม่ว่าจะทรงทำสิ่งใดเราก็ยังคงมั่นใจว่าสิ่งนั้นย่อมดีเป็นแน่!!! แม้บางทีมองด้วยสายตาแล้ว อาจไม่ดี ไม่สะดวกสบาย หรือคนอื่นอาจมองว่าไม่ดี แต่เพราะความเชื่อใจ จึงมั่นใจว่ามันจะดี ที่มั่นใจเช่นนั้น… ไม่ใช่ เพราะสิ่งที่ตาเห็น แต่เพราะเรารู้และมั่นใจว่าพระองค์ทรงดีต่างหาก… 29/10/2013 12:43

อย่าให้สิ่งใดหยุดเราไว้

ตัวอย่างของคนในพระคัมภีร์ ที่รับใช้พระเจ้าอย่างมาก ต่างก็มีจุดด่างพร้อย แต่เขาก็ไม่อาจให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุ ทำให้ไม่ก้าวไปกับพระเจ้า โมเสส >> มีหญิงต่างชาติเป็นภรรยา , เคยฆ่าคน ดาวิด >> ล่วงประเวณี , ไม่ลงโทษลูกที่ทำผิดในการข่มขืนคนอื่น อับราฮัม >> มีเมียน้อย , โกหก ยาโคบ >> ขี้โกง เซาโล >> ข่มเหงคริสเตียน  อย่าให้สิ่งใดหยุดเราไว้ ♥ ทุกคนล้วนแต่มีสิ่งที่ต้องก้าวข้ามทั้งสิ้น แม้เรากลับใจใหม่แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่ หลายครั้งมารก็ไม่ปล่อยเรา … ด้วยการหยิบอดีตที่ผิดพลาดมาคอยฟ้อง เพื่อขัดขวาง บั่นทอนการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของเรา … แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ยากเท่ากับการที่มนุษย์ คนที่รู้จักและคุ้นเคยคอยยกสิ่งเหล่านี้มาบั่นทอน *** เพราะในความเป็นจริง … ก็คือ… เราเคยผิดพลาดจริงๆ แต่ความจริงอีกอย่างที่ทำให้เรามีชัยเหนือความจริงที่ผิดพลาดของเราคือ… *** เรากลับใจใหม่แล้ว โลหิตพระคริสต์ชำระเราแล้ว ใครหรือ? จะปรับโทษเราได้ ♥♥♥ เหตุนี้เองบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าในพระคัมภีร์ จึงสามารถก้าวต่อไปได้ แม้คำครหายังไม่หมดสิ้นไป ***… Read More »

แผ่นดินสวรรค์เป็นของคนแบบไหนกันแน่

? 10 คนที่ได้รับการรักษาโรค มีเพียง 1 คนกลับมา พระเยซูมีนัยยะอะไร? ในการถามนั้น ลก.17:11-19 17:11 ต่อมาเมื่อพระองค์กำลังเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จึงเสด็จเลียบระหว่างแคว้นสะมาเรียและกาลิลี 17:12 เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีคนเป็นโรคเรื้อนสิบคนมาพบพระองค์ยืนอยู่แต่ไกล 17:13 และส่งเสียงร้องว่า “เยซูนายเจ้าข้า โปรดได้เมตตาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด” 17:14 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสแก่เขาว่า “จงไปแสดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” ต่อมาเมื่อกำลังเดินไป เขาทั้งหลายก็หายสะอาด 17:15 ฝ่ายคนหนึ่งในพวกนั้น เมื่อเห็นว่าตัวหายโรคแล้ว จึงกลับมาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง 17:16 และกราบลงที่พระบาทของพระองค์ ขอบพระคุณพระองค์ คนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย 17:17 ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดมิใช่หรือ แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน 17:18 ไม่เห็นผู้ใดกลับมาสรรเสริญพระเจ้า เว้นไว้แต่คนต่างชาติคนนี้” 17:19 แล้วพระองค์ตรัสกับคนนั้นว่า “จงลุกขึ้นไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติ” หากคนที่รับเชื่อแล้วยังคงมีชีวิตต่อไปโดยปราศจากพระเยซู โดยปราศจากการติดตามพระเยซูอย่างตามติดแล้ว เขาจะคู่ควรต่อแผ่นดินพระเจ้าได้อย่างไร? เมื่อเกิดสิ่งใดๆ ขึ้น อะไรหรือ? ที่จะช่วยเขา ในเมื่อพระเยซูไม่ได้อยู่ตรงนั้น…  เขาต้องวิ่งย้อนกลับมา ไกลเพียงใด? = เท่าที่เขาเดินไกลออกไป… Read More »

ทหารหาญของพระเจ้า

??? ภาระกิจเดียวกัน แต่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ได้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เพราะเหตุใด?   ทหารหาญของพระเจ้า ทหารทั้ง 3 ประเภทในสนามรบ 1. ทหารอาสา =  คนที่มีใจอาสา อยากทำ อยากออกรบ พวกเขาขับเคลื่อนด้วยใจ อาจขาดซึ่งประสิทธิภาพและความชำนาญ แต่สามารถฝึกฝนได้ เพราะมีพื้นฐานที่ใจ คนกลุ่มนี้ใจสู้มากกว่าพวกทหารเกณฑ์แน่นอน 2. ทหารเกณฑ์ =  คนที่ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วม อาจด้วยกระแส ความจำเป็น  หรือเหตุผลบางประการ  แต่ไม่ได้มีใจอยากร่วม หรือยื่นออกก่อนแต่แรก  อาจขาดความชำนาญ ความเข้าใจ และอาจขาดใจในการร่วมด้วย  สำหรับบางกรณี  ใจฝ่อง่าย ล้มเลิกง่าย ฝึกฝนได้ทางด้านทักษะเท่านั้น  แต่หากใจไม่ไป  ก็จะหยุดการพัฒนาไว้เท่าที่ถูกผลักดัน ไม่มีส่วนของการแสวงหาเองเพิ่มเติม เนื่องจากเริ่มต้นด้วยการไม่มีใจ 3. ทหารประจำการ =  ไม่ว่าเขาจะเริ่มต้นด้วยเหตุประการใดก็ตาม คนกลุ่มนี้ถูกฝึกฝนจนชำนาญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งถูกสร้างใจให้ร่วมไปพร้อมๆ กับแม่ทัพและเพื่อนร่วมทัพ  จะมีความชำนาญอย่างมากในการใช้อาวุธ ทักษะต่างๆ เข้าใจภาษาเดียวกับ แม่ทัพและเพื่อนร่วมทัพ  มองภาพเดียวกันออก และอยู่ในทีมเดียวกัน  สามารถใช้อาวุธของตนเองได้อย่างคล่องแคล่วในสนามรบ  ไม่ว่าจะเพื่อฟาดฟันศัตรู … Read More »

ขอบพระคุณทุกกรณี

ขอบพระคุณทุกกรณี การขอบพระคุณพระเจ้าทุกกรณี เป็นการหวังใจ ว่าจะไม่ทรงทอดทิ้ง และเป็นการประกาศว่า >> “ข้าพเจ้ายังรอคอยการช่วยกู้ คำตอบ และการอวยพระพรจากพระเจ้าอยู่ตรงนี้” วางใจ แทนการบ่นต่อว่า ตัดพ้อ แม้จะถูกบั่นทอนด้วยรอบด้าน ทั้งเหตุการณ์ สถานการณ์ ผู้คน เหตุผล แม้แต่ความคิดของตัวเอง อันเนื่องจากประสบการณ์ในอดีต  หรือ อนาคตที่รำไรมองไม่เห็นทางออกก็ตาม แต่ ความวางใจนี้เป็นการประกาศว่า >> “ไม่ว่าอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะพึ่งพาเพียงพระองค์เท่านั้น” ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี  จึงมีชัยชนะด้านจิตใจไปกว่าครึ่ง  เพราะจุดยืนที่ยึดไว้  และเขาจะไม่พลาดการช่วยกู้และพระพรจากพระเจ้าเป็นแน่   ขอบพระคุณพระเจ้าทุกกรณี ฉธบ.4:29-39 4:29 แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ พวกท่านจะพบพระองค์ 4:30 เมื่อพวกท่านมีความทุกข์ลำบาก ซึ่งสิ่งสารพัดเหล่านี้มาถึงท่าน ในกาลภายหลัง ถ้าพวกท่านจะกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 4:31 (เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้าผู้ทรงเต็มด้วยพระ กรุณา) พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งหรือทำลายท่านทั้งหลาย หรือลืมพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ 4:32 เพราะบัดนี้จงถามดูเถอะว่า ในกาลวันที่ล่วงมาแล้วนั้น คือวันที่อยู่ก่อนท่านทั้งหลาย ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนโลก… Read More »

BOWL การเทและมอบให้พระเจ้า

ในแต่ละครั้งที่เราก้าวเข้ามาหาพระเจ้าต้องเป็นเหมือนภาชนะเปล่าที่พร้อมจะให้พระเจ้าเทสิ่งใด แบบไหนก็ได้ให้กับเรา หากเราเข้ามาแบบภาชนะที่มีน้ำอยู่แล้ว มีอะไรอยู่ในภาชนะอยู่แล้ว ปริมาณที่เราจะได้รับ คือ … ปริมาณเท่ากับช่องว่างที่เหลือเท่านั้น  เหลือช่องว่างมากเพียงใดพระเยซูก็จะทรงเติมให้เต็มได้เพียงนั้น ภาพ : อ่างที่มีน้ำอยู่แล้วบางส่วน / อ่างที่มีน้ำเต็มแล้ว / อ่างที่ว่างเปล่า ขนาดของการรับน้ำทั้ง 3 อ่าง ย่อมได้ขนาดต่างกัน >> การรับจากพระเจ้า คือ ขนาดช่องว่างที่ระดับน้ำถึงปากอ่างนั้นเอง   BowL : การรับจากพระเจ้า ดังนั้นทุกครั้งที่เราเข้ามาหาพระเจ้า เราควรเคียร์อ่างของเราให้ว่างเปล่า เพื่อจะสามารถรับน้ำใหม่อย่างเต็มขนาดจากพระเจ้าในทุกครั้ง *** เหตุนี้เองแม้หลายคน แสวงหาพระเจ้าเหมือนกัน  มีความต้องการอย่างแรงกล้าเช่นเดียวกัน … แต่กลับได้รับต่างกัน อันเนื่องจากช่องว่างนี้นั่นเอง แน่นอนว่าขนาดอ่างที่ใหญ่ย่อมมีช่องว่างมากกว่าเมื่อเทียบพื้นที่สมมาตร  ชีวิตที่ได้รับการขยายให้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ย่อมมีพื้นที่ที่พระเจ้าใส่ให้ได้มากกว่าเดิม แต่ในขณะที่บางคนขนาดใหญ่กลับเข้ามาด้วยน้ำที่มีอยู่เดิม ย่อมเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด แทนที่การถูกเติม … ดังนั้นการเข้าหาพระเจ้าขนาดเล็กใหญ่หาใช่ตัวกำหนดทั้งหมด  หากไม่เคียร์ให้พื้นที่ว่างมากเท่าไร ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ขนาดใหญ่เสียเปล่ากลับรับได้เพียงน้อยนิด อาจน้อยเสียกว่าคนที่ขนาดเล็กแต่เคียร์พื้นที่ในอ่างของตน จนเหลือช่องว่างให้พระเจ้าได้มากกว่าก็เป็นได้ BowL : การเทออก มอบให้พระเจ้า ในขณะที่เมื่อเราเทออกให้กับพระเจ้า… Read More »

เต็มแล้ว (ขยายศักยภาพ / ถุงหนังองุ่นใหม่)

น้ำที่เต็มขันแล้ว ต่อให้เทมากแค่ไหนก็รับได้เท่านั้น เว้นเสียแต่จะเปลี่ยนขันใหม่ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น  จึงจะสามารถรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น  ชีวิตของเราก็เช่นกัน การขยายศักยภาพ ความสามารถ ตะลันต์ ของประทาน และขนาดของใจสัมพันธ์ตรงตามขนาดที่เราจะได้รับเสมอ  หากต้องการมากขึ้น ปรารถนามากขึ้น ในขณะที่เต็มแล้ว จำเป็นต้องยอมเปลี่ยนและขยายออกให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น   ขยายให้ใหญ่มากขึ้น คนที่เต็มประสิทธิภาพของตนเองแล้ว ทำอย่างไรก็ได้ไม่มากไปกว่านี้ มีแต่จะวนเวียนอยู่ที่เดิม แม้จะเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการก็ตาม เมื่อเต็มศักยภาพแล้ว …  หากต้องการและปรารถนามากยิ่งๆ ขึ้น จำเป็นต้องยอมทิ้งขนาดเก่าๆ หรือสิ่งเก่าๆ ลง เพื่อให้พระเจ้าเติมสิ่งใหม่ ขนาดที่มากกว่าเดิมลงมา …ดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่  แต่แท้จริงการเริ่มต้นใหม่นี้เป็นการเริ่มในขนาดที่ใหญ่ขึ้น step ที่สูงขึ้นกว่าเดิม หลายครั้งพระเจ้าเค้นศักยภาพภายในของเราออกมา ด้วยแรงกดกันบ้าง วิกฤตการณ์บ้าง ตัวอย่างเช่น คนที่เผชิญวิกฤตตรงหน้าสามารถทำอะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ทำมาก่อน คนที่บ้านกำลังไฟไหม้ สามารถยกตู้เย็นหรือของชิ้นใหญ่กว่าตัวเองได้อย่างสบายๆ แม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม หรือคนที่เป็นแม่สามารถอดทนได้มากกว่าสภาวะปกติก่อนมีลูกได้อย่างมากมาย สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงระบบภายในมนุษย์ที่พระเจ้าใส่และสร้างไว้แต่ดั้งเดิมแล้ว ในชีวิตฝ่ายวิญญาณก็เช่นกัน เป็นไปได้ที่เมื่อเราดำเนินชีวิตกับพระเจ้าไปเรื่อยๆ ศักยภาพภายในถูกจำกัดด้วยความเคยชิน ค่านิยม และประสบการณ์ในอดีต  จึงวนเวียน ดูเหมือนยังคงรักษาสภาพฝ่ายวิญญาณไม่ให้ร่วงหล่นได้ แต่ก็ไม่สามารถทะลุทลวงไปข้างหน้ามากขึ้นได้ ไม่สามารถลึกเข้าไปมากกว่าเดิมได้ เสมือนว่าถึงทางตัน บางคนอาจถึงจุดอิ่มตัวไปเลยก็เป็นได้ ***… Read More »

การถวายอย่างฮันนาห์

การถวายของฮันนาห์ คือการถวายบุตร (ซามูเอล)   1. ฝากไว้กับพระหัตถ์พระเจ้า ♣    นางมีความกล้าในการมอบถวายให้แด่พระเจ้า สะท้อนถึงความวางใจพระเจ้าในชีวิตนาง ♣    นางให้กำเนิดบุตรที่รักหลังการเป็นหมันมาหลายปี หลังการทนทุกข์จากการถูกเหยียดหยามจากภรรยาร่วม เมื่อนางให้กำเนิดบุตรคนนี้ นางหาได้ลืมคำมั่นที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของนาง หรือละเลยไม่  แต่นางกล้าที่จะมอบคนที่รักและห่วงใย มอบถวายเลือดเนื้อเชื้อไขให้กับพระเจ้า ด้วยการตระหนักว่าพระพรการมีบุตรในครั้งนี้มาจากพระหัตถ์พระเจ้า ♣    ฮันนาห์ยังคงไปวิหารของพระเจ้าในทุกๆ ปีดังเช่นเดิม นั่นหมายถึง นางได้พบกับลูกเพียงปีละครั้ง    นางต้องใช้ความวางใจมากเพียงใด? เพื่อจะเชื่อและวางใจว่าพระเจ้าทรงดูแลบุตรของตนได้ดียิ่งกว่ามือของนางเอง สะท้อนถึงความเชื่อที่นางมีต่อพระเจ้าของตน ♣    นางไม่ได้ละทิ้งบุตรของนาง โดยปราศจากความรับผิดชอบแห่งผู้เป็นแม่  ซึ่งตามธรรมชาตินี้เอง ความรัก ห่วงหา คิดถึง การอยากครอบครอง อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นหน้า ย่อมมีเป็นปกติธรรมดา … แต่นางถวายซามูเอลไว้ในวิหารของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ  มอบสิทธิต่างๆ ที่พึงมีให้กับพระเจ้าอย่างแท้จริง ยิ่งคิดถึงสักเพียงใด  นางยิ่งต้องวางใจในพระเจ้ามากเพียงนั้น 2. ไม่เอาคืน ♣    การมอบถวายแด่พระเจ้าของนางฮันนาห์ ไม่ได้ให้แล้วเอาคืน  ไม่ได้ให้เพียงครั้งครา แต่ให้กับพระเจ้าแบบให้แล้วให้เลย แม้นางจะคิดถึงลูกเพียงใด แม้จะมีสิทธิที่จะเอาลูกกลับมาก็ได้ แต่กลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น เพราะนางได้มอบแด่พระเจ้าแล้ว… Read More »

เผชิญหน้ากับพระเจ้า

ในการเดินติดตามพระเจ้าของแต่ละคนนั้น  จำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับพระเจ้าด้วยตัวเอง   เพื่อจะสามารถกล่าวได้ว่า พระเจ้าเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ไม่ใช่แค่เพียงพระเจ้าของบรรพบุรุษ หรือผู้ที่ได้สอนเรามา หรือเพียงแค่ได้ยินมา   ตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์   การเผชิญหน้ากับพระเจ้าของอิสอัค 1.    อิสอัค ♥    แม้เขาอายุ 30 ปีแล้ว อยู่ในบ้านของผู้ที่รักและมีประสบการณ์กับพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ถึงขนาดได้รับการขนานนามว่า “สหายของพระเจ้า” (อับราฮัมผู้เป็นพ่อ)… แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามอิสอัคยังคงดำเนินชีวิตกับพระเจ้า แบบที่พระเจ้าเป็นพระเจ้าของบิดา สังเกตจากคำของเขามักเอ่ยว่า … “พระเจ้าของอับราฮัมบิดาของข้าพเจ้า” … และพระเจ้ามีแผนซ้อนแผน การเรียกให้อับราฮัมถวายอิสอัค ไม่เพียงแค่เป็นบททดสอบของอับราฮัมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกอิสอัคเข้าสู่การเผชิญหน้ากับพระเจ้าโดยตรง มีหรือ?? ชายหนุ่มอายุ 30 ปี จะไม่รู้ว่าพ่อมัดตัวเองทำไม?? … อาจใช่… ที่เขาไม่รู้ทั้งหมด แต่จากการอธิบายของพ่อได้บอกลูกว่า “จะถวายบูชาแด่พระเจ้า”  เมื่อถึงที่หมายเขามองหาแกะไม่เจอแต่ตนเองต่างหากที่ถูกมัดไว้บนแท่นนั้น … ♥    *** อิสอัครู้ได้ทันทีเลยว่าตนเองต่างหากที่พ่อนำมาเป็นเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้า แต่ในขณะนั้นเองการตัดสินใจเพียงเสี้ยวเดียวที่จะยอมทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าผ่านการกระทำของพ่อ และการยอมจำนนโดยไม่ขัดขืน แม้ในขณะนั้นเรี่ยวแรงของเขาอาจมากกว่าพ่อก็เป็นได้ เพราะเขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์เต็มวัย 30  ส่วนพ่อก็ปาเข้าไปกว่า 130 แต่อิสอัคก็ยังคงอยู่ตรงนั้น  เหตุนี้เมื่อพระเจ้าทรงยับยั้งอับราฮัมที่มือเงื้อมออกจะปริดชีพลูกและส่งแกะมาแทนที่… Read More »

เราต่างเลือกซึ่งกันและกัน

เคยมีคนกล่าวอยู่เสมอๆ ว่า “พระเจ้าเลือกเราก่อน ไม่ใช่เราเลือกพระเจ้า” เป็นความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงเลือกเราก่อน ตั้งแต่ก่อนเริ่มสร้างโลกและอยู่ในครรภ์มารดา เราไม่ได้ถูกเลือกเมื่อเราเป็นคนดีขึ้น เก่งขึ้น มีความสามารถ แต่เราถูกเลือกไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิด ยังไม่มีตัวตนเลยด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าเวลานั้นที่เราถูกเลือก เราไม่มีแม้แต่ความสามารถ คุณสมบัติ ความรู้ ความเก่ง หรืออะไรทั้งสิ้น ไม่สามารถสร้างประโยชน์อันใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่พระเจ้าเลือกเราได้เลย… แต่ความจริงอีกประการหนึ่งมีอยู่ว่า ไม่ใช่เพียงแค่พระเจ้าเท่านั้นที่เลือกเรา เราต้องเลือกพระองค์ด้วยเช่นกัน การมีปฏิสัมพันธ์ต้องไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น หากพระเจ้าเลือกเราแต่เราไม่เลือกพระเจ้า จะไม่เรียกว่า “ความสัมพันธ์” เลย (ซึ่งก็ผิดไปจากปกติคริสเตียน เพราะคริสเตียนคือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า) มันจะเกิดขึ้นเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แม้ว่าพระองค์จะทรงริเริ่มทำก่อนก็ตาม การตายบนกางเขนของพระเยซูทรงเริ่มกระทำทั้งที่มนุษย์ยังเป็นคนบาป ในขณะที่มนุษย์ยังไม่ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ เป็นการลงทุนที่เทออกก่อนเพื่อเรา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ แต่การไถ่ การช่วยกู้ จะเป็นผลเมื่อมนุษย์ตอบสนองและเลือกพระองค์เท่านั้น!!! การเลือกของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่แรกเริ่ม >> สะท้อนผ่านกระบวนการสร้างชีวิตของเรา ตั้งแต่ครอบครัว พ่อแม่ญาติพี่น้อง สภาพแวดล้อม ที่สร้างและหล่อหลอมเรามาให้โตและกลายเป็นคนประเภทไหน จนเป็นเราแต่ละคนในวันนี้ เพราะพื้นฐานเหล่านี้เองเมื่อถึงเวลาที่เราเติบโตจนถึงจุดที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยตนเอง หรือการรับใช้ หรือค้นพบการทรงเรียก เราจะพบและมองเห็นว่ากระบวนการตั้งแต่แรกเริ่มในชีวิตของเราช่างส่งเสริมการที่เราได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เสียนี่กระไร… เช่น คนที่พบเจอความยากลำบากมาตั้งแต่เด็กจะมีพลังในความอดทนสูงกว่าคนปกติทั่วๆ ไป เมื่อเติบโตขึ้นมาไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหน… Read More »