Category Archives: สีสันชีวิต

○ สะท้อนความงดงามผ่านกระบวนการต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างในชีวิตส่วนตัวข้าพเจ้าเอง
○ นำเสนอทัศนะ รูปแบบตามบุคลิกภาพและจุดยืนที่พระเจ้าเรียกในชีวิตข้าพเจ้าเอง

บรรจบอย่างลงตัว

เปรียบดั่งระบบนิเวศน์ … นก สายน้ำ อากาศ ภูเขา ต้นไม้ แมลง … ทุกสิ่งล้วนเป็นระบบนิเวศน์ที่ครบบริบูรณ์ตามการทรงสร้างของพระบิดาแต่แรกเดิม แท้จริงเราแต่ละคนมีหน้าที่เพียงแต่ทำส่วนของตนเองที่พระเจ้า เรียกและตั้งไว้เป็นการเจาะจง เมื่อเรายืนในจุดที่พระเจ้าเรียกและใช้ชีวิตตามการทรงเรียกของตนเอง ส่วนองค์รวมจะบรรจบกันเองอย่างลงตัว อีกทั้งยังมีส่วนของพระเจ้าที่เติมเต็มอีกด้วย แท้จริงพระเจ้าสร้างส่วนนั้นไว้แล้ว เมื่อแต่ละคน แต่ละอย่างเข้าประจำจุดที่ควรเป็นและต้องเป็นอย่างตั้งมั่นคง เราจะมองเห็นส่วนเติมเต็มของพระเจ้าที่ตั้งไว้แต่แรกเริ่มอยู่แล้ว… แต่ที่ไม่สามารถมองเห็นส่วนนั้นได้ เนื่องจากการไม่บรรจบกันของการยืนในจุดที่พระเจ้าเรียก มนุษย์มักคิดแผนการณ์และประมวลผลเองตามที่ตนมองเห็น , เข้าใจ และขนบธรรมเนียม ประเพณี ของบรรพบุรุษ แทนการมองความสมบูรณ์ของพระเจ้า ดังนั้นจึงทำให้หลงประเด็นไปจากการทรงเรียกแท้ และทำให้ไม่สามารถยืนในจุดที่พระเจ้าตั้งเราแต่ละคนส่วนตัวไว้อย่างเพียวๆ 100% … แต่ถึงกระนั้นส่วนของผู้ที่ยืนถูกจุด ตรงล็อคอย่างเหมาะเจาะของน้ำพระทัยพระเจ้า ก็จะพอมองเห็นส่วนเติมเต็มนั้นที่พระเจ้าตั้งไว้ (เนื่องจากพระเจ้าทรงยุติธรรม ผู้ใดจ่ายย่อมได้รับ ผู้ใดแสวงหาย่อมพบ) แต่องค์รวมย่อมต้องให้ทุกคนยืนในจุดของตนเองร่วมกัน ภาพรวมจึงสมบูรณ์แบบ การตัดเสียงสะท้อนที่เป็นเงื่อนไขและคำถาม ที่พาขัดแย้งกับการทรงเรียกของเราอย่างเจาะจง เป็นการปกป้องการหลงไหลเพลิดเพลินไปตามกระแส เนื่องจากเราแต่ละคนมีจุดที่พระเจ้าตั้งไว้ และจุดที่ต้องยืนแตกต่างกัน จึงไม่สามารถนำจุดยืนของอีกคนมาวัดได้ เพราะอาจเป็นการเบนเข็มหรือเบี่ยงเบนออกนอกน้ำพระทัยพระเจ้าแบบเจาะจงในชีวิตของเรา แม้จะยังอยู่ในน้ำพระทัยโดยรวมก็ตาม แต่ส่วนที่พระเจ้าตั้งและเรียกเราไว้นั้นจะขาดแหว่ง ภาพ : ทุกคนต้องประกาศ แต่พระเจ้าจะมีการทรงเรียกแต่ละแบบ แต่ละคน แต่ละกลุ่มอย่างเจาะจง… Read More »

เชื่อจนสุดปลายทาง

ความเชื่อเป็นรากฐานและเป็นเสมือนสิ่งที่เคียงคู่ตลอดเส้นทางการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า แต่หลายครั้งความเชื่อกลับเป็นเรื่องที่ยากจะทำ และยากที่จะไปถึง… การมีความเชื่อ ไม่เพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น คนมากมายเริ่มต้นด้วยความเชื่อ และมันค่อยๆ ลดขนาดลงด้วยปัญหาอุปสรรคและสิ่งที่ล่อหลอกให้จดจ่อ แทนที่พระพักตร์และพระสัญญาพระเจ้า.. สถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่เป็นใจ ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งดูเร่งเร้า แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ช้าเกินไปสำหรับใจเรา คือ สิ่งที่พระเจ้าทำ… ความเชื่อในระยะเริ่มต้นลดลงอย่างวูบวาบ จนหลายครั้งไม่เหลือความเชื่อเลยด้วยซ้ำ บางครั้งอาจถึงขนาดละทิ้งแล้วที่พระเจ้าตรัสไว้ เพราะคิดว่ามองดูและพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ตามที่พระเจ้าทรงตรัสเลย … กระบวนการทุ่มและกระโดดตัวเองเข้าสู่วิถีการคิดค้นงัดแงะแผนการณ์ของมนุษย์ได้เกิดขึ้นเป็นระรอกๆ …แต่หาได้รับคำตอบไม่!! …หาได้เป็นทางออกที่ดีไม่!! …แต่กลับบานปลายออกไปเรื่อยๆ … แท้จริงอะไรคือความผิดพลาดหรือ? อะไรคือสิ่งที่ต้องเข้าใจและเรียนรู้หรือ? อะไรกันแน่ที่จะสามารถนำพระพรมาถึงตัวเราจริงๆ? การเริ่มต้นด้วยความเชื่อเป็นเรื่องยากแล้ว… แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายไปเลย หากเทียบกับการรักษาความเชื่อจนสุดปลายทาง…. ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะเริ่มต้นด้วยความเชื่อ หากเรารับบางสิ่งจากพระเจ้า >> เสียงตรัส ถ้อยคำสำแดง การดลใจ หรือแรงบันดาลใจก็ตาม… แต่ระหว่างทางใช่ว่าจะราบเรียบและรวดเร็วดั่งใจนึกเสมอไป อันเนื่องจากพระเจ้ามีพระประสงค์ชัดเจนในการสร้างความเชื่อที่มากขึ้นภายในตัวเราเอง การพัฒนาความเชื่อ เป็นปกติวิถีของคริสเตียน และผู้ที่รักจะเดินติดตามพระเจ้า … ดังนั้นการที่พระเจ้าจะพัฒนาความเชื่อภายในเป็นการเจาะจงส่วนตัวกับเราจึงไม่ใช่เรื่องแปลก*** สาเหตุที่ทำให้เราขาดความเชื่อหรือสั่นคลอนในความเชื่อระหว่างทาง 1.    รอนานเกินไป การรอคอยทำให้เกิดความคาดหวัง และปกติมนุษย์ปรารถนาการช่วยกู้และปรารถนาพระพรให้มาอย่างเร็วไว ในเวลาที่ตนเองคิดและกะเกณฑ์แผนไว้ในสมอง …  แต่เมื่อผิดไปจากแผนของตน ผิดไปจากระยะเวลาที่ตนคำนวน… Read More »

กรงในอากาศ

สิ่งที่จำกัดเสรีภาพในชีวิต หาใช่ กรงที่กักขังไม่ แต่เป็นความกลัวต่างหาก!!! ความกลัว เป็นตัวผูกมัด ไม่ให้มีเสรีภาพ แม้ปราศจากสิ่งกักขัง ก็จำกัดขอบเขตของตนเอง ด้วยความหวาดกลัวภายในจิตใจ ภาพ : นกที่ปราศจากกรงกักขัง แต่ไม่กล้าโบยบิน มีปีก มีอิสระ แต่ขาดเสรีภาพ แท้จริงพระเจ้าสร้างขอบเขตให้เราแค่ไหน? 1. ในเอเดน ขอบเขตเดียว คือ ห้ามกินผลจากต้นไม้นั้น นอกนั้นเรามีอิสระและเสรีภาพได้อย่างเต็มที่ 2. เมื่อมนุษย์ผิดพลาดล้มลงในบาป ขอบเขตเดียว คือ บัญญัติ 10 ประการ จวบจนวันนี้ ก็ยังคงมีเท่านั้นจริงๆ ที่พระเจ้ากำหนดขอบเขตให้แก่เรา แล้วทุกวันนี้ อะไรบ้าง??? เป็นขอบเขตในการดำเนินชีวิตของเรา … มันถูกจำกัดขอบเขตและพื้นที่มากกว่าที่พระเจ้าบอกสักแค่ไหน??? เหลือพื้นที่สักแค่ไหน ??? ที่สามารถมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ กรงในอากาศ ความกลัวที่สร้างขึ้นเองภายในใจ ทำให้เกิดกรงในอากาศขึ้น … เสรีภาพถูกจำกัด อิสระที่มี แต่ไร้ซึ่งเสรีภาพในการก้าวเดิน หรือใช้ชีวิต กรงในอากาศ คือ … สิ่งที่มนุษย์หรือสัตว์วาดไว้กักขังตนเองหรือผู้อื่น โดยปราศจากกรงนั้นจริงๆ… Read More »

ทั้งให้และรับในคนๆ เดียวกัน

คนเราต่างต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ หากเป็นเพียงอย่างเดียว ชีวิตจะแสนเหน็ดเหนื่อยใจแทบขาด ผู้รับต้องคอยวิ่งตามผู้ให้ … ผู้ให้ต้องยอมทนในส่วนตัวเพื่อหยิบยื่น… แต่ หากทั้งรับและให้ ก็จะสามารถผ่อนคลายทั้ง 2 ส่วน คือ การวิ่งตามและการทนยอม … ใครก็ให้ได้ ใครก็รับได้ ไม่ขึ้นกับ อายุ > เด็กหรือผู้ใหญ่ , ตำแหน่ง > เล็กน้อยหรือใหญ่โต , หรือ สิ่งใดๆ เลย ภาพ : แม่ลูก แม่ >> ให้ความรัก ให้การเลี้ยงดู หาเงิน ทุ่มเทความเหน็ดเหนื่อย อบรมสั่งสอน ลูก >> ให้ความน่ารัก เติมใจแม่ให้เต็ม ให้กำลัง สนับสนุน อยู่เคียงข้างแม่ ทั้ง 2 ต่างทั้งให้แก่กันและกัน รับจากกันและกันในเวลาเดียวกัน แต่หากใครคิดเพียงด้านเดียว ย่อมบั่นทอนในที่สุด ด้วยหมดแรง… หลายครั้งคนเรามักคิดว่า ให้คนๆ นี้… Read More »

ร่นเวลา

พระเจ้าทรงตั้งวาระและเวลาให้กับเราแต่ละเรื่องอยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างอาจจะทำให้เกิดการร่นเวลาสั้นเข้าได้ หากในวาระนั้นๆ เราได้เรียนรู้ครบทุกอย่างและผ่านได้ครบทุกสิ่ง มธ.24:22 และถ้ามิ ได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใด ๆ รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ที่เลือกสรรไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า มก.13:20 ถ้าองค์ พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใด ๆ รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ถูกเลือกสรรซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ พระองค์จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า 1 คร.7:29 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่ายุคนี้ก็สั้นมากแล้ว ตั้งแต่นี้ไปให้คนเหล่านั้นที่มีภรรยาดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่มีภรรยา ปัจจัยที่ส่งผลต่อการร่นเวลาของพระเจ้า 1. การผ่านทุกบททดสอบในวาระนั้น ♣    ในแต่ละช่วงชีวิตของเรา พระเจ้าจะมีวาระสำหรับสิ่งต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้ เพื่อเติบโตขึ้นสู่วาระต่อๆไป และเพื่อท้ายที่สุดคือ ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในชีวิตเรา แต่ละเรื่องมักจะเป็นพื้นฐานในก้าวต่อๆไปเสมอ ♣    ตัวอย่าง พระเจ้าให้เราเรียนรู้ความอดทนต่อผู้บีบบังคับเราเป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากการตอบสนองอย่างดี เรียนรู้เร็ว อันมาจากการเสาะแสวงหาพระพักตร์พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อต่อเนื่องไม่ลดละ และมุ่งมั่นด้วยการปล้ำสู้ ทำให้เราผ่านทุกด่านในวาระนี้ เข้าใจจนเป็นชีวิต และได้มาซึ่งสิ่งที่พระเจ้าตั้งไว้สำหรับเราแล้ว การร่นเวลาเข้าสั้นจึงเกิดขึ้น เมื่อทุกสิ่งอย่างหมดสิ้นในวาระกำหนด 1 ปี อาจเหลือเพียง 3… Read More »

จิ้กซอว์ชีวิต

ชีวิตคนเราเปรียบเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ เราแต่ละคนมีภาพที่สมบูรณ์แบบ จากการทรงสร้างที่พระเจ้าบรรจงสร้างเราไว้แต่แรกเดิม ตั้งแต่ในครรภ์มารดา มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รู้อย่างสมบูรณ์แบบถึงภาพที่ครบถ้วนนั้น เราไม่รู้อะไรเบื้องหน้ามากนัก นอกจากก้าวต่อก้าว … ในแต่ละก้าวที่เดินไปกับพระเจ้า ก็เปรียบเสมือนเราได้รับจิ๊กซอว์มา 1 ชิ้น ต่อแต่ละเหตุการณ์ แต่ละช่วงชีวิต เพื่อนำมาประติดประต่อ ดูเหมือนมันเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ ซึ่งอาจไม่มีความหมายสำหรับเราในเวลานั้น   … แต่ท้ายที่สุดเราจะสามารถค้นพบความหมายและคำตอบได้เมื่อวันเวลาผ่านไป  เมื่อเราโตขึ้น  เมื่ออะไรหลายๆ อย่างกระจ่างมากขึ้น …  เมื่อนำชิ้นส่วนเล็กๆ นี้ไปต่อเข้ากับส่วนอื่นๆ ที่จะได้มาในอนาคต หรือเคยได้มาแล้ว… แต่หากเราโยนมันทิ้งไป เมื่อถึงเวลานำมาต่อเข้ารวมกัน ภาพชีวิตของเราก็จะไม่สมบูรณ์ ขาดแหว่ง บางส่วนไป เป็นผลมาจากการโยนมันทิ้งนั่นเอง (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) ภาพ : พระเจ้าให้จิ๊กซอว์กับเราแต่ละชิ้น  ผ่านคำเผย  เสียงตรัส  ความเข้าใจ  บทเรียนชีวิตผ่านเหตุการณ์  ความเข้าใจ  พระสัญญา  การเปิดเผยส่วนตัว  การเปิดเผยองค์รวม ….. อย่าทิ้งบางชิ้นลงถังขยะ เพราะมันจะเป็นองค์ประกอบที่ต่อเข้ากับตัวอื่นในที่สุด เราจะได้รับจิ๊กซอว์ชีวิตจากทางไหนบ้าง? 1.    การศึกษาพระคำส่วนตัว 2.    การอธิษฐานส่วนตัว รับการสำแดง นิมิต… Read More »

ทำไมแล้วจึงอย่างไร

ทำไม??? ปกติธรรมชาติมนุษย์มักต้องการรู้ ที่มาที่ไปในแต่ละเรื่อง เพราะเมื่อใดที่กระจ่างแจ้งย่อมยินดีที่จะก้าวตาม หากเราไม่รู้ว่า สิ่งที่ต้องทำๆ ไปเพื่ออะไร? ไม่รู้วัตถุประสงค์ ก็เปรียบเหมือน การแล่นเรือออกทะเลโดยไร้จุดหมายปลายทาง จึงต้องเผชิญกับความอ้างว้างกลางทะเลในบางช่วง พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่เปิดเผยความจริงให้แก่เรา เมื่อเราแสวงหาพระองค์ จะสามารถค้นพบคำตอบในพระองค์ได้เป็นแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร ที่มนุษย์อย่างเราจะเสาะหาต้นเหตุที่พระเจ้าเรียกร้องเรา … เมื่อมีสถานการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แล้วเราแสวงหาพระเจ้าจนรู้แน่ว่าเพราะเหตุใด? พระองค์จึงเรียกเรา หรือให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น …ย่อมเป็นการง่ายที่จิตใจภายในจะยอมจำนนต่อพระองค์มากเสียกว่า  การพยายามปลอบใจตัวเองว่าให้ตอบสนองพระเจ้าอย่างดีเถิด… ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าเพื่ออะไร?  เพราะอะไร? สิ่งที่มักเกิดตามมาคือ… ไม่มีความมั่นใจในการตอบสนองว่า มาถูกทางหรือเปล่า? และหากไม่ตรงเป้า นั่นแสดงว่ายังไม่ผ่าน และหากยังไม่ผ่านเรื่อยๆ ก็ย่อมหมดแรงกำลังในตอบสนองในที่สุด  เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะล้มเลิก… แต่แท้จริงพระเจ้ายินดีจะเปิดเผยและแจ้งน้ำพระทัยของพระองค์ในชีวิตเรา และแก่ผู้ที่เสาะแสวงหาพระองค์เสมอ … ด้วยว่าพระองค์ปรารถนาจะอยู่เคียงข้างคนของพระเจ้า และอยากให้เราผ่านเสมอ ทุกเส้นทาง และตลอดเส้นทาง *** ดังนั้นการถามถึงสาเหตุจากพระเจ้าจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ หากท่าทีของเราเป็นเพียงการเสาะหาคำตอบจากพระเจ้า แทนที่ การไม่ยอมจำนน!!! หากเราเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับเราแล้วว่า … ทรงมีแผนการณ์และน้ำพระทัยเช่นไรในตัวเรา ความมั่นคงย่อมเกิดง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ปรารถนาจะตอบสนองและเดินกับพระเจ้าแบบก้าวต่อก้าวอยู่แล้ว เมื่อเรารู้แผนการณ์น้ำพระทัยพระเจ้าแล้ว ยังไม่จบกระบวนการเพียงเท่านั้น … แต่เป็นเพียงการเริ่มต้น  การรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตเราจะไร้ค่า … Read More »

ชักช้าจนได้เรื่อง

ด้วยความชักช้า ไม่กล้าตอบสนองพระเจ้าสักที  จนกระทั่งเวลาจวนเจียนสุดๆ แล้ว ก็ยังไม่ตัดสินใจอีก สุดท้ายทูตสวรรค์ต้องทำเอง ด้วยการดึงโลทออกมาจากเมืองโสโดม แท้จริงโลทมีเวลาที่จะก้าวและตัดสินใจก่อนหน้านี้  แต่เพราะความเสียดาย แม้สิ่งนั้นต้องถูกทำลาย  , ความกังวล แม้สิ่งนั้นเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย … โลทไม่สามารถช่วยเหลือชาวเมืองโสโดมได้เลยสักคนเดียว แม้แต่คนในครอบครัว เขายังช่วยได้เพียงบางคน ซึ่งน้อยนิดเหลือเกิน แต่เพราะมีอับราฮัมผู้ที่รักพระเจ้าเสียเหลือเกิน และรักโลท จนร้องทูลต่อรองกับพระเจ้าเพื่อโลท … ถึงอย่างนั้นโลทก็ยังไม่ตัดสินใจ แม้โอกาสที่พระเจ้าให้แก่เขา เพราะผู้ชอบธรรมร้องทูลเพื่อเขา (การให้โอกาสของพระเจ้าที่มีต่อเขา หาใช่มาจากชีวิตของโลทเองไม่!!!) *** การช่วยเหลือของทูตสวรรค์ที่มีมายังโลท เพราะเห็นแก่อับราฮัมล้วนๆ  ♥ เห็นแก่การร้องทูลของอับราฮัม  ♥ เห็นแก่ชีวิตที่ชอบธรรมและรักพระเจ้าของอับราฮัม  ♥ เห็นแก่ความกล้าหาญของอับราฮัมที่กล้าต่อรองกับพระเจ้าเพื่อโลท  ♥ เห็นแก่ความรักความห่วงใยที่อับราฮัมมีให้โลท  ♥ เห็นแก่ความสัมพันธ์ของโลทที่เชื่อมต่อกับอับราฮัมทางสายเลือด… *** ??? แล้วเรามีอับราฮัมคนนั้นในชีวิตหรือเปล่า ???   ปฐก.19:15-17 19:15 และเมื่อรุ่งเช้าทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงเร่งเร้าโลท กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาภรรยาของเจ้า และบุตรสาวทั้งสองของเจ้า ซึ่งอยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเจ้าจะถูกทำลายพร้อมกับความไร้ศีลธรรมของเมืองนี้” 19:16… Read More »

จัดการกับบาป ไม่ใช่ปรับตัวให้เข้ากับบาป

เป็นมะเร็งต้องรักษา ยอมรับการผ่าตัดจึงจะหาย ไม่ใช่ปรับตัวให้อยู่กับมันได้ เพราะเราไม่รู้มันจะกำเริบขึ้นมาเมื่อใด ฉันใดก็ฉันนั้น บาปก็เช่นกัน … เราไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับบาป และยอมรับมันไว้ในชีวิตได้ เพราะบาปขวางกั้นการเติบโตฝ่ายวิญญาณและความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทำให้ไม่สามารถใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่าที่เป็นอยู่ … แม้จะมีใจอยากและความปรารถนาแรงกล้าสักเพียงใดก็ตาม … บาปไม่สามารถเข้ากันกับความบริสุทธ์ของพระเจ้าได้เลยแม้แต่น้อย …  เราไม่สามารถมีบาปในชีวิตพร้อมๆ กับความบริสุทธิ์ได้ ดังนั้นหากอยากได้ความบริสุทธิ์ต้องจัดการสิ่งที่ทำให้ความบริสุทธิ์อยู่ในเราไม่ได้เสียก่อน ไม่ว่าจะโรคร้าย หรือ เพียงแค่กลัดหนอง หากยอมเอาเชื้อโรคออก ย่อมหายขาด … ชีวิตคริสเตียนหากจัดการบาปย่อมเป็นอิสระและมีเสรีภาพ ไม่ต้องคอยกังวล ว่ามันจะกลับมาเมื่อไร ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะโผล่มาเมื่อไร ไม่ต้องเสียแรงหรือลงแรงไปแล้วรู้สึกเปล่าประโยชน์ เพราะว่ายังคงมีเชื้อบางอย่างที่คอยทิ่มแทงภายในเสมอๆ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการยอมรับสภาพบาปได้ และไม่คิดจะจัดการมันอย่างจริงจัง จึงไม่สามารถเห็นฤทธิ์เดชแห่งการไถ่ของพระเยซู การดำเนินชีวิตจึงยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมเป็นวัฏจักร … ใช่ว่านอนหลับไปแล้ว พอตื่นขึ้นมา  บาดแผลหรือบาปเหล่านั้นจะหายไปชั่วข้ามคืน เพราะการนอนหลับ  , ใช่ว่า การแกล้งพยายามไม่รับรู้ ไม่สนใจ จะทำให้หายจากอาการเหล่านั้น  หรือทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น …  แน่นอนบางครั้งมันอาจจะดีขึ้นบ้าง หลังจากได้พักกาย หลังจากมีระยะห่างไม่จมปลักอยู่กับสภาพนั้นๆ แต่มันยังคงอยู่ รอเวลาที่จะปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง การยอมรับบาป =… Read More »

พระเจ้าไม่เลือกคนที่ความสามารถ

ในสายพระเนตรพระเจ้าความสามารถไม่มีผลในการเลือกใช้เรา แต่การมีใจที่ยอมจำนน พระเจ้าสามารถทำและเพิ่มเติมทุกสิ่งในเราได้ พระเจ้ามีแผนการณ์ที่ดีเลิศสำหรับเราแต่ละคน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว ดังนั้นแสดงว่า… การที่ชีวิตเรา ได้รับการเลี้ยงดู การฝึกฝนอบรม การปูพื้นฐานในชีวิตจากครอบครัว การศึกษา สภาพแวดล้อมชีวิต…นั่นแหละคือ สิ่งที่พระเจ้าได้จัดเตรียมในชีวิตเรามาแล้วเป็นอย่างดี…. และนั่นแหละที่จะเป็นพื้นฐานหลักที่สอดคล้องกับการทรงเรียกที่พระเจ้าจะใช้เรา เมื่อเราก้าวเข้าสู่การรับใช้ในการทรงเรียกของพระเจ้าอย่างเจาะจงในตัวเรา จะค้นพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราเคยเรียน เคยมีประสบการณ์ เคยผ่านเรื่องราวต่างๆ กระบวนการสร้างชีวิตเหล่านั้น ถูกปลูกฝังจนกลั่นออกมาเป็นศักยภาพ ความสามารถ ความชอบเฉพาะตัว เฉพาะด้าน หล่อหลอมจนเป็นตัวตนของเราเอง…. นั่นแหละที่สามารถนำมาใช้ได้จริงกับการรับใช้ในการทรงเรียกของพระเจ้าที่มาถึงเป็นการส่วนตัว หรือที่เรียกว่า “เอกลักษณ์” ปกติพระเจ้ามีแบบแผนการเรียกใช้เรา จากสิ่งที่เราเป็น เพราะนั่นคือ… การทรงสร้างของพระเจ้า และเป็นการวางไว้ของพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว…. ดังนั้นความสามารถต่างๆ ที่ถูกใช้งานได้จริง มักมาจากพื้นฐานที่พระเจ้าให้เราได้เติบโตมาอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ♥    โมเสส ต้องนำคนมากมาย จึงถูกเลี้ยงโดยกษัตริย์ เป็นกระบวนการสร้างของพระเจ้าสำหรับโมเสส ♥    ดาวิดต้องนมัสการ จึงชื่นชอบกับการเลี้ยงแกะตามท้องทุ่ง ได้เห็นและชื่นชมการทรงสร้างของพระเจ้า ท้องฟ้า ทุ่งหญ้า ฝูงแกะ แสงแดด เพื่อเข้าใจธรรมชาติการทรงสร้างของพระเจ้า ดาวิดจึงสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างลึกซึ้ง ♥    เปาโลต้องประกาศยิว จึงเติบโตมาจากกิมาเอลฟาริสีผู้รอบรู้ด้วยพระคัมภีร์เป็นข้อมูล และการต้องอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองบ่อยๆ… Read More »