Category Archives: ข้อคิดสะกิดใจ

○ ยกตัวอย่าง ยกภาพ ง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจพระคำ ประยุกต์ใช้ได้จริง
○ อธิบายเรื่องราวหลักการออกมาง่ายๆ ด้วยตัวอย่างประกอบ สะท้อนแง่คิด บางอย่างที่ได้เรียนรู้จากการดำเนินชีวิตบนโลกแห่งความจริง
○ ข้อคิดสั้นๆ แต่ได้ใจความ นำไปคิดต่อยอดปรับใช้กับตนเอง และสะกิดใจให้คิดสักนิด

โลกนี้แค่ชั่วคราว

หากดำเนินชีวิตแบบฝากทั้งชีวิตไว้กับโลก ก็จะถูกโลกกลืนกินด้วยความไม่มั่นคง… ระบบโลกมักเอารัดเอาเปรียบ เพราะถูกสร้างโดยมนุษย์ผู้แสวงหาผลประโยชน์ และเป็นที่ยอมรับโดยมนุษย์ผู้ได้รับประโยชน์ร่วม ดังนั้นมันไม่มีทางสมบูรณ์ ในทุกเวลา สำหรับทุกคน… ¥ ความร่ำรวย >> ไม่ยั่งยืน ¥ เงิน >> ไม่ได้เป็นทุกคำตอบ ¥ ผู้คน >> ไม่ได้อยู่กับเราเสมอไปและไม่ได้เข้าใจเราทุกเรื่อง ¥ งาน >> มีเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ¥ ความสำเร็จ >> มาได้ก็ไปได้ ¥ ความล้มเหลว >> ผ่านได้ จมปลักได้ ทุกสิ่งล้วนอนิจจังบนความไม่แน่นอน … แล้วเหตุไฉน??? จึงต้องดำเนินชีวิตแบบฝากทุกอย่างกับโลกนี้ หากโลกแค่ชั่วคราว ก็อย่ายึดติด …รับไว้ได้ ปล่อยมันทิ้งไปได้ …เข้ามาได้ ออกไปได้ …ล้มได้ก็ลุกได้ …รุ่งได้ก็ร่วงได้ ***พึงระวังรักษาชีวิต เพื่อจะเคลื่อนไปอย่างไม่สิ้นสุด และเจ็บปวดจากการยึดติดน้อยลง โลกกำหนดหลายสิ่ง… แต่… ***จริงหรือ??? ที่โลกกำหนด เป็นทั้งสิ้นในชีวิตเรา!!! ~ ไม่รวย… Read More »

การหมักบ่ม

การหมักบ่มจำเป็นต้องรอให้ได้ที่ด้วยวันเวลาและอุณหภูมิ หากเปิดฝาภาชนะที่ปิดไว้เพื่อการหมักบ่มก่อนเวลาอันควร มันจะทำให้เสียรสชาติและคุณภาพ บ้างก็ต้องทิ้งเสียเนื่องจากยังไม่ได้ที่จึงใช้ไม่ได้ วันเวลาของพระเจ้ามีความหมายเสมอ ทรงหมักบ่มจนกว่าชีวิตเราจะสามารถใช้การได้ หากเร่งรีบก่อนเวลาของพระเจ้าจะทำให้ใช้การไม่ได้จริง ไม่ยั่งยืน   เราไม่มีความจำเป็นต่องรีบร้อน หากพระเจ้าไม่ได้รีบเร่งในตัวเรา มันจะถึงเวลาและวาระของเราเป็นแน่ แต่หากไม่ใช่… การออกตัวก่อนที่พระเจ้าจะเคลื่อนย่อมนำความบิดเบี้ยวไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า หากยังพอนำกลับมาหมักบ่มต่อจนถึงเวลาได้ก็ไม่ส่งผลเสียอันใด นอกเสียจากการบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ … แต่หากต้องทิ้งเสียแล้วเริ่มใหม่ ก็เป็นการเสียเวลายิ่งนัก *** อย่าเร่งรีบหากพระเจ้าไม่รีบเร่ง เพราะการรับรองเป็นของพระเจ้า อยากได้รับการรับรอง ต้องอดใจรอจนกว่าจะถึงเวลาที่ทรงเคลื่อนจริงๆ   ในแต่ละวาระเวลาย่อมมีคุณค่าและประโยชน์ของมันอย่างลงตัว การเรียนรู้ที่จะอยู่ในเวลาของพระเจ้าจึงส่งผลดีต่อชีวิตคริสเตียนเป็นแน่แท้   07/06/2014 12:13    

พระเจ้าไม่เคยลืม แม้เราหลงลืมไปแล้ว

ในทุกคำตรัสของพระองค์จะเป็นจริงเป็นแน่ แม้วันเวลาผ่านไปแสนเนิ่นนานสักเพียงใด มันจะถูกทำให้ปรากฏและเห็นว่าเป็นจริงในที่สุด เมื่อพระเจ้าทรงตรัสสิ่งใดกับเราไว้ หรือทรงสัญญาไว้ สิ่งนั้นไม่ได้เลือนหายไปตามวันเวลา แต่จะเป็นจริงอย่างแน่นอน… แม้วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งตัวเราเองก็ลืมไปแล้ว ถึงสิ่งที่ทรงตรัส ทรงสัญญา หรือแม้แต่สิ่งที่ร้องขอต่อพระเจ้าไว้ในอดีต … แต่แผนการณ์ของพระเจ้ายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านการดำเนินชีวิตที่แสนเรียบง่ายอย่างสัตย์ซื่อของเราในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา… และเมื่อถึงวาระเวลากำหนดมาถึง เราจะค้นพบว่าทุกสิ่งที่ทรงตรัสได้บังเกิดขึ้นและมันไม่สูญหายไปตามกาลเวลาหรือสถานการณ์   พระเจ้าไม่เคยลืม แม้เราหลงลืมไปแล้ว   พระเจ้าจะนำพาเรากลับมายืนในจุดที่ทรงตรัสไว้ล่วงหน้าแล้ว (ตั้งแต่ในอดีต) – ชีวิตโยเซฟ พระเจ้าสำแดงถึงแผนการในชีวิตเขา ผ่านความฝันในวัยเด็ก ใช้เวลากว่า 40 ปีจึงบังเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาเหล่านั้นต้องผ่านการขัดเกลาจน เติบโต ผ่านความอดทน เรียนรู้ ยอมจำนน … แต่ไม่ว่าจะนานเพียงใด สิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้มันบังเกิดขึ้นจริง – ชีวิตอับราฮัม จะมีลูกหลานดั่งเม็ดทรายในทะเล คำตรัสของพระเจ้าเป็นจริงจวบจนทุกวันนึ้ แต่อับราฮัมได้เห็นแค่รุ่นลูกหลานเพียงไม่กี่คน แต่เขามั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้า บัดนี้เป็นจริงตามถ้อยคำตรัสของพระองค์ – การพยากรณ์จากพันธสัญญาเดิม (OT) เกิดขึ้นในพันธสัญญาใหม่ (NT) ….. ….. ….. – ในชีวิตเรา… Read More »

แยกแพะแยกแกะ

แพะกับแกะแม้อยู่ที่เดียวกัน กินอาหารเหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน รูปร่างโดยรวมอาจคล้ายกัน แต่มันก็ยังไม่เหมือนกัน เพราะมันเป็นคนละประเภท เราสามารถแยกแยะมันได้ด้วยหน้าตาที่แตกต่าง พฤติกรรมที่แตกต่าง ใช่ว่าจะแยกไม่ออกเสียทีเดียว แยกแพะแยกแกะ การแยกแพะแยกแกะของพระเจ้าไม่ใช่จะเกิดขึ้นแค่บนแผ่นดินสวรรค์ แต่มันจะเกิดบนโลกนี่แหละ ก่อนถึงเวลาจริงที่ทรงกลับมาครั้งที่ 2 ดั่งการแยกข้าวสาลีกับข้าวละมาน ก็รู้แต่แรกแล้ว มองออกตั้งแต่เป็นต้นกล้าแล้ว แต่บางครั้งพระเจ้าต้องยอมปล่อยให้มันเติบโตขึ้นมา หาใช่ว่าปล่อยปละ แต่ได้ไม่คุ้มเสีย   ?เหตุไฉนพระองค์ต้องเสียในส่วนดีไปพร้อมๆ กับส่วนเสีย แต่ยอมปล่อยให้มันโตขึ้นมา เพราะท้ายสุดเมื่อถึงเวลามันก็ไม่ถูกเลือกอยู่ดี มีแต่จะคัดออกและเผาไฟเสียให้ไหม้ ที่อุตส่าห์โตมาจะมีประโยชน์อันใดเล่า การหว่านก็เช่นกัน จะมีประโยชน์อันใดที่เราเฝ้าทนุถนอมจนมันโต แต่กลับถูกทิ้งขว้างและทำลายจนหมดสิ้นในที่สุด ต้นเหตุเกิดจากผิดตั้งแต่เริ่มหว่าน… จะไม่ดีกว่าหรือ ที่เราเลือกหว่านในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้เก็บเกี่ยวผลอันยั่งยืน แทนการถูกทำลายเผาทิ้งในอนาคต มธ. 13:24-30 13:24 พระองค์ตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งได้หว่านพืชดีในนาของตน 13:25 แต่เมื่อคนทั้งหลายนอนหลับอยู่ ศัตรูของคนนั้นมาหว่านข้าวละมานปนกับข้าวสาลีนั้นไว้ แล้วก็หลบไป 13:26 ครั้นต้นข้าวนั้นงอกขึ้นออกรวงแล้ว ข้าวละมานก็ปรากฏขึ้นด้วย 13:27 พวกผู้รับใช้แห่งเจ้าบ้านจึงมาแจ้งแก่นายว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้หว่านพืชดีในนาของท่านมิใช่หรือ แต่มีข้าวละมานมาจากไหน’ 13:28 นายก็ตอบพวกเขาว่า ‘นี้เป็นการกระทำของศัตรู’… Read More »

วิ่งจนถึงเส้นชัย

การแข่งขันทำให้เกิดการกระตุ้นเร้า อยากจะไปถึงเส้นชัย แม้ระยะทางแสนยาวไกล อุปสรรคมากมาย เหนื่อยล้า อ.เปาโลกล่าวถึงการแข่งขันกับตนเอง 1 คร.9:24-27 9:24 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกัน ก็วิ่งด้วยกันทุกคนแต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ 9:25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่างแล้วเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย 9:26 ดังนั้นส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งอย่างนี้โดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนักมวยที่ชกลม 9:27 แต่ข้าพเจ้าระงับความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังให้อยู่ใต้บังคับเพราะเกรงว่าโดยทางหนึ่งทางใดเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้วตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ แต่การแข่งขันกับผู้อื่น มีแต่สร้างแรงกดดัน และเบนเข็มให้ผิดทิศอยู่เสมอ บทเรียนจากเต่ากับกระต่ายวิ่งแข่งกัน กระต่าย ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยด้วยความคิดแข่งขัน จึงทำให้หมิ่นประมาทเต่า สบประมาท และยกตนข่มท่าน จนกระทั่งอวดตัวและความสามารถของตนว่าสูงกว่า ขาดซึ่งความสัตย์ซื่อด้วยประเมินศักยภาพความสามารถของตนไว้เหนือกว่า ♥    สุดท้ายการวิ่งของกระต่ายนอกจากไม่เกิดความสุขแล้วยังพ่ายแพ้ เต่า ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยอย่างต่อเนื่องสุดความสามารถของตนอย่างสัตย์ซื่อ ไม่คิดและไม่สนเรื่องการแข่งขันใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายของมัน คือ เส้นชัย ไม่ใช่ผู้ร่วมทาง มันจึงไม่ต้องยกตัวให้สูงกว่าใคร มันก้าวไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ แต่ไม่ถอย ไม่หละหลวม ♥    ในที่สุดมันก็ได้เข้าเส้นชัย โดยที่มันไม่รู้ตัวหรือสนใจเลยว่า มันมาถึงก่อนกระต่ายผู้อวดตนว่ายิ่งใหญ่   วิ่งจนถึงเส้นชัย 1.  … Read More »

ความยำเกรงพระเจ้า

ความยำเกรงพระเจ้านำปัญญาความเข้าใจและความล้ำลึกมาถึง ผู้ที่ขาดความยำเกรงไม่สามารถเข้าใจสัจจะแห่งความจริงของพระเจ้าได้อย่างถ่องแท้ หรือเรียกว่า “เข้าไม่ถึง” ความถ่อมใจเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของความยำเกรง นั่นแสดงว่า หากมีความยำเกรงพระเจ้า ย่อมมีใจถ่อมเป็นพื้นฐาน คนที่ถ่อมต่อพระเจ้าเท่านั้นจึงจะยำเกรงพระองค์ ผู้ที่หยิ่งผยองก็จะมองข้ามสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าให้โดยสิ้นเชิง อาจเพียงแค่คาดหวังพระพรเท่านั้น เมื่อถ่อมลงปัญญาก็จะถูกเปิดออก เพราะการถ่อมใจจะทำให้เปิดใจ เมื่อใจเปิดก็สามารถรับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและดีขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าจะใส่และเติมให้ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของความยำเกรงพระเจ้าคือ การมอบถวายเกียรติแด่พระเจ้า … ยิ่งถ่อมลง ยิ่งยำเกรง ยิ่งเห็นพระคุณ ยิ่งซาบซึ้ง และรู้ว่าตนเองนั้นเล็กน้อยจริงๆ แต่เป็นพระเมตตาคุณของพระเจ้าต่างหากที่ประทานให้ ทำให้ได้รับและถ่อมลงมากขึ้นอีก และได้รับมากขึ้นอีก ต่อไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรไม่จบสิ้น แต่บางคนจบสิ้น แค่บางช่วงเวลา เนื่องจากขาดจากวัฏจักรแห่งความยำเกรงพระเจ้าในชีวิต ภาพ : วงกลม ไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อไรที่หยุด ก็เป็นจุดจบ และไม่เป็นวงกลมอีกต่อไป สิ่งสอดคล้องกับความยำเกรงพระเจ้า คือ การคิดเห็นแก่พระองค์ … เป็นไปไม่ได้ที่เรายำเกรงคนๆ หนึ่ง โดยที่ไม่แคร์หรือใส่ใจเขา การดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า คือ การสนใจ ใส่ใจทุกรายละเอียดของชีวิตว่าเป็นที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้าหรือไม่ มนุษย์พยายามเอาใจคนที่รัก ด้วยการใช้ชีวิตตามแบบที่เขาชอบ เหตุไฉน? ผู้ที่รักพระเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตตามชอบพระทัยของพระองค์… Read More »

ความต่างของสนามฝึกกับสนามรบ

สนามฝึก ♥    สามารถผิดพลาดได้ ล้มลุกคลุกคลานได้ โดยไม่สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ♥    ประจัญหน้ากับตัวเอง ต่อสู้กับเนื้อหนัง ความเป็นตัวเอง เพื่อฝึกฝน ♥    ในยามเหนื่อยอ่อนต่อการฝึกฝน สามารถหยุดพักระหว่างทาง เมื่อมีกำลังจึงลุกขึ้นฝึกฝนต่อไป ♥    อาศัยการบากบั่นมุมานะจนกระทั่งเกิดความชำนาญ สนามรบ ♠     เมื่อพลาดทำให้เกิดการสูญเสียจนกระทั่งสูญสิ้นได้ ♠     ประจัญหน้าต่อศัตรู มันไม่ปรานีในยามที่เราเหนื่อยอ่อน หมดแรง ♠     แม้จะเหนื่อยอ่อนเพียงใด ก็ไม่สามารถหยุดพักกลางสนามรบได้ เพราะศัตรูเร่งเร้า รุกเร้า และไม่รามือง่ายๆ จะได้พักก็ต่อเมื่อการรบนั้นเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสพ่ายแพ้สูง ♠     อาศัยความชำนาญจากการฝึกฝนที่ติดตัวมา ยิ่งชำนาญมาก ยิ่งสามารถมาก ยิ่งมีโอกาสชนะสูง *** พึงระวังให้ดีว่า จุดและตำแหน่งที่ยืนอยู่ในสนามฝึก หรือ สนามรบ 21/04/2014 14:56

ความต่างของความผิดพลาดกับความบาป

ความผิดพลาดต้องเรียนรู้ พระเจ้าอนุญาตให้เราผิดพลาด และหลายครั้งพระเจ้าเป็นผู้นำเราสู่ความผิดพลาดด้วย เพื่อ 1. เรียนรู้ เพื่อจะโตขึ้นอีก พัฒนามากขึ้นกว่าเดิมอีก 2. พึ่งพาพระเจ้า บางครั้งการลืมตัว ความเคยชิน ความสามารถ ทำให้การพึ่งพาพระเจ้าลดน้อยลง 3. ขนาบความหยิ่ง ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด ไม่ใช่เพราะความเก่งทำให้เราไม่พลาด ความบาปต้องกลับใจ บาปนำเราออกห่างจากพระเจ้า เป็นสี่งที่ไม่สามารถเข้าได้กับความบริสุทธิ์และพระลักษณะอื่นๆ ของพระเจ้า สิ่งเดียวคือ ต้องกลับใจใหม่เท่านั้น เพื่อนำเรากลับมาหาพระเจ้า ชีวิตคริสเตียนต่างต้องเผชิญและผ่านทั้ง 2 สิ่งนี้ หากแต่เราเรียรู้มากขึ้น เดินในความสัมพันธ์กับพระเจ้ามากขึ้น เราจะยิ่งเข้าใจและสำรวจตัวเองอยู่เสอว่า “ขณะนี้ ตนเองยืนอยู่จุดไหน” เพื่อจะได้แก้ไขได้ถูกจุด 27/04/2014 11:38

เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนได้

ร้านอาหารร้านหนึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วและไกล ใครๆ ก็ต่างพากันมาลิ้มลองรสชาติอันโดดเด่น แม้ระยะทางไกล ลูกค้าต่างก็ดั้นด้นพากันมาเป็นเนืองๆ ด้วยรสสัมผัสที่โดดเด่นและติดใจในบริการ คุณภาพอาหาร มีทั้งลูกค้าประจำและขาจรมากมาย …. แต่เมื่อเวลาผ่านไปรสชาติที่เคยเข้มข้นก็กลับไม่สม่ำเสมอ วัตถุดิบที่ใช้เคยใส่แต่ของสดใหม่และไม่หวง ก็เริ่มลดลงด้วยอยากความจำกัดต้นทุน เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น เร็วขึ้น รสชาติที่เคยเดิมๆ บัดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วคงเหลือแต่รสชาติที่จืดจางกว่าเก่าก่อน จนลืมไปแล้ว… ลูกค้าเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะขาประจำ ส่วนขาจร ก็มาแล้วเลิก เพราะไม่จำเป็นต้องดั้นด้นมาไกล เพื่อลิ้มรสที่ไม่แตกต่างกับใกล้ๆ บ้านของเขา ความโดดเด่นไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียง … “ชื่อ … ที่ครั้งหนึ่งเคยดัง” ข้อคิดสะท้อนชีวิต 1.    ครั้งหนึ่งเคยเข้มข้นฝ่ายวิญญาณ แต่วันนี้ยังคงรักษาคุณภาพเช่นเดิมได้หรือไม่? แม้คนเคยดีวันหนึ่งอาจแย่ก็ได้ คนเคยล้มเหลววันนี้อาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ … ?    ความเข้มข้นของเราในวันนี้ยังคงเพิ่มขึ้นและไม่ลดลงจากเดิมหรือไม่? ?    เคยได้รับการเจิมวันนี้การเจิมนั้นยังคงอยู่หรือไม่? ?    เคยมีประสบการณ์อันล้ำลึกกับพระเจ้าวันนี้ยังมีอยู่หรือไม่? ?    เคยมอบถวายให้พระเจ้าอย่างสุดใจ วันนี้ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่? ?    เคยเป็นคนถ่อมใจ เพราะไม่มีอะไรเลยในชีวิต แต่วันนี้พระเจ้าเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ให้จนมากมาย แล้วยังถ่อมใจเช่นเดิมอยู่หรือไม่? ?    เคยรักและทุ่มเทเพื่อพระเจ้า เท่าไรเท่ากัน… Read More »

เงื่อนไขชีวิต

ลักษณะชีวิตที่รับพร คนจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องการรับคำเผยวจนะ หรือพระสัญญาของพระเจ้าที่มาถึงตนเอง แท้จริงพระสัญญาของพระเจ้ามีเงื่อนไขในการรับเสมอ พระพรต้องมีเงื่อนไข พระคุณให้เปล่าๆ หากชีวิตไม่ผ่านเงื่อนไขการรับพระพรแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝนที่เทลงมา แต่คนๆ นั้นขาดซึ่งภาชนะในมือที่จะเก็บฝนไว้ใช้ได้ ดังนั้นเมื่อฝนหยุดตก เขาก็ไม่ได้รับอะไร เว้นเสียแต่ความชุ่มฉ่ำ หรือในทำนองเดียวกัน การที่ตนเองไม่สามารถกักเก็บฝนนั้นไว้ได้ หาใช่ว่าฝนไม่ตก เหตุไฉนจึงคิดไปว่าพระเจ้าไม่อวยพร หรือคิดไปว่าพระสัญญาของพระองค์ไม่เป็นจริง แทนการตรวจสอบตนเอง เพื่อกลับใจใหม่เล่า เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าชีวิตเราบกพร่องหรือขาดส่วนใดที่ทำให้เราไม่สามารถรับพระพรของพระเจ้าได้ ก็เป็นการดีเสียยิ่งกว่าที่จะเริ่มต้นใหม่ เพื่อครั้งต่อไปพระพรนั้นจะไม่สูญเปล่าดังที่ผ่านมา บางคนมักคิดว่า หากพระเจ้าจะอวยพร ก็ทำไปสิ ส่วนของฉันจะดำเนินชีวิตแบบนี้หละ แน่หละ…รางวัลมีไว้สำหรับผู้ชนะเท่านั้น นั่นหมายถึงเมื่อคุณสมบัติของเราเข้าข่ายการอวยพรของพระเจ้า มีหรือจะทรงยับยั้งพระพรไว้???   พระพรของพระเจ้าจะไม่ช้าอยู่   120214