Author Archives: Panarat

แสนเนิ่นนานเหลือเกิน

ระหว่างเส้นทางเดินสู่จุดหมายที่แสนยาวไกลกับชัยชนะในการปล้ำสู้ บางครั้งเราเห็นพระพรเทลงมาเพียงน้อยนิด อาจทำให้เข้าใจว่าผ่านแล้ว… แต่………………. ? ทำไมยังวนเวียนอยู่ (ที่เดิมๆ) หรือ ? เป็นแบบแว่บๆ แทนความมั่นคงที่เกิดขึ้น แท้จริงยังไม่ผ่าน >>> เพราะหากเราชนะจริง มันจะผ่านแบบมั่นคง ไม่ใช่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่จะกลายเป็นธรรมชาติชีวิตใหม่ เป็นสิทธิอำนาจ และลักษณะชีวิตให้จนกลายเป็นพื้นฐานสู่ก้าวต่อไปของชีวิตเรา แสนเนิ่นนานเหลือเกิน เนื่องจากพระลักษณะพระเจ้ามีพระคุณและรักเรา พร้อมที่จะให้กำลังแก่เราในการก้าวไปแต่ละก้าว การอวยพรของพระเจ้าจึงมีแก่เราเป็นระยะๆ เพื่อให้เรามีกำลังและรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ด้วยตลอดเส้นทาง ไม่เพียงแค่ปลายทางเท่านั้น แต่ระหว่างทาง พระพรยิบย่อยก็ส่งมาให้เราอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งยังเป็นตัวชี้แนวทางเสมือนป้ายบอกทางให้กับเราว่ามาถูกทางหรือเปล่าด้วย… และแน่นอนว่าหากระหว่างทางพระพรยังมากมายไม่ขาดสายแล้ว ปลายทางยิ่งมากกว่าเป็นร้อยเท่า  หากใครไปถึงย่อมได้รับเป็นแน่ และเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางเฉพาะเจาะจงถึงเราแต่ละคนด้วย *** ระวังอย่าหลงไปเดินเส้นทางของผู้อื่น เพราะปลายทางนั้นก็มีไว้สำหรับเจาะจงแต่ละคนด้วยเช่นกัน หากเดินในเส้นทางของผู้อื่น แม้เดินไปจนสุดปลายทางก็ไม่มีของๆ เราเตรียมไว้ที่นั่น ด้วยสายตาอันแสนสั้นของเรา อาจคิดว่า… ? ทำไมแสนเนิ่นนานเหลือเกิน ? เมื่อไรหนอจะจบเสียที แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ในอนาคตของเรา ทรงสัพพัญญู จึงทำการเพาะบ่มชีวิตเราในช่วงเวลานี้เพื่ออนาคต เมื่อถึงวันนั้นเราจะสามารถรับพระพรอย่างเต็มขนาด หากเราผ่านไปด้วยกระบุงอันน้อยนิดที่ถือติดมือไปแบบรั่วๆ เมื่อถึงเวลาแห่งการตักตวงพระพร เราอาจอยากกลับมาที่จุดแห่งการเพาะบ่มอีกครั้งก็เป็นได้… แต่คนที่อดทนจนถึงที่สุดย่อมอิ่มปริ เมื่อถึงเวลาแห่งการตักตวงพระพรด้วยภาชนะที่อยู่ในมือนั้นใหญ่มากพอและทนทานพอที่จะเก็บพระพรนั้นไว้กับตัวนานแสนนาน   09/12/2013 12:03… Read More »

การจัดการตัวเอง

การจัดการตัวเองเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ และผู้ที่ต้องการไปต่อ เพราะเราไม่สามารถเดินหน้าโดยมีสิ่งที่รั้งไว้ ฉุดไว้ เพราะจะไปได้ไม่ไกล …ด้วยความเหนื่อยล้านั้นจะบั่นทอนเอากำลังออกไปทีละเล็กละน้อย จนกระทั่งหมดกำลัง หมดเรี่ยวแรง และหมดสิ้นความหวังใจในที่สุด… การจัดการตัวเอง ในฝ่ายวิญญาณ การเคียร์หรือจัดการตนเอง ทำให้เรามีเสรีภาพในทุกๆ ก้าว อีกทั้งชีวิตที่เคียร์ โปร่งใส ย่อมทำให้พระเจ้าฟังถ้อยคำร้องทูลของเรา … ใจที่ขุ่นมัว ไม่สามารถรับรู้ หรือรับฟังเสียงพระเจ้าได้ชัดเจน จึงไม่แปลกที่เสียงของพระเจ้าจะเงียบหายไปในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่เสียงที่ดังก้องมักเป็นเสียงภายในใจของตนเองที่ปรารถนาตามเนื้อหนังความเป็นมนุษย์ต่างหาก เมื่อใดที่สามารถเคียร์ตนเองจนสามารถนิ่งสงบ ไร้ซึ่งอคติ ปราศจากซึ่งความขุ่นมัว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานของพระองค์ได้เต็มขนาดอีกครั้ง พระเจ้าทรงให้เวลาเราเสมอในการจัดการตัวเอง อีกทั้งยังทรงช่วยเหลือเรา เป็นกำลัง และฟื้นฟู ทรงคืนสิ่งดีอย่างยุติธรรมแก่เราและผู้คนรอบข้างเราด้วย ดังนั้นช่วงเวลาเงียบของพระองค์ คือ การที่พระองค์รอคอยให้เรากลับมายืนในจุดที่พร้อมจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานได้อย่างเต็มขนาดอีกครั้ง…   อย่าสงสัยในช่วงเวลาเงียบที่มาถึง เพียงแค่สำรวจตนเพื่อรับการชำระก็เป็นพอ   22/07/2014 10:26  

คำอธิษฐาน : เตรียมชีวิตให้พรักพร้อม

“♥ ข้าแต่พระเจ้า…. ♥ เพราะวันเวลาเคลื่อนผ่านไม่หยุดนิ่ง ♥ เพราะโมงนั้นเวลานั้นไม่มีใครรู้ จะมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ♥ จึงต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ ♥ จึงต้องเตรียมชีวิตให้พรักพร้อมทุกเวลา ♥ จึงต้องเตรียมตัวสำหรับการณ์นั้นที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ♥ จึงต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ให้พร้อมเสมอ ♥ ข้าแต่พระเจ้า… ♥ ขอทรงเสริมกำลังในยามอ่อนล้า ♥ ขอทรงสำแดงความล้ำลึกให้ความเข้าใจทางของพระองค์ ♥ ขอทรงเตือนในยามหลงเพลิดเพลินตามเนื้อหนัง ♥ ขอทรงนำกลับมาเมื่อหย่อนยานจากวินัย ♥ ขอทรงสอนในสิ่งใหม่ๆ เพื่อเข้าใจและเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตระเตรียมตนอีกขั้น ♥ ขอทรงพยุงในยามท้อแท้ แม้ไม่มีใคร ♥ ขอทรงโอบอุ้ม ในยามพลาด สะดุด อย่ายอมให้ชะงัก จนก้าวต่อไปไม่ได้ ♥ ขอทรงประทานถ้อยคำจากพระโอษฐ์ ด้วยสิทธิอำนาจนำชัยชนะมาถึงทันเวลา ♥ ขอทรงให้โอกาสกลับใจใหม่ทุกครั้งที่ผิดบาป ♥ ขอทรงให้พระคุณกอดรัดข้าพระองค์และครัวเรือน ♥ ข้าแต่พระเจ้า… ♥ ดวงตาจะจดจ้องที่พระพักตร์ของพระองค์ ♥ หูจะผึ่งออก จับจ้องที่คำตรัส ถ้อยคำ พระสัญญา… Read More »

แยกแพะแยกแกะ

แพะกับแกะแม้อยู่ที่เดียวกัน กินอาหารเหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน รูปร่างโดยรวมอาจคล้ายกัน แต่มันก็ยังไม่เหมือนกัน เพราะมันเป็นคนละประเภท เราสามารถแยกแยะมันได้ด้วยหน้าตาที่แตกต่าง พฤติกรรมที่แตกต่าง ใช่ว่าจะแยกไม่ออกเสียทีเดียว แยกแพะแยกแกะ การแยกแพะแยกแกะของพระเจ้าไม่ใช่จะเกิดขึ้นแค่บนแผ่นดินสวรรค์ แต่มันจะเกิดบนโลกนี่แหละ ก่อนถึงเวลาจริงที่ทรงกลับมาครั้งที่ 2 ดั่งการแยกข้าวสาลีกับข้าวละมาน ก็รู้แต่แรกแล้ว มองออกตั้งแต่เป็นต้นกล้าแล้ว แต่บางครั้งพระเจ้าต้องยอมปล่อยให้มันเติบโตขึ้นมา หาใช่ว่าปล่อยปละ แต่ได้ไม่คุ้มเสีย   ?เหตุไฉนพระองค์ต้องเสียในส่วนดีไปพร้อมๆ กับส่วนเสีย แต่ยอมปล่อยให้มันโตขึ้นมา เพราะท้ายสุดเมื่อถึงเวลามันก็ไม่ถูกเลือกอยู่ดี มีแต่จะคัดออกและเผาไฟเสียให้ไหม้ ที่อุตส่าห์โตมาจะมีประโยชน์อันใดเล่า การหว่านก็เช่นกัน จะมีประโยชน์อันใดที่เราเฝ้าทนุถนอมจนมันโต แต่กลับถูกทิ้งขว้างและทำลายจนหมดสิ้นในที่สุด ต้นเหตุเกิดจากผิดตั้งแต่เริ่มหว่าน… จะไม่ดีกว่าหรือ ที่เราเลือกหว่านในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้เก็บเกี่ยวผลอันยั่งยืน แทนการถูกทำลายเผาทิ้งในอนาคต มธ. 13:24-30 13:24 พระองค์ตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งได้หว่านพืชดีในนาของตน 13:25 แต่เมื่อคนทั้งหลายนอนหลับอยู่ ศัตรูของคนนั้นมาหว่านข้าวละมานปนกับข้าวสาลีนั้นไว้ แล้วก็หลบไป 13:26 ครั้นต้นข้าวนั้นงอกขึ้นออกรวงแล้ว ข้าวละมานก็ปรากฏขึ้นด้วย 13:27 พวกผู้รับใช้แห่งเจ้าบ้านจึงมาแจ้งแก่นายว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้หว่านพืชดีในนาของท่านมิใช่หรือ แต่มีข้าวละมานมาจากไหน’ 13:28 นายก็ตอบพวกเขาว่า ‘นี้เป็นการกระทำของศัตรู’… Read More »

วิ่งจนถึงเส้นชัย

การแข่งขันทำให้เกิดการกระตุ้นเร้า อยากจะไปถึงเส้นชัย แม้ระยะทางแสนยาวไกล อุปสรรคมากมาย เหนื่อยล้า อ.เปาโลกล่าวถึงการแข่งขันกับตนเอง 1 คร.9:24-27 9:24 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกัน ก็วิ่งด้วยกันทุกคนแต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ 9:25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่างแล้วเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย 9:26 ดังนั้นส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งอย่างนี้โดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนักมวยที่ชกลม 9:27 แต่ข้าพเจ้าระงับความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังให้อยู่ใต้บังคับเพราะเกรงว่าโดยทางหนึ่งทางใดเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้วตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ แต่การแข่งขันกับผู้อื่น มีแต่สร้างแรงกดดัน และเบนเข็มให้ผิดทิศอยู่เสมอ บทเรียนจากเต่ากับกระต่ายวิ่งแข่งกัน กระต่าย ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยด้วยความคิดแข่งขัน จึงทำให้หมิ่นประมาทเต่า สบประมาท และยกตนข่มท่าน จนกระทั่งอวดตัวและความสามารถของตนว่าสูงกว่า ขาดซึ่งความสัตย์ซื่อด้วยประเมินศักยภาพความสามารถของตนไว้เหนือกว่า ♥    สุดท้ายการวิ่งของกระต่ายนอกจากไม่เกิดความสุขแล้วยังพ่ายแพ้ เต่า ♥    วิ่งไปให้ถึงเส้นชัยอย่างต่อเนื่องสุดความสามารถของตนอย่างสัตย์ซื่อ ไม่คิดและไม่สนเรื่องการแข่งขันใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายของมัน คือ เส้นชัย ไม่ใช่ผู้ร่วมทาง มันจึงไม่ต้องยกตัวให้สูงกว่าใคร มันก้าวไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ แต่ไม่ถอย ไม่หละหลวม ♥    ในที่สุดมันก็ได้เข้าเส้นชัย โดยที่มันไม่รู้ตัวหรือสนใจเลยว่า มันมาถึงก่อนกระต่ายผู้อวดตนว่ายิ่งใหญ่   วิ่งจนถึงเส้นชัย 1.  … Read More »

เหตุใดดาวิดจึงฟังนาธัน

แทนที่ดาวิดจะโกรธเคือง เกรี้ยวกราด ที่นาธันมาเตือนตนเองเรื่องความผิดบาปที่ได้ทำต่อบัทเชบาและครอบครัวของเขา ทั้งที่ดาวิดเป็นถึงกษัตริย์ มีทั้งตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจสิทธิอำนาจ ในการสั่งให้ทำอะไรนาธันก็ได้… 2 ซมอ.11:1-27 >> กล่าวถึงความผิดบาปที่ดาวิดทำเรื่องนางบัทเชบา 11:1 และอยู่มาพอสิ้นปีแล้วเมื่อบรรดากษัตริย์ยกกองทัพออกไปรบดาวิดทรงใช้โยอาบพร้อมกับพวกข้าราชการและอิสราเอลทั้งหมดเขาไปกวาดล้างคนอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์ไว้ แต่ดาวิดประทับที่เยรูซาเล็ม 11:2 อยู่มาเวลาเย็นวันหนึ่งเมื่อดาวิดทรงลุกขึ้นจากพระแท่นและดำเนินอยู่บนดาดฟ้าหลังคาพระราชวังทอดพระเนตรจากหลังคาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอาบน้ำอยู่ หญิงคนนั้นสวยงามมาก 11:3 ดาวิดทรงใช้คนไปไต่ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งมากราบทูลว่า “หญิงคนนี้ชื่อบัทเชบา บุตรสาวของเอลีอัมภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” 11:4 ดาวิดก็ทรงใช้ผู้สื่อสารไปรับนางมา นางก็มาเฝ้าพระองค์แล้วพระองค์ทรงร่วมหลับนอนกับนาง พอดีนางได้ชำระตัวให้สิ้นมลทินของนางแล้วแล้วนางก็กลับไปเรือนของตน 11:5 ผู้หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์ นางจึงใช้คนไปกราบทูลดาวิดว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว” 11:6 ดาวิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า “จงส่งอุรีอาห์คนฮิตไทต์มาให้เรา” โยอาบก็ส่งตัวอุรีอาห์ไปให้ดาวิด 11:7 เมื่ออุรีอาห์เข้าเฝ้าพระองค์ ดาวิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกพลเป็นอย่างไร การสงครามคืบหน้าไปอย่างไร 11:8 แล้วดาวิดรับสั่งอุรีอาห์ว่า “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” อุรีอาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากกษัตริย์ตามไปให้ 11:9 แต่อุรีอาห์ได้นอนเสียที่ประตูพระราชวังพร้อมกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของเขา มิได้ลงไปที่บ้านของตน 11:10 เมื่อมีคนกราบทูลดาวิดว่า “อุรีอาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขาพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดรับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “เจ้ามิได้เดินทางมาดอกหรือทำไมจึงไม่ลงไปบ้านของเจ้า”… Read More »

คำอธิษฐาน : ขอพักสงบ และรับกำลัง

“♥ ข้าแต่พระเจ้า… ♥ ข้าพระองค์เข้ามาปรารถนาจะใกล้มากยิ่งๆ ขึ้น ♥ ทรงเป็นแหล่งแห่งกำลัง… ขอโปรดประทานเรี่ยวแรงใหม่ ทุกๆ เช้า ♥ ทรงเป็นแหล่งความสมบูรณ์… ขอโปรดให้เต็มอิ่มในรักพระองค์ ♥ ทรงเป็นแหล่งแห่งความชื่นบาน… ขอโปรดประทานความสงบสุขในทุกสภาวะการณ์ ♥ ทรงเป็นแหล่งแห่งกำบังอันแข็งแกร่ง… ขอโปรดให้ปกคลุมด้วยพระสิริของพระองค์ ♥ ทรงเป็นแหล่งที่ลี้ภัย… ขอโปรดประทานความปลอดภัยใต้ร่มปีกพระคุณ ♥ ทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิต… ขอโปรดประทานให้วิถีเท้าอยู่ในมรรคาของพระองค์ ♣ ข้าแต่พระเจ้า… ♣ ข้าพระองค์ปรารถนาจะพักพิงในพระองค์ ♣ ขอแช่กาย… เพื่อรื้อฟื้นกำลังใหม่ขึ้นดั่งปีกนกอินทรีย์ ♣ ขอพักใจ… ให้สงบ เพื่อวางภาระหนัก ความวิตก ความกังวล ตามธรรมดาโลกต่อพระองค์ ♣ ขอดื่มด่ำ… วิญญาณจิต เพื่อจะโบกโบยบินไปต่อให้สูงขึ้น ♠ พระองค์เจ้าข้า… ♠ เพราะทุกๆ เช้า มีตะวันขึ้นฉันใด ♠ ขอความโปรดปรานและพระคุณมาถึงข้าพระองค์และครัวเรือนฉันนั้น ♠ ให้ทุกๆ เช้าวันใหม่รับกำลังเรี่ยวแรงจากพระองค์ ♠… Read More »

ความยำเกรงพระเจ้า

ความยำเกรงพระเจ้านำปัญญาความเข้าใจและความล้ำลึกมาถึง ผู้ที่ขาดความยำเกรงไม่สามารถเข้าใจสัจจะแห่งความจริงของพระเจ้าได้อย่างถ่องแท้ หรือเรียกว่า “เข้าไม่ถึง” ความถ่อมใจเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของความยำเกรง นั่นแสดงว่า หากมีความยำเกรงพระเจ้า ย่อมมีใจถ่อมเป็นพื้นฐาน คนที่ถ่อมต่อพระเจ้าเท่านั้นจึงจะยำเกรงพระองค์ ผู้ที่หยิ่งผยองก็จะมองข้ามสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าให้โดยสิ้นเชิง อาจเพียงแค่คาดหวังพระพรเท่านั้น เมื่อถ่อมลงปัญญาก็จะถูกเปิดออก เพราะการถ่อมใจจะทำให้เปิดใจ เมื่อใจเปิดก็สามารถรับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและดีขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าจะใส่และเติมให้ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของความยำเกรงพระเจ้าคือ การมอบถวายเกียรติแด่พระเจ้า … ยิ่งถ่อมลง ยิ่งยำเกรง ยิ่งเห็นพระคุณ ยิ่งซาบซึ้ง และรู้ว่าตนเองนั้นเล็กน้อยจริงๆ แต่เป็นพระเมตตาคุณของพระเจ้าต่างหากที่ประทานให้ ทำให้ได้รับและถ่อมลงมากขึ้นอีก และได้รับมากขึ้นอีก ต่อไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรไม่จบสิ้น แต่บางคนจบสิ้น แค่บางช่วงเวลา เนื่องจากขาดจากวัฏจักรแห่งความยำเกรงพระเจ้าในชีวิต ภาพ : วงกลม ไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อไรที่หยุด ก็เป็นจุดจบ และไม่เป็นวงกลมอีกต่อไป สิ่งสอดคล้องกับความยำเกรงพระเจ้า คือ การคิดเห็นแก่พระองค์ … เป็นไปไม่ได้ที่เรายำเกรงคนๆ หนึ่ง โดยที่ไม่แคร์หรือใส่ใจเขา การดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า คือ การสนใจ ใส่ใจทุกรายละเอียดของชีวิตว่าเป็นที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้าหรือไม่ มนุษย์พยายามเอาใจคนที่รัก ด้วยการใช้ชีวิตตามแบบที่เขาชอบ เหตุไฉน? ผู้ที่รักพระเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตตามชอบพระทัยของพระองค์… Read More »

วิธีการของพระเจ้ากับความไม่เข้าใจของมนุษย์

วิธีการของพระเจ้า หลายครั้งมักไม่เข้าใจ หาเหตุผลมารองรับไม่ได้… บ่อยครั้งที่พระเจ้ามักมีวิธีการที่เกินความเข้าใจของเรา เกินขอบเขตความสามารถของเราที่จะคิดได้ เนื่องจากมนุษย์มีความจำกัดหลายๆ ด้าน ทั้งมิติเวลา ทั้งความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และอื่นๆ แต่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูไม่ทรงถูกจำกัดด้วยสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายต่อหลายครั้ง แม้จะควาญหาเหตุผลหรือข้อมูลใดๆ ก็ไม่สามารถรองรับแนวทางของพระเจ้าได้เลย แต่เมื่อใดก็ตามที่เชื่อฟังได้… นั่นแสดงว่าสอบผ่าน 2 เรื่อง คือ 1. ความเชื่อ >> เพราะมันมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ ไม่ได้เป็นไปตามปกติวิธี แต่ยังคงเชื่อในพระเจ้าอยู่ 2. ความวางใจ >> การเชื่อฟังแบบหาเหตุผลมารองรับเป็นรูปธรรมไม่ได้ ต้องอาศัยความไว้วางใจต่อผู้ที่เรากำลังเชื่อ จึงจะสามารถเชื่อฟังได้ และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด จะได้รับพระพร 3 ด้าน 1. พระพรแห่งความเชื่อ = ได้รับตามที่ทรงสัญญา ฮบ.11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง 2. พระพรแห่งความวางใจ = สันติสุข มีกำลัง มีปัญญา 3. พระพรแห่งการเชื่อฟัง… Read More »

ไม่เคยพร้อม

พระเจ้ามักเรียกร้องให้ตอบสนองในวันเวลาที่ดูเหมือนอะไรๆ ก็ไม่พร้อมสักอย่าง เพราะที่เราควรเตรียมตัวคือ ชีวิตเรา พระเจ้าไม่ได้สนใจสิ่งที่เรามี แต่สนใจหัวใจที่พร้อมจะไปกับพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมให้ เพื่อให้เห็นว่าไม่ใช่เรี่ยวแรงของเราเอง แม้ท่ามกลางความไม่พร้อม ภาระที่ดูเหมือนประดังเข้ามายามที่ทรงเรียกร้องให้ก้าว ดูเหมือนทิ้งไปไม่ได้ในเวลาที่ทรงเรียก … •    หัวใจของเราเป็นเช่นไร? ในเวลานั้น… •    ยังคงมอบให้พระเจ้าได้หรือเปล่า? •    ยังกล้าที่จะถวายแม้ในความไม่พร้อมนั้นหรือไม่? … แม้มีเพียงแค่ 2 เหรียญสุดท้ายในชีวิตดั่งหญิงหม้ายคนนั้นหรือเปล่า? … แต่อย่าลืมว่าพระเยซูทรงพอพระทัยหญิงหม้ายแสนเล็กน้อยคนนั้นมากกว่าเศรษฐีที่ถวายเงินถุงใหญ่เสียอีก •    ลก.21:2-4     21:2 พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนยากจนนำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย     21:3 พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้     21:4 เพราะ ว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวายแด่พระเจ้า แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด” •    ยังเป็นดั่งมารีย์ที่อยู่แทบพระบาทพระเยซูโดยละทุกสิ่งที่จำเป็นต้องทำหรือเปล่า? •    ลก.10:38-42     10:38 และต่อมาเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกกำลังเดินทางไป พระองค์จึงทรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารธาต้อนรับพระองค์ไว้ในเรือนของเธอ     10:39 มารธามีน้องสาวชื่อมารีย์ มารีย์ก็นั่งใกล้พระบาทพระเยซูฟังถ้อยคำของพระองค์ด้วย   … Read More »