? เหตุใดพระเยซูจึงมักตำหนิว่า “คนในยุคนี้ ช่างมีความเชื่อน้อยเสียเหลือเกิน”
คำตรัสนี้สะท้อนบางสิ่งบางอย่างให้เราได้เห็น ได้เรียนรู้
พวกเขาไม่กล้ามอบถวายให้พระเจ้า เพราะว่าลึกๆ เขาไม่เชื่อในความสามารถของพระเจ้า…ว่า…
• พระองค์ยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะช่วยเขาได้
• พระเจ้าจะมาทันเวลา
• พระองค์จะกอบกู้
คนจำนวนมาก จึงเลือกที่จะตัดสินใจสิ่งต่างๆ ตามความรู้สึก ความคิด และตามแผนการณ์ของตนเอง ด้วยแรงกำลังความสามารถและประสบการณ์ของเขา โดยใช้กระบวนการประมวลผล ชั่งตวงน้ำหนัก ของผลประโยชน์ที่จะได้กลับมา … แทนที่ความเชื่อ … เพราะความเชื่อวางใจเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น วัดไม่ได้ เว้นเสียแต่ต้องเสี่ยงลงทุน ด้วยหัวใจจ่ายออกไปก่อน ดังนั้นผู้ที่จะเชื่อฟังได้ จึงต้องสงบนิ่งเสียก่อน
ฮบ.11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
เป็นไปได้หรือ? ที่พระเจ้าจะเสี่ยงกับเรา เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย เพื่อลบพระลักษณะแท้แต่ดั้งเดิมที่ทรงเป็นอยู่นิรันดรนั้น ด้วยการผิดจากที่พระองค์ตรัส หรือสัญญา … แท้จริงคนที่เชื่อไม่ได้ คือ คนที่ไม่รู้จักกับพระลักษณะแท้ของพระเจ้าในแต่ละด้านต่างหาก … ทรงมีพระนามว่า “เราเป็น”
♣ ♣ ♣ ปัญหาของเรา คือ การเรียนรู้ต่างหาก เมื่อเราขาดความเชื่อ สิ่งสำคัญไม่ใช่การไม่เชื่อ หรือเลิกเชื่อ แต่สิ่งสำคัญคือ ทำเช่นไร? เราจึงจะสามารถมีความเชื่อเช่นนั้นได้
ฮบ 11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของ พระองค์ก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์
คนหลายคน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่แก้ผิดจุด ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีการพัฒนาความเชื่อให้หนักแน่นมั่นคงขึ้น เข้มแข็งขึ้น ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้ามากขึ้น ให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น… หากวิธีการเดิมๆ ใช้ไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า เราจำเป็นต้องขยับขยายชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมมากขึ้น เพื่อจะสามารถได้รับมากขึ้น
*** หากเราตำหนิชี้จุดผิดให้คนอื่นได้ แต่ตนเองไม่ยอมกลับใจใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับฟาริสี ที่พร่ำพูดบทบัญญัติให้ผู้อื่นรักษา เพราะใครก็ตามที่รักษาบทบัญญัตินั้นย่อมจำเริญขึ้น และได้รับพระพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตรงข้ามฟาริสีกลับรับอะไรไม่ได้เลยจากสิ่งที่เขาให้ผู้อื่น
10/04/2014 20:27