บุรุษผู้หนึ่งใส่ชุดเกราะเต็มยศ ขี่ม้าตัวสูงใหญ่สีขาวถือดาบยาวเหมือนหอก วิ่งมาด้วยความเร็วสูงลงมาจากท้องฟ้า (เร็วขนาดที่ระยะทางจากฟ้าถึงตัวข้าพเจ้าคือ… ทันทีทันใด!!) หยุดอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า … ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่บนกำแพงยาวสุดลูกหูลูกตา ขณะเงยหน้าเพ่งมองบนฟ้าชื่นชมความงามของแสงอาทิตย์ยามเย็น ลักษณะสีส้มทอแสงทอง สว่างไสว สวยงามจนไม่สามารถละสายตาไปได้ ความสวยงามนี้ทำให้เกิดความอิ่มเอิบในใจลึกๆ เหมือนว่าสงบนิ่งอยู่ได้ เป็นความรู้สึกปกติสุข …
ในขณะห้วงเวลาที่บุรุษผู้ขี่ม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เทียบขนาดตัวข้าพเจ้าเล็กประมาณครึ่งขาของม้าเอง ตัวข้าพเจ้าสูงไม่ถึงส่วนท้องของม้าด้วยซ้ำ หน้าเงยมองดูม้านั้นและบุรุษผู้อยู่บนหลังม้า ใจภายในตกใจระคนกับตื่นเต้น ทั้งเกรงกลัว จนกระทั่งต้องคุกเข่าลงกับพื้น…
บุรุษนั้นยื่นดาบที่มีด้ามยาวเหมือนหอกที่อยู่ในมือของเขาออกมา ชี้ตรงมาที่หน้าข้าพเจ้า ซึ่งไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา ได้แต่เพ่งมองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป นึกสงสัยในใจว่าทำไมดาบนั้นถึงถูกชี้ตรงมาที่หน้าของตัวเอง ในเสี้ยวนาทีนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น “จงรับไว้” (เป็นเสียงที่ดังมาจากภายในตัวเอง > เล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในที่คอยช่วยให้ความกระจ่าง) จู่ๆ ดาบยาวเหมือนหอกก็ได้มาอยู่ในมือข้าพเจ้าเป็นที่เรียบร้อย แต่ความยาวหดสั้นลงเล็กน้อยกลายเป็นพอเหมาะกับมือ … คือส่วนด้ามที่ยาวเลยข้อศอกไป หดสั้นเข้ามาพอดีกับมือ แต่ส่วนคมยังคงยาวเหมือนเดิม ข้าพเจ้าเผลอยืนขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทันตั้งตัว แต่รู้ตัวอีกทีก็ยืนขึ้นพร้อมมือถือดาบ … บุรุษผู้นั้นจ้องมองข้าพเจ้า แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ก็ตาม แต่สายตาที่จ้องมานั้นแลดูมั่นคง ดุดันดั่งตั้งมั่นเสมือนว่าไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนหรือเปลี่ยนแปลงได้ …
ในขณะนั้นข้าพเจ้าเหลียวมองไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังกึกก้องจากฟ้าสวรรค์ลงมาพุ่งตรงเข้าที่หัวใจ เป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นในทันที… คือสิ่งที่ปรากฏแก่ตา … ท้องฟ้าที่ถูกแหวกออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มองเห็นเมฆหนาทึบหลากหลายสี ดังสีรุ้งระเรื่อบนฟากฟ้า เหนือเมฆมองเห็นฟ้าสวรรค์ ความเป็นไปที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ เหมือนเมื่อครั้งที่ไปสวรรค์ออกบ่อยๆ แต่ครั้งนี้เท้าข้าพเจ้ายืนอยู่บนผืนแผ่นดินโลก แต่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่บนสวรรค์ทะลุผ่านชั้นฟ้าและเมฆ ….
เสียงที่ดังกึกก้องนั้นมาจากฟ้าสวรรค์รอดผ่านช่องท้องฟ้าที่แหวกออกยิงตรงมาภายในใจว่า … “ แม้เท้ายืนอยู่บนแผ่นดินโลกก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เป็นไปบนแผ่นดินสวรรค์ได้ ไม่จำเป็นต้องมายืนบนสวรรค์ถึงเห็นได้อีกต่อไป ” ความเข้าใจใหม่ รับรู้และตอบสนองโดยทันทีว่า *** ดาบคือสิทธิอำนาจที่พระเจ้ามอบให้*** ส่วนการมองเห็นทะลุมิติฟ้าสวรรค์นั้นเป็นอีกขั้นที่ถูกยกระดับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อเชื่อมต่อแผ่นดินโลกและแผ่นดินสวรรค์ได้มากขึ้น (เมื่อก่อนต้องไปสวรรค์เพื่อเห็นและรับรู้ของจริง แต่บัดเดี๋ยวนี้แม้ตัวอยู่บนโลกก็ได้รับรู้บนสวรรค์เทียบเท่ายืนบนสวรรค์เหมือนที่พระเยซูพาไปจริงๆ การไปหลายครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดจริง เป็นการไม่ยึดติดรูปแบบเดิมอีกต่อไป) การมองดูและเฝ้าสังเกตุสิ่งที่เห็น ดูเหมือนเป็นไปตามธรรมดาโลก แต่แท้จริงกำลังเฝ้ามองดูและสังเกตุสิ่งที่พระเจ้าทรงทำในฟ้าสวรรค์ต่างหาก แม้ไม่ต้องไปสวรรค์พระเจ้าก็สามารถเปิดเผยได้แบบเดียวกับที่ทรงพาไป…
สักครู่หนึ่งเมฆก็เคลื่อนมาปิดช่องนั้น ภาพที่เห็นเหมือนท้องฟ้ายามปกติ ยามที่เราหรือคนอื่นๆ มองเห็นทั่วๆไป และเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นพยานภายในใจว่า … “ จงเฝ้ามองดูและสังเกตุสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ … เหมือนปกติแต่จะไม่ปกติ เหมือนธรรมดาแต่จะมีเวลาเปิดออก เหมือนจะมองไม่เห็นแต่จะทรงเปิดเผย เหมือนท้องฟ้าทั่วๆ ไป แต่จะทรงเปิดฟ้าสวรรค์ให้ เหมือนเวลาทั่วๆ ไป แต่จะมีเวลาเจาะจงที่ไม่รู้ล่วงหน้า และจะทรงใส่ความรู้สึกพิเศษเพื่อให้ไวและเข้าใจ เพื่อให้รับและร่วมไปกับพระองค์”
*** อยู่กับพระเจ้าในทุกเวลา เพราะเป็นไปได้ทุกเวลาที่จะทรงทำ เมื่อพร้อมก็จะได้รับ เมื่อพลาดก็จะอด และน่าเสียดายเพราะมันเป็นของเรา ***
240513