ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู

By | 2014/01/17

มธ.10:24-25
24 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู และทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน
25 ซึ่ง ศิษย์จะได้เป็นเสมอครูของตน และทาสเสมอนายของตนก็พออยู่แล้ว ถ้าเขาได้เรียกเจ้าบ้านว่าเบเอลเซบูล เขาจะเรียกลูกบ้านของเขามากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด

ลก.6:40
40 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนครบแล้วก็จะเป็นเหมือนครูของตน

หากโลกนี้เป็นเหมือนหนังจีนกำลังภายในที่ครูหรืออาจารย์มักเก็บวิชาสุดยอดไว้สำหรับตัวเอง เช่นมี 10 ถ่ายทอดได้ไม่เกิน 9 คงจะมีคนรุ่นถัดไปไม่เกิน 10 รุ่นก็ต้องล้มหายตายจากไปหมดแล้ว แต่โลกเราจนถึงทุกวันนี้กว่า 2,000 ปี (กว่ามากๆ หลายพันปี) พัฒนาการด้านต่างๆ กลับไปไกลมากขึ้น เร็วขึ้น หากศิษย์ใหญ่กว่าครูไม่ได้ ดีกว่าหรือเก่งกว่าครูไม่ได้ โลกยิ่งต้องเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ

แท้จริงการอวยพรและสร้างของพระเจ้าในชีวิตเรานั้น จำเป็นต้องมีครูเป็นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ซึ่งเป็นครูคนแรกของเรา หรือจะเป็นครูที่โรงเรียน ต่อมาครูที่คริสตจักร ทุกคนล้วนเข้ามาเพียงเพื่อพัฒนาและสร้างพื้นฐานแต่ละด้าน แต่ละช่วงเวลาให้กับเรา ส่วนการจะไปต่อได้มากน้อยเพียงใด เป็นเอกลักษณ์จนโบยบินอย่างมีอิสระเสรีภาพและชำนาญเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับ…ตัวเราเองเป็นปัจจัยหลัก

แต่ครูเหล่านี้ต่างก็มีบทบาทอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งอดทน ปล้ำสู้ และจ่ายราคาในชีวิตของเรา พวกเขาจึงเป็นบุคคลที่สมควรได้รับเกียรติอย่างยิ่ง การให้เกียรติจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พระเจ้าให้เรามีต่อครู เราสามารถพัฒนาตนเองไปได้ไกลแสนไกล หากชีวิตเรามีคนนำทาง ปูทางให้กับเรามาอย่างดี โอกาสของคนมีครูย่อมสูงกว่าคนที่ไม่มีครู หรือไม่มีครูที่ดี บางเวลาครูอาจหมายถึงสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมก็เป็นได้ ไม่จำกัดเพียงแค่บุคคลเท่านั้น เพราะเราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสิ่งที่อยู่รอบด้านของเรา เมื่อครูส่งเราจนถึงจุดหมายหรือหมดวาระและเวลาของครูผู้นั้นแล้ว ก็ไม่แปลกที่เราเองจะออกไปเผชิญโลกภายนอก เพื่อค้นหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ หรือสร้างสิ่งใหม่ให้กับตนเอง เนื่องจากชีวิตเรามาถึงจุดพลิกผัน ต้องก้าวออกจากโรงเรียนหรือบ้านเสียแล้ว แต่ถึงกระนั้นการก้าวออกไปของแต่ละคนย่อมสะท้อนพื้นฐานที่เราเคยได้รับมา เป็นแน่

เมื่อเราไปได้ดีแล้ว คนจำนวนไม่น้อยคิดล้างครู คิดว่าตนเองใหญ่กว่า ดีกว่าและแน่กว่า ทั้งทอดทิ้ง ให้ร้าย หรือยกตัวข่มท่าน แข่งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่พระเยซู ทรงตรัสเตือนสติว่า “ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู” เพื่อให้ระลึกว่าที่มีวันนี้ได้เพราะชีวิตเรามีครูนั่นเอง

บางคนอาจเข้าใจผิดคิดตีความตามตัวอักษร เป็นเหตุเปิดช่องให้มารซาตานทำงาน ใส่ความคิดด้านผิดๆ ไม่ยอมพัฒนาตนเองต่อไป แท้จริงคนเราย่อมมีช่วงเวลาของตนเอง แม้ศิษย์ออกจากครู ครูก็ต้องพัฒนาตนเองเฉกเช่นเดียวกันกับศิษย์นั่นเอง … แม้กระทั่งพ่อแม่ก็เช่นกัน จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบเดินหน้าของตนเองต่อไปในขณะเดียวกันลูกก็กำลังก้าวไปสู่วิถีชีวิตของตนเองที่สามารถแยกครอบครัว แยกตนเองออกไปได้ เช่นนี้แล้วเราต่างก็กำลังเติบโตและพัฒนาตนเองสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ และแท้จริงกฎของโลกนี้ก็อยู่ภายใต้กฏของพระเจ้าด้วยเช่นกัน

*** นัยสำคัญ คือ การให้เกียรติผู้เป็นครู หรือผู้นำ ผู้อาวุโสนั่นเอง เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นคนที่ผ่านร้อนหนาวมามากกว่าและมีประสบการณ์ชีวิตที่ยาวนานกว่า อาจเป็นไปได้ที่เราได้รับเมตตาจากพระเจ้าให้มีความชำนาญหรือมีประสบการณ์ในบางด้าน บางเวลามากกว่า ลึกซึ้งกว่า แต่นั่นจะเกิดขึ้นได้หลังจากเราได้ผ่านกระบวนการสร้างและลงทุนของครูที่พระเจ้าส่งเข้ามาให้กับเรานั่นเอง

การให้เกียรติที่แท้จริง คือ การระลึกถึงและยกย่องคนเหล่านี้ที่เคยสั่งสอนและปูพื้นฐานในชีวิตของเรา ในช่วงเวลาหนึ่งและอาจจะบางด้านอย่างเจาะจง

หลักการให้เกียรติอาวุโส และผู้มีสิทธิอำนาจ เช่น บิดามารดา ผู้นำ ผู้ปกครองบ้านเมือง ย่อมนำการอวยพรมาถึงชีวิตของเราเอง เป็นตัวสะท้อนความนบนอบถ่อมใจต่อมนุษย์ผู้สมควรได้รับเกียรติ เราอาจไม่มีวันนี้หรือมาถึงจุดนี้ได้หากไม่มีคนเหล่านี้ หากปราศจากพ่อแม่ ครู ผู้นำ คริสตจักร เราอาจไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ดีหรือมาไกลถึงเพียงนี้ นี่ต่างหากคือหลักการศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู

ฉธบ.5:16 จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า

060613

0Shares