จงระวังให้ดี อย่าให้ค่านิยม ปรัชญาใดๆ บนโลกเข้ามาแทนที่พระวจนะของพระเจ้า
ด้วยว่าพระวจนะ ทรงพลานุภาพและได้รับการรับรองจากพระเจ้าเป็นแน่ เพราะพระเจ้าทรงตรัสด้วยพระโอษฐ์ (ปาก) ของพระองค์เอง และมอบให้เราด้วยพระหัตถ์ (มือ) ของพระองค์เอง
2 ทิโมธี 3:16-17
16พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม
17เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง
ข้อคิด ปรัชญาต่างๆ บนโลก มีหลายสิ่งหลายอย่างดีจริง แต่ไม่อาจนำมาทดแทนหรือแทนที่พระวจนะของพระเจ้าได้ ข้อคิดเชิงปรัชญาเหล่านั้นสามารถทำคุณประโยชน์ให้กับบางคนได้ในบางเวลา มันไม่สามารถเป็นสูตรสำเร็จได้ เพราะไม่มีการรับรองใดๆ จากผู้ใดเลย เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่ง แง่คิดหนึ่ง ของบางกลุ่มคนในบางเวลาเท่านั้น ซึ่งหากใครทำตามย่อมได้ประโยชน์ร่วมบ้าง
แต่พระวจนะพระเจ้าเป็นจริงสำหรับทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าใครที่นำไปทำตามย่อมเกิดผล และได้รับการรับรองจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรับรองพระดำรัสของพระองค์เอง
คนในโลกมากมายต่างฉงนสนเท่ห์ในความอัศจรรย์เหล่านี้ จึงได้มีการศึกษา ค้นคว้า และทำตามพระบัญญัติหลักการของพระเจ้า นำไปประยุกต์ใช้ในงานและบริบทของตน แม้พวกเขายังไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ก็ได้รับการรับรองให้เกิดผลอยู่ดี
เช่น …
หลักการหว่าน การเก็บเกี่ยว
หลักการให้เกียรติบิดามารดา เพื่อไปดีมาดีบนแผ่นดินโลก
หลักการความสัตย์ซื่อ
แต่หลายครั้งคริสเตียนกลับสวนกระแสความจริงที่พระเจ้าตั้งไว้ในมือ ด้วยการเสาะแสวงหาว่า โลกนี้มีปรัชญาอะไรน่าสนใจ และรับมันเข้ามาประหนึ่งว่า แทนที่พระคำของพระเจ้าได้เลย
ช่องทางเหล่านั้นไหลเข้ามาผ่านชีวิตประจำวันที่ลดทอนการแสวงหาความจริงและเคร่งครัดในการเดินตามพระคำของพระเจ้า อาทิเช่น ละคร สื่อต่างๆ คำวิพากษ์วิจารณ์ ข้อคิดเห็นส่วนตัว บทสรุปบางอย่าง แนวความคิดที่ตรงกับอารมณ์บางห้วงชีวิตของตน…
แท้จริงไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเปิดใจออกศึกษา เรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ เพราะเราจำเป็นต้องดำรงชีวิตบนโลกนี้ แต่การระมัดระวังจะทำให้เพิ่มการไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ล้อมรั้วชีวิตของตนเองเป็นอย่างดีไม่ให้หลงกลติดกับดักที่ดูเนียนจนแยกออกยากเหลือเกิน ด้วยเส้นบางกริบ
ปรัชญาต่างๆ
1. การศึกษาและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าในแต่ละวัน แต่ละเวลา แต่ละเรื่อง เป็นเรื่องส่วนตัวที่จำเป็นต้องให้เวลา เห็นคุณค่า และลงมือปฏิบัติจนเป็นชีวิตจริง เพื่อเป็นเกราะป้องกัน และเป็นมาตรฐานตรวจสอบสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา อีกทั้งเป็นเส้นแบ่งขอบเขต การตัดสินใจเลือกทางเดินในชีวิตตน
2. ไม่มีใครสามารถรับผิดชอบชีวิตแทนกันได้ (เว้นเสียแต่ พ่อแม่ต้องรับผิดชอบบุตรในยามเด็กเล็ก จนกว่าเขาจะโตจนสามารถตัดสินใจเองได้ หรือมีครอบครัวของตนเอง , สามีภรรยารับผิดชอบกันและกัน เนื่องจากเป็นกายเดียวกัน) ดังนั้น การศึกษาพระคำส่วนตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด และจะเห็นผลอย่างชัดเจนของการสะสมพระคำ ก็ในยามยากของชีวิต
3. หากต้องการการรับรองจากพระเจ้า … สิ่งเดียว คือ เดินตามพระวจนะ เพราะพระเจ้าทรงรับรองพระคำ ไม่ใช่รับรองปรัชญาใดๆ บนโลก แม้ว่ามันจะดีก็ตาม
4. แท้จริงปรัชญา ข้อคิดที่ดีๆ หลายอย่างมาจากรากฐานพระคำ ที่เขานำไปประยุกต์ แล้ว … เหตุไฉน??? จึงยังมัวเสาะหาที่ปลายน้ำแทนต้นน้ำเล่า
5. ระมัดระวังอย่ายอมแทนที่พระคำของพระเจ้าด้วยข้อคิดหรือปรัชญาบางอย่างที่ดูดี (แม้จะดีจริง ก็ไม่สามารถแทนที่ได้อยู่ดี) จงเลือกทำตามพระเจ้ามากกว่าเสียงของโลกนี้ เพราะการรับรองจากพระเจ้าจะมาถึงอย่างแน่นอน
6. พึงระลึกไว้เสมอว่า พระวจนะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลานุภาพและสิทธิอำนาจแห่งชัยชนะและการครอบครอง แต่ปรัชญา แนวคิดเป็นเพียงพลังที่คอยปลุกเร้าใจให้มีแรงกระตุ้นจากภายนอก เป็นกำลังใจ และแบบอย่างที่ดี
7. เมื่อสามารถแยกแยะออกว่า สิ่งใดดี สิ่งใดทรงคุณ สิ่งใดดียอดเยี่ยม สิ่งใดเป็นที่ชอบพระทัยพระบิดา… ย่อมทำให้ทิศทางชีวิตมีความมั่นคง แม้ว่าสภาวการณ์ต่างๆ ในโลกนี้จะสั่นคลอน หรือขึ้นลง แต่ผู้ที่รู้และยึดพระคำไว้ให้มั่น ย่อมมีความหวังใจ ที่ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ และจะได้รับในเวลาอันสมควรอย่างแน่นอน
โรม 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
8. ท้ายที่สุดแล้ว ต้องสามารถแยกระหว่างข้อคิดที่ดี ปรัชญาที่เป็นประโยชน์ กับพระวจนะของพระเจ้าออกจากกัน โดยให้แกนหลัก และคำตอบหลักของชีวิตวางอยู่บนบรรทัดฐานของพระวจนะ ทั้งนี้สามารถใช้ข้อคิด ปรัชญา เพื่อเสริมสร้างด้านต่างๆ ได้ แต่ไม่สามารถเป็นบทบัญญัติในชีวิตคริสเตียนได้
2015-09-21