หลายครั้งสิ่งร้ายๆ ที่เข้ามา สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนหรือแนวการกระทำ วิถีชีวิตที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะทุกการหว่านย่อมมีการเก็บเกี่ยว เมื่อผลสำแดงออกมา ย่อมสะท้อนย้อนกลับไปถึงวันเวลาแห่งการหว่าน
เพราะทำผิด จึงมีผลที่ผิดๆ ออกมา
เพราะหว่านสิ่งไม่ดี จึงมีผลที่เน่าแฟะออกมา
เพราะเคยละเลย จึงมีผลร้ายแห่งความเลินเล่อเกิดขึ้น
เพราะไม่ชอบธรรม จึงต้องรับผลแห่งความผิดพลาด
.
.
.
หลายครั้งมนุษย์มักจดจำเป็นอย่างดี เมื่อถูกทำร้ายหรือถูกกระทำ แต่มักหลงลืม ไม่ยอมรับ หรือแกล้งลืม เพื่อบิดเบือนความผิดของตนเอง เพราะไม่อยากรับผลที่ไม่ดี
อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม ใช่ว่าเป็นคริสเตียนแล้วจะรอดพ้นจากผลแห่งการหว่าน พระเจ้าทรงยุติธรรมต่อมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อพระเจ้าหรือไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม
เมื่อสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา สิ่งแรกที่ควรทำคือ สำรวจตนเองและแสวงหาพระเจ้า เพื่อรับการช่วยกู้
พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้บุตรที่รักตกอยู่ในบาป หรือแช่ตัวเองอยู่ในวิถีของบาป ดังนั้นพระองค์จะมีวิธีการอันแสนดี เพื่อนำการขัดเกลา และนำเรากลับสู่ที่ทางอันชอบธรรม การเปิดเผยและการบอกอย่างเจาะจงถึง สิ่งที่ต้องกลับใจใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต เป็นเรื่องปกติที่พระเจ้าจะทำ… แต่หลายครั้งมนุษย์มักเพิกเฉย แต่ความผิดบาปของตน และลดทอนน้ำหนักด้วยการคิดหาทางออกว่า ไม่เป็นไร มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับได้ในการสนับสนุนบาปของตน
แท้จริงบาป คือ บาป แต่บาปจะไม่เป็นบาปเมื่อคนบิดเบือนและคิดนิยามว่าไม่บาป… ซี่งเป็นเพียงการหลอกตนเองเท่านั้น แต่ไม่สามารถหลอกลวงพระองค์ผู้ทรงชันสูตรได้ ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้เหมือนพระเจ้า ไม่มีใครแอบซ่อนสิ่งใดๆ ไว้ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระเจ้าได้
ตัวอย่าง : เมื่อคนขับรถทำผิดกฎจราจร ถูกตำรวจเรียกย่อมเสียค่าปรับ แต่หากตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรที่ผิดเลย ย่อมผ่านไปได้
แต่หากเมื่อเจอความผิด สิ่งที่ตอบสนองหรือโต้กลับคืออะไร
– นิดเดียวเอง
– ไม่เคยทำผิดเลย เพิ่งทำนี่แหละ
– เถียงแม้รู้เต็มอก
– ร้องขอความเห็นใจ ให้ปล่อยไป แม้จะผิดจริง
– บิดเบือน โวยวาย ด้วยการทำให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากบทลงโทษ
– ฯลฯ
.
.
.
ดังนั้นวันนี้สิ่งที่เป็นผลออกมา มันสะท้อนอะไรบ้าง
เบี้ยล่าง
1. ถึงเวลาที่เราควรกลับใจใหม่ มากกว่าเรียกร้องความเห็นใจ จากความเจ็บปวดที่ได้รับผลจากการหว่าน
*** เชื่อเถิดว่า… พระเจ้ารักและปรารถนาจะเยียวยาเราให้หายขาด มากกว่าอยากให้เราตกเป็นเบี้ยล่างอยู่เช่นนั้น
2. คนที่ยอมรับ และกลับใจใหม่ จะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด ความอับอายของเนื้อหนัง และรับผลเหล่านั้นให้ผ่านไป… แต่หลังจากนั้นชัยชนะจะปลดปล่อยให้เป็นไท แน่นอนว่าครั้งนี้อาจเจ็บปวดและอับอาย แต่ครั้งต่อๆ ไปจะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป ซึ่งตรงข้ามกับคนที่ไม่ยอมเผชิญเพื่อให้ผ่านพ้นไป ดังนั้นชีวิตทั้งชีวิตจึงตกอยู่ในสภาพเบี้ยล่าง
3. เราควรไวต่อการเตือนสติ และรับการสอน การสร้าง การเปลี่ยนแปลงใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์…
*** เชื่อเถิดว่า พระเจ้าไม่เคยผิดพลาด หากทรงสำแดงหรือตรัสเพื่อเปิดเผยบางสิ่งซึ่งเป็นตัวตนลึกๆ ของเรา แม้เราเองยังไม่รู้ตัว หรือไม่ยอมรับ …. แต่การยอมรับและยอมจำนนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทำให้เราถูกเพิกถอนสถานภาพเบี้ยล่างออกไปจากชีวิต ในทางตรงกันข้าม หากเราพยายามต่อสู้พระเจ้า ด้วยความคิด และเหตุผลเข้าข้างตนเอง นั่นหมายถึง การยืนกรานในความถูกต้องของตนเอง เหนือพระเจ้า การช่วยกู้ย่อมเข้าไม่ถึงชีวิตเรา
4. เพราะมารซาตานไม่สามารถแตะต้องหรือทำอะไรผู้ที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วได้ มันทำได้เพียงวนเวียนรอบๆ กาย และมองหาจุดอ่อน เมื่อมันเจอนั่นคือ… โอกาสที่มันจะพุ่งเข้าชนอย่างไม่หยุดยั้งหรือปรานี ดังนั้นเมื่อมารซาตานเล่นงานเราได้ นั่นเป็นเพราะมีส่วนที่มันทำได้เปิดอยู่
(ยกเว้นกรณีเดียว คือ กรณีเหมือนโยบ ที่พระเจ้าอนุญาตเพราะความเข้มแข็ง และแข็งแกร่งในความเชื่อของโยบ แต่ถึงกระนั้นมารก็ทำอะไรโยบไม่ได้เลย จิตใจอันเข้มแข็งทำให้มารพ่ายแพ้ พระเกียรติเป็นของพระเจ้า แต่พระพรของโยบกลับทวีคูณ)
5. หากไม่รีบจัดการสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ต้องตกอยู่ภายใต้สิ่งนั้น การตกเป็นเบี้ยล่างก็ยังคงเป็นเหมือนเงาตามตัวอยู่เรื่อยไป แล้วใครจะช่วยได้ เพราะแม้พระหัตถ์พระเจ้า ยังปัดออกให้ห่างไกลจากตนเลย
21/05/2015 18:30