หมากของยูดาส

By | 2013/11/07

แท้จริงพระเจ้ามีแผนการในเราแต่ละคน อันที่จริงไม่ว่าจะดีหรือร้าย เรื่องดีหรือแย่ ล้วนเป็นหมากอันหนึ่งที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของเราทั้งสิ้น เฉกเช่นเดียวกับยูดาส หากปราศจากชายผู้คิดทรยศในวันนั้น หากปราศจากเหตุการณ์ในวันปัสกา การไถ่นั้นจะออกมาในรูปแบบใด?  เพราะพระเจ้าทรงรู้ทุกมิติ แม้ในความคิดที่ซ่อนอยู่เบื้องลึก หรือแม้แต่สิ่งที่จะทำให้เราล้มลง ทรงให้โอกาสแก่เราเสมอ แต่สิ่งที่ต้องเป็นไปก็ยังคงเป็นไปเสมอ พระองค์สำแดงพระกรุณาคุณกับเราแต่ละคนอย่างยุติธรรม แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนหรือทุกครั้งที่จะตระหนักและรับพระคุณนั้นไว้เสมอไป

การดำเนินชีวิตของเราแต่ละวัน แต่ละห้วงเวลาก็เช่นกัน มีบ้างที่มีสิ่งดีๆ เข้ามา แต่บางเวลาก็มีเรื่องร้ายๆ เข้าปะทะ มีบางโอกาสสิ่งที่ดี คนที่เคยดีก็แปรเปลี่ยน มันไม่สำคัญว่าเขาคนนั้นจะดีหรือแย่กับเรา เพราะเขายังคงเป็นเขา และเราก็ยังคงเป็นเรา แต่สิ่งที่สำคัญคือ… อะไรที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น? เบื้องหลังคืออะไร? … และท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ทรงควบคุมเราอยู่คือ พระเจ้า

บางทีเมื่อเวลาผ่านไป เราโตมากขึ้น มุมมองทัศนคติของเราเปลี่ยนไป เราก็จะเกิดการเข้าใจและนึกย้อนขอบคุณทั้งบุคคลและสถานการณ์เหล่านั้น แต่อาจมีที่เรายากจะเอ่ยเนื่องจากครั้งที่เราเผชิญกับปัญหาแรงกดดัน ด้วยความไม่เข้าใจ เราได้ตะบี้ตะบันมันซะเละ ไม่เหลือซาก หรือวี่แววแห่งการคืนดีเอาเสียเลย … ทำได้แค่เพียงนั่งรอรับผลแห่งการสูญเสียเพื่อแลกมาซึ่งการเติบโตมากขึ้น มุมมองที่กว้างขึ้น ประสบการณ์ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น

เราจึงสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้จากบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่าแล้วก็มองว่า … “เขาทำกันได้อย่างไร เขาคิดแบบปลงชีวิตซะได้อย่างไร” แต่แท้จริงพวกเขาไม่ได้ปลงชีวิต แต่ล้วนมาจากประสบการณ์ที่เขาได้เคยเรียนรู้และสูญเสียมาแล้วทั้งสิ้น แต่กว่าเราจะเข้าใจอาจจะกินเวลาชีวิตไปยาวนานไม่ต่างจากท่านอาวุโสเหล่านั้น

นับเป็นเรื่องที่พระเจ้ากำลังสร้างเราแต่ละคนอย่างคลาสสิคและบรรจง ไม่ทรงปล่อยผ่านให้สักเรื่องในเรามีตำหนิและริ้วรอย ทรงยอมอดกลั้นพระทัยมองดูลูกของพระองค์ ทรงทุกข์กับความไม่เข้าใจ เจ็บตัวกับการเหวี่ยงใส่ แถมบางเคสก็ถึงกับไม่เข้าใจพระเจ้าด้วยซ้ำ… แต่นับเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเหลือเกินที่ทรงอดทนเพื่อจะให้เราผ่านวันคืนเหล่านั้นไปให้ได้ เพื่อวันเวลาที่เรียกว่าโตอีกขั้นจะมาถึงเรา

ไม่ต่างกันกับที่ทรงอดกลั้นอย่างที่สุด..ยอมสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายไถ่มนุษย์ให้หลุดพ้นจากบาปที่เกาะกินและครอบงำโลกนี้ไว้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มองเห็นความตั้งใจและแผนการณ์อันล้ำค่านี้ของพระองค์…ทุกคนต่างเมินหน้าหนีและร่วมกันตรึงพระบุตรนั้นที่กางเขน ไม่เพียงองค์พระบิดาเท่านั้นที่ต้องอดกลั้นพระทัย แต่พระบุตรเองก็ไม่น้อยหน้าทรงยอมสละทุกสิ่งที่ทรงมีเพื่อที่จะยอมให้แผนการณ์ของพระองค์และพระบิดาสำเร็จ (เป็นการทำงานร่วมกันอย่างเป็นใจเดียวกัน) และทุกวันนี้สิ่งที่ได้กลับคืน คือ บรรดาผู้เชื่อมากมาย แกะน้อยที่หลงไปตามรูปเคารพที่อวดอ้างว่ายิ่งใหญ่ มนุษย์เริ่มทยอยหันกลับมาหาพระบิดาด้วยการไถ่ของพระบุตร ด้วยทางพระโลหิตบนกางเขน แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดก็ตามฤทธิ์อำนาจนั้นก็ไม่คลายตัวลงเลยแม้แต่น้อย…

จะแปลกอะไรถ้ายูดาสยังคงเป็นหนึ่งในแผนการณ์การไถ่ของพระเยซู…แล้วจะมียูดาสในชีวิตเราบ้างมิได้หรือ? มันอาจเป็นคน หรืออะไรก็ช่าง ขอเพียงอย่างเดียวคือ เบื้องหลัง..พระองค์ทรงควบคุม และเรายังคงเดินในวิถีและเวลาของพระองค์ก็เพียงพอ เพื่อให้เราผ่านไป และก้าวไปใกล้ความไพบูลย์มากขึ้นอีก 1 ก้าว

 

 021212

 

0Shares