โยบกับการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อคนในครัวเรือน

By | 2015/02/11

โยบ 1:5  และเมื่อการเลี้ยงเวียนครบรอบแล้ว โยบจะใช้ให้ไปทำพิธีชำระตัวเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์ และท่านจะตื่นแต่เช้ามืด ถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนของเขาทั้งหมด เพราะโยบกล่าวว่า “บางทีบุตรชายของข้าพเจ้าได้กระทำบาป และแช่งพระเจ้าอยู่ในใจของเขา” โยบกระทำดังนี้เรื่อยมา

โยบเป็นคนดีพร้อมต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ตระหนักและรู้ดีเสมอว่า แม้เขาจะรักษาชีวิตของเขาได้อย่างดี แต่คนในครัวเรือนเขาก็สำคัญต่อพระพรของพระเจ้าที่จะเทลงมาอย่างเต็มขนาดในครัวเรือนของเขา แน่นอนการรักษาชีวิตส่วนตัวย่อมนำพระพรมาถึงตามขนาดที่ตนเองรักษาอย่างแน่นอน แต่หากครอบครัวได้รักษาชีวิตในทิศทางเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกันในการรักษาชีวิตทั้งครัวเรือน พระพรแห่งครอบครัวจะเทลงมาด้วยเป็นอีกชั้นหนึ่ง

โยบรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก เขาจึงต้องถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าในทุกวัน ไม่ใช่แค่เพียงของตนเอง แต่ของทุกคนในครอบครัวด้วย สิ่งที่โยบทำไม่เพียงสะท้อนให้เห็นว่าเขาสนใจ เอาใจใส่ ในการรักษาความบริสุทธิ์นี้เสมอ แต่ยังสะท้อนด้วยว่า เขาเกรงว่าใครสักคนในครอบครัวจะทำผิดบาปต่อพระเจ้าของเขา

การถวายบูชานั้นสามารถทำแทนกันได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นตัวแทนในครอบครัว แต่ถึงกระนั้นการกลับใจก็ไม่สามารถทำแทนกันได้เลย แม้เขาจะรู้เรื่องนี้ก็ตาม แต่การถวายบูชานั้นก็ยังคงช่วยเรื่องการชำระบาปและเป็นการสำรวจครัวเรือนเสมอๆ เป็นการยื่นคำร้องและแสดงตนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า อย่างน้อยที่สุด …..    “โปรดเห็นแก่ข้าพเจ้า, โปรดเห็นแก่เครื่องบูชาที่ข้าพเจ้าได้ทำเพื่อพวกเขา, โปรดชำระและอย่ารื้อคดีความเก่าๆ ที่ผ่านเลยไปแล้วเลย,……”

 

โยบกับการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อคนในครัวเรือน

 

1.    เป็นที่แน่นอน เมื่อเรารู้บาปของเรา เราสามารถกลับใจเองได้ จัดการตัวเองได้ แต่หากเป็นคนอื่นโดยเฉพาะคนในครอบครัวที่เรารักยิ่งนัก เราไม่สามารถกลับใจแทนเขาได้ บังคับเขาให้เปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ นี่คือความทุกข์อย่างมากที่ผู้รักษาชีวิตต้องเผชิญกับสิ่งที่รู้และเห็นกับตา

2.    แม้เราไม่สามารถทำการกลับใจใหม่แทนคนในครอบครัวของเราได้ แต่อย่างน้อยเราก็สามารถสารภาพบาปผิดแทนเขาได้ ซึ่งเป็นอีกวิธีในการแสดงออกถึงการมอบถวายครอบครัวให้กับพระเจ้าแบบไร้มลทิน หมายถึง โยบได้ถวายเครื่องบูชาของตนเองเป็นครอบครัว โดยไม่ได้มอบในสิ่งที่ไม่ดีให้พระเจ้า แต่ได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถทำได้ในความเป็นมนุษย์และผู้นำครอบครัว ในฐานะคนที่รักพระเจ้าอย่างสุดซึ้งในครอบครัว เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าอย่างไรครอบครัวก็เป็นสิ่งที่เขารักและย่อมมีผลต่อการอวยพรของพระเจ้า

3.    การพยายามเป็นอย่างยิ่งของโยบที่จะรักษาชีวิตของตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า และเขาขยายวงกว้างออกไปยังครอบครัวของเขา …เช่นนี้เขาจึงต้องถวายบูชาเพื่อครอบครัวเขา เพราะเขาไม่ได้ต้องการเพียงพระพรของตนเอง แต่เขารู้ว่ามีพระพรของครัวเรือนอยู่ด้วย >> เหตุนี้เองโยบจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้

4.    เพราะชีวิตที่โยบดำเนินอย่างระมัดระวังอย่างรอบด้านเพื่อจะบริสุทธิ์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านี่เอง เป็นเหตุให้พระองค์ระลึกถึงเสมอ

5.    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม… ในเวลาที่พระเจ้าจะอวยพรทรงมีพระพรครัวเรือนให้แก่ผู้ที่ทั้งครอบครัวของเขารักษาชีวิตกับพระเจ้า เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่เมื่อการพิพากษาหรือการจัดการความบาปของพระเจ้ามาถึงจะเป็นรายบุคคลไป ไม่รวมทุกคนเข้าด้วยกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้นแต่ละคนต้องรับผิดชอบกับพระเจ้าเองทั้งนั้น โดยการตัดขาดออกจากบาปของกันและกัน


220213

 

 

0Shares