แดนมรณา : ทำไมต้องเถียงและต่อรอง กับการท่องแดนมรณา‏

By | 2014/01/27

ปกติเวลาที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าทำอะไร หรือสำแดงอะไรกับข้าพเจ้าที่ต้องทำร่วมด้วยกับพระองค์ ข้าพเจ้ามักมีคำถามเสมอ
?? จริงหรอคะ..พระองค์จะให้ข้าพระองค์ทำจริงๆหรอ  แล้วคนอื่นหละ ไม่เห็นมีใครทำเลย
?? ทำแล้วจะเป็นไง…ถ้าทำแล้ว ผลออกมาจะเป็นไง
?? อีกเดี๋ยวสิ…ถ้าพระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ยืนจริงๆ ทั้งที่ทุกคนนั่งนมัสการกันหมด ก็ให้เพลงนี้วนอีกสักครั้ง…เมื่อวนแล้วก็ต่อรองอีกว่า อีกสักรอบ..สุดท้ายก็ยอมทำ แต่กว่าจะยอมทำก็ โน่นนี่ ไปเรื่อย

บางครั้งก็ต่อรองและบางเวลาก็ไปไกลถึงเถียง…เพราะเหตุผลเดียว คือ ต้องทำจริงๆหรือ??

แม้ข้าพเจ้าจะต่อรองกับพระเจ้าเพียงใด…แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตอบสนองอยู่ดี….ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต่อรองไปทำไม อิดออดไปเพื่ออะไร แทนที่จะทำในทันที
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนสิ่งที่ขวางกั้นความลึกลงไปในความสัมพันธ์กับพระเจ้าตามขนาดที่พระองค์ต้องการในชีวิตของเรา
ลึกๆ ข้าพเจ้ารู้มาตลอดว่า ควรตอบสนองแบบทันที เพราะช่วงเวลาที่มัวแต่นั่งยืดเยื้ออ้อยอิ่งอยู่นั้นจะมีบางสิ่งที่กำลัง เคลื่อนไปเรื่อยๆ มันเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ
และสิ่งนี้ก็ไม่หลุดสักที ทั้งสร้างวินัยก็แล้ว  ทั้งอธิษฐานทั้งเปลี่ยนความคิดก็แล้ว…

….และอยู่มาวันหนึ่ง….

…..

พระเจ้าได้นำข้าพเจ้าไปที่แดนมรณา ในขณะที่หลับ…ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูกำลังเดินนำหน้าข้าพเจ้าแล้วตรัสว่า : “ไปด้วยกัน” ข้าพเจ้าเดินตามหลังพระองค์โดยที่มือของข้าพเจ้าจับที่ชายเสื้อสีขาวยาวเลยเข่าของพระองค์ไป ข้าพเจ้าก้มหน้าแล้วพยายามซุกหน้าตัวเองไว้ที่หลังของพระองค์ หลับตาปี๋ ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาหรืออยากรู้อยากเห็นอะไรรอบๆตัวเลยแม้แต่น้อย  สิ่งที่สัมผัสได้คือ ความอึมครึม ความน่ากลัว ความอึดอัด


พระเยซูเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง ไม่สิ!!..สิ่งรอบข้างไม่มีผลต่อพระองค์ต่างหาก!! พระองค์ยังคงเดินต่อไป โดยไม่หันหลัง หรือแม้แต่จะมองไปทางไหนเลย…และตัวข้าพเจ้าก็พยายามเดินตามพระองค์ติดๆ ไม่ทิ้งช่วงห่าง ไม่ยอมให้หน้าของตัวเองออกจากหลังของพระองค์ หรือ ไม่แม้แต่จะยอมให้มือหลุดไปจากชายเสื้อของพระองค์เลย …เสียงรอบตัวมีแต่เสียงโหยหวนดังสนั่น อย่างกับคนแย่งกันพูด และร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง ดังระงมจนอื้ออึงไปหมด เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและทนทุกข์ แต่ไม่มีสักเสียงเดียวที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และเราก็เดินจนมาถึงสุดปลายทาง….
ตลอดระยะทางเดินพระเยซูไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ และเมื่อสิ้นสุดพระองค์ก็ได้แค่มองตาข้าพเจ้า ด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างมาก..ไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้น แต่ข้าพเจ้ากลับเข้าใจทุกสิ่งอย่างลึกซึ้ง….

1. ที่ข้าพเจ้ารู้ว่าที่นั่นคือแดนมรณา เพราะบรรยากาศรอบด้านและเสียงที่ได้ยิน แม้ไม่ได้เงยหน้ามองดูอะไรเลยสักนิด ไม่เห็นแม้แต่เห็นภาพเลยว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง มีแต่เพียงแค่สิ่งที่สัมผัสและหูได้ยินเท่านั้น

2. ในแดนมรณาพระเยซูไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น พระองค์แค่เดินผ่านเท่านั้น…แต่ตรงปากทางเข้าและออก มีบางสิ่งที่พระองค์ทำ พระเจ้าให้ความเข้าใจบางอย่างกับข้าพเจ้าว่า…ตรงนั้นตรงทางเข้าและออกมีจิตวิญญาณบางส่วนที่ต้องการความช่วยเหลือ…คน 2 ประเภทนี้ คือคนที่พระองค์ช่วยเหลือพวกเขา

~ คนประเภทแรก คือ ตรงทางเข้า = พวกเขากำลังจะพลาดและก้าวเข้าสู่แดนมรณานั้น คนที่กำลังอ่อนแรงลง คนที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น คนที่ไม่มีกำลังจะก้าว เขากำลังจะล้มลง : คนเหล่านี้พระเยซูให้ความช่วยเหลือแก่เขาเพราะเขาต้องการ ถ้ามีใครสักคนยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยเหลือและให้โอกาสแก่เขา เขาจะไม่ต้องพลาดก้าวเข้าสู่แดนนั้น

~ คนประเภทที่ 2 คือ ตรงทางออก = พวกเขาผ่านพ้นในแดนนั้นมาแล้ว พวกเขาอยากออกจากที่นั่น เขาต้องการโอกาสและความช่วยเหลือที่จะนำเขาออกมา และให้เขาเดินต่อไปได้

2/11/2011 23:54

0Shares