ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนเชื่อ อาจแตกต่างกันไปตามรากฐานความเชื่อของแต่ละคน ส่วนคริสเตียนเชื่อเรื่องสวรรค์ นรก นั้นเป็นจริง
วิวรณ์ 21:1 และข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป
หากคริสเตียนเชื่อเรื่องแผ่นดินสวรรค์แล้ว การดำเนินชีวิตบนแผ่นดินโลกย่อมมีผลต่อชีวิตหลังความตาย ทั้งการเป็นอยู่ บำเหน็จรางวัล สง่าราศี ล้วนสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตบนโลกนี้ทั้งสิ้น
2 ทิโมธี 4:8 ตั้งแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาที่ชอบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประทานแก่ทุกคนที่รักการเสด็จมาของพระองค์
การดำเนินชีวิตบนโลก มีทั้งส่วนที่นับได้ และนับไม่ได้ในสายพระเนตรพระเจ้า
บางส่วนจบลงที่ความตาย เมื่อตายลงทุกสิ่งเป็นอันสิ้นสุดบนแผ่นดินโลก เช่น ทรัพย์สิน ชื่อเสียง เงินทอง ความสามารถ เพื่อน พี่น้อง
สุภาษิต 5:11 และเมื่อบั้นปลายชีวิตของเจ้ามาถึง เจ้าจะครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าเสื่อมสิ้นไป
แต่ยังมีบางส่วนที่ส่งผลต่อแผ่นดินสวรรค์ แน่นอนคนไม่เชื่อจะไม่มีส่วนนี้ อันเนื่องจากพระเยซูเป็นทางรอดทางเดียวสู่แผ่นดินของพระเจ้า
แต่มีบางส่วนที่ไม่ได้จบลงที่ความตาย สิ่งบนโลกนี้บางอย่างมีผลต่อชีวิตนิรันดร แน่นอนว่าผู้ไม่เชื่อจะไม่มีส่วนนี้ เพราะพระเยซูเป็นทางเดียว
ยอห์น.14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต. ไม่มีใครจะมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
เป็นที่นับได้
อย่าดำเนินชีวิตเพียงเพื่อผ่านไปวันๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นอาจเป็นเพียงการสูญเปล่า
การดำเนินชีวิตแบบเป็นที่นับได้ในสายพระเนตรพระเจ้า อาจเป็นเรื่องที่ระบุชี้ชัดเป็นข้อๆ หรือรูปแบบพฤติกรรม ผลงานได้ยาก อันเนื่องจากพระเจ้าทรงทอดพระเนตรไม่เหมือนที่มนุษย์มอง สิ่งที่พระเจ้าทรงคิดและวัดก็ไม่เหมือนที่มนุษย์คิดและวัด
- ในแผ่นดินโลก เงินตราจำเป็นในการใช้ชีวิต แต่บนสวรรค์ไม่มีเงินตรา และเงินตราไม่มีค่าอันใดเลย
- บนแผ่นดินโลกชื่อเสียงเป็นเหมือนใบเบิกทางในการทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างดี แต่บนแผ่นดินสวรรค์ชื่อเสียงเหล่านี้ไม่สามารถเล็ดรอดไปถึงแผ่นดินของพระเจ้าได้เลย มีแต่เพียงสง่าราศีอันเกิดและได้มาจากความบากบั่นในยามมีชีวิตบนแผ่นดินโลก
- บนแผ่นดินโลก การมีเพื่อนและผู้คนรายล้อมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอุ่นใจ บางครั้งเป็นเหมือนโอกาสทองในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า “สังคม” แต่ในแผ่นดินสวรรค์ไม่มีใครสนใจผู้อื่นเลย เพราะทุกสายตาจะจดจ้องอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
- บนแผ่นดินโลก เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ดี สวยงามมีระดับ เป็นที่ต้องการและนิยม แต่บนแผ่นดินสวรรค์ ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดที่ต้องการอีกต่อไป และไม่มีชุดใดๆ ที่สวยงามเท่าชุดที่สวมใส่อยู่ ณ เวลานั้น
- บนแผ่นดินโลกสุขภาพที่ดี ทรวดทรง หุ่นที่สวยงาม สมาร์ท สมส่วน เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างปรารถนาจนหลายครั้งเป็นประเด็นในการเลือกดำเนินชีวิตด้วยซ้ำ แต่ในแผ่นดินสวรรค์กายใหม่ที่ได้รับเต็มไปด้วยสง่าราศีที่งดงามอย่างไร้ที่ติและสมบูรณ์แบบ ไม่มีโรคภัย ไม่มีมาตรวัดว่าอะไรเรียกว่าหุ่นดี อะไรเรียกว่าหล่อ สวย เพราะที่ได้รับนั้นกลับเติมเต็มไปด้วยความสมบูรณ์อย่างไร้ที่ติแล้ว เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
- บนแผ่นดินโลก แม้มีแต่หลายครั้งก็ยังรู้สึกว่าขาดแคลน แต่บนแผ่นดินสวรรค์จะไม่มีความปรารถนาอันใดอีกแล้ว เพราะนอกจากจะเต็มบริบูรณ์แล้ว มันจะเป็นความพอใจอย่างยิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่เรา เราจะใช้เวลาทั้งหมดกับการชื่นชมสิ่งที่เรามี ว่านี่คือ “สิ่งที่สมบูรณ์และควรค่าแก่เราเป็นที่สุด” ในครั้งที่อุตส่าห์รักษาชีวิตเป็นอย่างดีบนแผ่นดินโลก
ทั้งสิ้นบนแผ่นดินสวรรค์ที่เราจะได้รับ เป็นพระเมตตาของพระเจ้า อันเกิดจากการดำเนินชีวิตในแต่ละวันบนแผ่นดินโลก เหตุนี้เอง การรักษาชีวิตให้ชอบธรรมจึงไม่สูญเปล่าเป็นแน่ แต่การดำเนินชีวิตแบบไม่สนใจแผ่นดินเบื้องบน สุดท้ายอาจสูญเปล่าแบบร่อนจ้อน การคิดคำนึงเสียมากมายว่าจะมีอะไรบนโลก การสะสมสิ่งต่างๆ อาจมลายหายไป ในพริบตา หรือนาทีที่สิ้นลมหายใจ… นาทีนั้นคนที่ต้องอายบนโลกกลับได้รับเกียรติบนแผ่นดินสวรรค์ คนที่คิดว่าตนเองมีเกียรติเสียยิ่งใหญ่อาจต้องตกอับจากสง่าราศีบนแผ่นดินนั้นก็เป็นได้
เหตุนี้เองการเชื่อฟังพระเจ้าและรักษามรรคาของพระองค์ก็เป็นสิ่งที่การันตีความปลอดภัยให้กับเราได้ในระดับหนึ่ง อันเนื่องจากความยุติธรรมของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงบิดเบือนหรือเมินเฉยต่อพระวจนะของพระองค์เป็นแน่ ที่สำคัญคือ ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดซ่อนไปจากพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าได้ ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม ทรงชันสูตรและค้นเจอ บนแผ่นดินโลกพระเจ้าอาจปล่อยให้สิ่งที่คิดว่า “ไม่เห็นเป็นไร” ให้ผ่านเลยไป “ดูเหมือนขมุกขมัว” ให้ผ่านเลยไป … แต่ในวันแห่งการพิพากษาความยุติธรรมของพระเจ้าจะสำแดงออกมาอย่างเด่นชัด จนแม้แต่จิตสำนึกภายในที่เคยแอบซ่อนและทำเหมือนว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับเนื้อหนัง เพื่ออำนวยหนทางสู่บาปที่ซ่อนเร้นหรือบาปลับๆ จะถูกเปิดออก นาทีนั้นเองเราแต่ละคนจะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่า “อะไรเป็นที่นับได้ , อะไรเป็นที่นับไม่ได้”
มัทธิว 3:2 “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว”
อย่ามัวเสียเวลากับการตัดสินผู้อื่น หรือคาดคะเนเอาเองว่า “อะไรที่เขาทำถูก หรือผิด” (ทั้งที่ไม่ใช่แก่นสาร) แต่ควรทุ่มเทพลังกาย กำลังใจ ทั้งหมดที่มีในการสำรวจตนเอง เฝ้าระวังทางของตน… พระเจ้าไม่เคยสอนให้เราเฝ้าระวังชีวิตแทนคนอื่นเลย ไม่เคยเตือนให้เราคอยสอดส่องว่าคนอื่นทำอะไรผิดหรือถูก แต่ทรงสอนให้เราเฝ้าระวังตนเป็นอย่างดี ทรงตรัสเตือนตัวเราเองอย่างเจาะจง และนั่นคือ สิ่งที่เราต้องตอบสนอง เพราะสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าตรัส นั่น ย่อมนับได้เป็นแน่ๆ
*** เป็นที่น่าเสียใจและควรระวังอย่างยิ่งที่โลกปัจจุบันหล่อหลอมให้เราสนใจชีวิตชาวบ้าน หรือให้ชาวบ้านมากำหนดวิถีการดำเนินชีวิตของเรา ที่เรียกว่า “สังคม” มากเสียกว่าพระเจ้าเป็นผู้กำหนดหรือนำทางเสียอีก ***
กิจการ 20:28 จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์
1 เธสะโลนิกา 5:6 เพราะฉะนั้นเราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวังและมีสติ
มาระโก 13:33 จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าวันนั้นหรือเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
2015-06-24