จะมีบางเวลา บางเรื่องที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกเสียจากอดทนให้มันผ่านไปให้ได้
1. อดทนอย่างนิ่งสงบ
• เป็นการเฝ้ารอคอยอย่างนิ่งสงบ
• ต้องจัดการใจภายในที่ร้อนรุ่มให้สงบลง
• ต้องจัดการความเดือดเนื้อร้อนใจให้นิ่งลง
• ต้องจัดการตนเองด้วยการมอบความอยากจะลุกขึ้นทำสิ่งต่างๆ เองแทนที่พระเจ้าด้วยอารมณ์ให้สงบลง
• เป็นการอดทนที่ใช้ความวางใจในพระเจ้าของตน ว่าจะ “ทรงอยู่ฝ่ายเราเป็นแน่”
• เมื่อเราสามารถจัดการใจตนเองให้สงบลงได้เมื่อไร เมื่อนั้นจะพบว่าพระเจ้าทรงพระคุณ และเริ่มมองเห็นแผนการณ์การทำงานของพระเจ้าทีละขั้นทีละตอนอย่างเข้าใจมากขึ้น เพราะการมอบให้พระเจ้าด้วยความวางใจในพระองค์ได้เกิดขึ้นแล้ว
• ยิ่งสงบเร็วและมากเท่าไร ยิ่งปลอดภัยและเห็นการทำงานของพระเจ้ามากเท่านั้น ยิ่งทำให้เข้าใจในน้ำพระทัยพระเจ้าในเรื่องนั้นได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรับรู้ถึงความล้ำลึกของพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
สดุดี 62:5 จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยพระเจ้าเท่านั้นเพราะความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
2. อดทนด้วยความหวังใจ
• แม้หลายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมาย
• ไม่เป็นไปตามแผนความคิดของตนเอง
• ไม่ได้ดั่งใจต้องการ
• บางครั้งเกินการควบคุมของตนเอง จนกระทั่งมองหาจุดจบที่ดีไม่เจอ
• เป็นความอดทนที่ต้องอาศัยความหวังใจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเชื่อของตนเอง เพราะอาจต้องใช้เวลานานเกินกว่าความปรารถนาของตนเองที่ตั้งไว้ แน่นอนมนุษย์ชอบอะไรที่ตนเองควบคุมได้และรักที่สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่ตนเองคิดหมายไว้ แต่เมื่อมันตรงกันข้าม… ความคาดคั้น การบีบบังคับ การเร่งเร้า จึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และทำให้ความอดทนร่นสั้นลงอย่างรวดเร็วหรือทันที จนถึงจุดหมดความอดทน
• ความหวังใจจะต่อและยืดความอดทนให้ยาวนานออกไปอีกเป็นระยะๆ เมื่อมีความหวังใจ จิตใจภายในก็จะแช่มชื่นแทนความห่อเหี่ยว สิ้นไร้หนทาง
• ความหวังใจแท้ไม่ได้เกิดจากจินตนาการที่วาดไว้เพื่อเข้าข้างตนเอง หรือหลอกลวงตนเองจากความจริงและความเป็นไปที่กำลังเผชิญอยู่ แต่เป็นประตูทางออกที่เรามองเห็นอยู่ตรงหน้า เพียงแค่รอเวลามันเปิดออกเท่านั้นเอง
• เราสามารถหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงตั้งความหวังไว้ในเราได้
ฮีบรู 6:19 ความหวังที่เรายึดนั้นเป็นเสมือนสมอที่แน่นอนและมั่นคงของจิตใจเป็นความหวังที่นำไปสู่อภิสุทธิสถานข้างหลังม่าน
โรม 8:25 แต่ถ้าเราหวังว่าจะได้สิ่งที่ยังไม่เห็น เราจึงมีความอดทนคอยสิ่งนั้น
โรม 5:4 และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง
สดุดี 146:5 คนที่ผู้อุปถัมภ์ของเขาคือพระเจ้าของยาโคบก็เป็นสุขคือผู้ที่ความหวังของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา
3. อดทนด้วยความเชื่อด้วยการยึดพระสัญญาของพระเจ้าไว้
• ความเชื่อทำให้เราได้รับในสิ่งที่หวังไว้
• เป็นความอดทนที่ลงหลักปักฐานไว้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของตน
• เป็นความแน่ใจและมั่นคงว่าการอดทนนี้จะไม่สูญเปล่า เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยกู้เมื่อถึงเวลา และทุกพระสัญญาที่ทรงตรัสและสำแดงแก่เราจะเกิดขึ้นจริงเป็นแน่แท้ ทำให้ตลอดช่วงเวลาของการอดทนมีพลัง ด้วยการตั้งตารอคอยพระสัญญาที่ทรงตั้งไว้แล้วแต่แรกเริ่มให้มาถึงเท่านั้นเอง นั่งรอที่จะนับพระพร
โรม 4:20 ท่านไม่ได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้าแต่ท่านมีความเชื่อมั่นคงจึงถวายเกียรติแด่พระเจ้า
โรม 4:21 ท่านเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงสามารถทำสิ่งที่ทรงสัญญาได้
ฮีบรู 6:12 เพื่อไม่ให้พวกท่านเป็นคนเฉื่อยช้าแต่ให้เลียนแบบคนเหล่านั้นที่โดยทางความเชื่อและความอดทนจึงได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้เป็นมรดกพระสัญญาอันแน่นอน
4. อดทนจนกว่าพระเจ้าจะทำเสร็จ
• พระเจ้ามีกระบวนการสร้างชีวิตของเราอย่างละเอียดลออ ซึ่งแม้หลายครั้งเราจะไม่เข้าใจ ไม่รู้ตัว แต่พระเจ้ามักนำเราเข้าสู่แผนการณ์ทรงสร้างเพื่อนำไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์เสมอๆ
• จะเห็นได้จากธรรมชาติของชีวิตย่อมมีการเติบโตขึ้น (แม้คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้รับตรงนี้ด้วย เป็นลักษณะพื้นฐานที่พระเจ้าใส่มาพร้อมกับลมปราณหรือลมหายใจนั่นเอง) เมื่อผ่านเรื่องราวหรือวันเวลาไป ธรรมชาตินี้เองที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ ปรับตัว และเข้าใจมากขึ้นจากสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้รับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เผชิญ… ซึ่งจะส่งผลเป็นทัศนคติ แบบแผนการดำเนินชีวิต ค่านิยม และวิถีการดำเนินชีวิตต่อๆ ไป
• ความอดทนครึ่งๆ กลางๆ เป็นการยืดเวลาในการไปถึงเส้นชัยให้ช้าลง หรือบางครั้งอาจทำให้หักเหเส้นทาง หรือหยุดที่จะไปให้ถึงเส้นชัยด้วยซ้ำ
• ในเมื่อเรารู้แล้วว่าแผนการณ์ของพระเจ้าเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่ทุกขภาพ รู้ถึงความรักอันมั่นคงของพระเจ้าที่มีต่อเราแล้ว เพียงแค่อดทนให้ถึงที่สุด อดทนจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทำงานของพระเจ้าเท่านั้น พระพรและสิ่งที่พระเจ้าสัญญาก็จะเกิดขึ้นเป็นแน่
เยเรมีย์ 29:11 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสันติภาพ ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ยาก เพื่อจะให้อนาคตตามที่คาดหมายไว้แก่เจ้า
5. อดทนจนกระทั่งเราผ่านได้
• สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในแต่ละช่วงชีวิตของเรา สามารถฝึกปรือความแข็งแกร่งเพื่อให้เติบโตขึ้นได้
• การอดทนที่สัมฤทธิ์ผล คือ การอดทนจนถึงที่สุด จนกระทั่งเราสามารถผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้อย่างดี แน่นอนว่าพระเจ้าจะทรงช่วยกู้คนของพระองค์เป็นแน่ แต่การอดทนในส่วนของตนจนสามารถผ่านได้ ย่อมเป็นการพิสูจน์ว่า เราสามารถใช้การได้ด้วย
1 โครินธ์ 9:24-27
9:24 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกัน ก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้
9:25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่าง แล้วเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย
9:26 ดังนั้นส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งอย่างนี้โดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนักมวยที่ชกลม
9:27 แต่ข้าพเจ้าระงับความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังให้อยู่ใต้บังคับ เพราะเกรงว่าโดยทางหนึ่งทางใดเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้
2 ซามูเอล 22:35 พระองค์ทรงหัดมือของข้าพเจ้าให้ทำสงคราม แขนของข้าพเจ้าจึงโก่งคันธนูเหล็กกล้าได้
1 เปโตร 3:17 เพราะว่าการทนทุกข์เพราะทำดี ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ก็ดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำชั่ว
มีคาห์ 7:7-9
7:7 เพราะฉะนั้นสำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะมองดูพระเยโฮวาห์ ข้าพเจ้าจะเฝ้าคอยพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงฟังข้าพเจ้า
7:8 โอ ศัตรูของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์เย้ยข้าพเจ้าเลย เมื่อข้าพเจ้าล้มลง ข้าพเจ้าจะลุกขึ้นอีก เมื่อข้าพเจ้านั่งอยู่ในความมืด พระเยโฮวาห์จะทรงเป็นความสว่างแก่ข้าพเจ้า
7:9 ข้าพเจ้าจะทนต่อพระพิโรธของพระเยโฮวาห์ เพราะว่าข้าพเจ้ากระทำบาปต่อพระองค์ ข้าพเจ้าจะทนจนกว่าพระองค์จะทรงแก้คดีของข้าพเจ้า และกระทำการตัดสินเพื่อข้าพเจ้า พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าไปยังความสว่าง และข้าพเจ้าจะเห็นความชอบธรรมของพระองค์
1โครินทร์10:13 ไม่มีการทดลองใด ๆ เกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ แต่เมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้
2015-07-15 12:10