พระเจ้ามีแผนการณ์ในเราแต่ละคน แต่ละส่วน และแต่ละช่วงเวลา ซึ่งแผนการณ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราอาจบรรจบตรงกับใครบางคน เพื่อร่วมกัน หรือประสานกัน แต่ละส่วนเป็นอย่างดี ครบถ้วน ในบางช่วงเวลา…
แน่นอนพระเจ้าไม่ได้ให้เรามีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หรือยืนทุกตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเราเองคนเดียว… แต่ทรงนำเราแต่ละคนมาประกอบกัน เหมือนอวัยวะประกอบเป็นร่างกาย และมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย
ส่วนตัวเราเองจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างยิ่งถึงแผนการณ์ของพระเจ้า เพื่อจะอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ และรู้จุดยืนของตนว่า “พระองค์วางเราไว้ตรงไหน?” และ “เราต้องตอบสนองสิ่งใดๆบ้าง?”
พระบิดาทรงใช้ครรภ์ของนางมารีย์ เพื่อให้กำเนิดพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่มารับสภาพมนุษย์บนโลก แต่พระบิดาทรงกำหนดและเลือกหญิงสาวพรหมจรรย์ผู้นี้ ในการทำให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จและสมบูรณ์
ส่วนนางมารีย์ก็ตอบสนองพระเจ้าได้อย่างดีทีเดียว เธอสามารถละทิ้งความอับอาย เกียรติยศ ชื่อเสียงและความสะดวกสบายที่เธอมี เพื่อจะเดินตามน้ำพระทัยพระเจ้าและมีส่วนสำคัญในงานของพระองค์ในครั้งนี้ เธอพบความยากลำบากในการตั้งครรภ์ ตลอดจนการคลอด การเลี้ยงดูให้พระบุตรเจริญวัย แต่เมื่อถึงวาระครบบริบูรณ์ นางมารีย์คนนี้รู้น้ำพระทัยพระบิดาแต่แรกแล้วว่าบุตรในครรภ์ของเธอคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และเธอรู้ว่าเธอต้องอยู่ในแผนการณ์ของพระองค์นานเพียงใด รู้ว่าพระบุตรนั้นแม้จะเป็นบุตรของเธอแต่ก็ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของพระบิดาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว….
เมื่อถึงวาระพระเยซูทรงออกทำพระราชกิจของพระองค์ หญิงคนนี้ไม่ได้ขัดขวางเอาเสียเลย จะเห็นได้ว่าพระเยซูทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ โดยปราศจากการขัดขวางของครอบครัวเลย อาจมีเพียงครั้งเดียวที่ครอบครัวยังไม่รู้ ว่าถึงวาระและเวลาของพระองค์แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงครั้งเดียว… เพราะหลังจากนั้นเราไม่เห็นการปรากฏของนางมารีย์ในการขัดขวางเลย
หัวอกคนเป็นแม่… ยามเมื่อลูกเติบโตต้องยอมให้ออกไปค้นหาตนเอง และพระเยซูทรงทำเช่นนั้นตามน้ำพระทัยพระบิดา …
ส่วนของนางมารีย์ผู้ผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยเพื่อการคลอด การเลี้ยงดูพระเยซู คงมีทั้งความรักผูกพัน การทุ่มเทชีวิต ความหวงแหน และอื่นๆ อีกมาก แต่นางกลับเลือกที่จะให้แผนการณ์และน้ำพระทัยของพระบิดาเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่ในส่วนของเธอ แต่ในส่วนของบุตรด้วยเช่นกัน แม้จะระลึกถึงเพียงใดต้องยอมปล่อยมือมอบพระเยซูซึ่งเป็นบุตรในการครอบครองของเธอ กลับคืนแด่พระบิดาผู้ทรงกำหนดและส่งพระบุตรองค์นี้มา…
หลายต่อหลายครั้งเราต้องเรียนรู้หัวใจเช่นนี้
หัวใจของผู้เป็นแม่อย่างนางมารีย์
1. ยอมปล่อยสิ่งที่พระเจ้าฝากไว้กับเรา
• เมื่อถึงวาระนั้น เป็นที่แน่นอนว่าเจ้าของที่แท้จริงคือ พระบิดา แต่มนุษย์มักหลงลืมสิ่งนี้ ด้วยการได้ครอบครองเป็นระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะยาวนานหรือสั้นๆ ความเพลิดเพลินและความชื่นชอบ มักทำให้เป็นการยากเสมอที่จะคืนกลับพระบิดาผู้ทรงเป็นเจ้าของแต่แรกเริ่ม และด้วยเหตุนี้เอง… มักทำให้คนเราพลาดตอนท้ายหรือตกม้าตายตอนปลาย เริ่มแรกยินดีสละสิ่งสารพัดเพื่อตอบสนองพระบิดา แต่เมื่อนานวันเข้ากลับตอบสนองไม่ได้จนถึงที่สุด … นั่นเพราะคนเรามักลืมว่า “พระเจ้าให้เมตตาคุณอันแสนมหาศาลแก่เราให้มีส่วนร่วมในกิจของพระองค์ แต่เมื่อถึงวาระและเวลาใครหรือจะยับยั้งได้!!!”
2. พระเจ้ามีวาระสำหรับเราทุกคนเสมอ
• แต่ละช่วงเวลาชีวิตล้วนมีสิ่งดีที่พระองค์ให้กับเรา และวันเวลาก็จะเคลื่อนผ่าน เพื่อให้เรารับสิ่งใหม่ เราต้องยอมปล่อยสิ่งที่พระเจ้าจะเอาคืนและยอมรับสิ่งใหม่ที่กำลังมาถึง
• ชีวิตมักมีการเคลื่อนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สิ่งเก่าๆ ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลย มักเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่ถูกสต๊าฟไว้
3. ควรยึดและฉวยเวลาของพระเจ้าเอาไว้ให้มากที่สุด
• เรามีช่วงเวลาแต่ละช่วงที่พระเจ้าให้กับเรา ในแต่ละช่วงเวลานั้น เราสามารถฉวยและยึดได้มากที่สุด เรียนรู้และรับได้มากที่สุด เพราะเมื่อหมดเวลาแล้ว เราจะต้องยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางเช่นกัน
220513