การมีเพื่อนเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน เพราะพระเจ้าให้เรามีปฏิสัมพันธ์กันและกัน ตั้งแต่แรกเริ่มในสวนเอเดน… แต่นั่นก็มาหลังจากการมีความสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระบิดาทรงสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับพระองค์แล้วจึงสร้างเอวาให้กับอาดัมอีกที
แต่หลายครั้งมนุษย์เรียกหามนุษย์ด้วยกันเองมากกว่าเรียกหาพระเจ้า เหตุนี้จึงมีความเหงา โดดเดี่ยว เศร้าและทุกข์ หากต้องอยู่เพียงลำพัง มองไปรอบกายหาใครไม่เจอ
แน่นอนว่าเราควรมีเพื่อน และการเลือกเพื่อนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนดีย่อมส่งผลดีต่อเรา เพราะการได้ใกล้ชิดกันย่อมส่งผลต่อ ทั้งอารมณ์ ความคิด ค่านิยม ความชอบ ไม่ชอบ…
แต่พระเยซูทรงปรารถนาให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ในรูปแบบเพื่อนด้วยเช่นกัน ตัวอย่าง อับราฮัม โมเสส ดาเนียล ยอห์น
เพื่อนย่อมเปิดเผยสิ่งต่างๆ ให้แก่กัน สามารถสื่อสารความคิดต่อกันและกัน แสดงความคิดเห็นต่อกันและกันด้วยและในขณะแสดงความคิดเห็นจะไม่มีใครถูกผิด มีแต่ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันและกัน สะท้อนสิ่งที่เป็นความคิดและตัวตนภายในของแต่ละฝ่าย
เฉกเช่นเดียวกันพระเจ้าก็ปรารถนาจะให้เรามีมุมที่รับรู้ความคิดของพระองค์ และทรงมีมุมที่อยากให้เราแสดงความเป็นตัวเรากับพระองค์ด้วย แน่นอนว่าทรงรู้จักเรา แม้เราไม่พูดอะไร แต่การได้มีอิสระในการแสดงความเป็นตัวตนกับพระองค์ นั่นหมายถึง เราได้ใกล้ชิดและวางใจพระองค์เป็นแน่
น่าเสียดายคนจำนวนมากกลับไม่อยากเป็นเพื่อนกับพระเยซู อาจด้วยวัฒนธรรมบางอย่างที่คิดว่า เพื่อนนั้นต้องระดับเดียวกันเท่านั้น ดูเหมือนจะถ่อมต่อผู้ที่สูงกว่า แต่ก็ใช้โอกาสนี้อ้างเพื่อข่มต่อผู้ที่ด้อยกว่าเช่นกัน และกรณีหากใครมองว่าตนคือผู้ด้อยกว่าก็จะไม่คิดตีสนิทเลยทีเดียว
แต่พระเยซูทรงอยู่เหนือกาลเวลาและประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติของชนทุกชาติ เรื่องของความสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่ไม่มีสิ่งใดกีดขวางได้ เว้นเสียแต่การวางตัวอย่างไรของเราเท่านั้น ด้วยเหตุนี้หลายต่อหลายคนจึงพลาดเพื่อนที่แสนดีไป หรืออาจทิ้งมุมนี้ที่พระเจ้าปรารถนาจะมีต่อเราไป และมอบให้เรามัน ไม่ใช่ความถ่อมเลยสักนิด แต่เป็นกำแพงหนาที่เราตั้งไว้เองต่างหาก ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอันใดก็ตาม
สหายเลิศ
ในเมื่อพระเจ้าเป็นผู้ริเริ่มและเริ่มต้นก่อน ทั้งบุคคลต่างๆ ในพระคัมภีร์ต่างก็มีประสบการณ์ในการเป็นเพื่อนกับพระเจ้ามากมายให้ดูเป็นตัวอย่าง เช่นนี้แล้วจะผิดได้อย่างไรที่เราจะรับเมตตานี้จากพระเจ้า ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเพื่อนกับพระเจ้าได้ แต่พระองค์ทรงเป็นสหายที่ดีเลิศแสนประเสริฐต่อเราได้
มนุษย์นั้นจำกัด ดังนั้นการคาดหวังจากมนุษย์ไม่ว่าจะด้านใด ทางใดก็ตามย่อมมีความจำกัดหรือขีดสุดความสามารถอย่างแน่นอน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไม่จำกัด ไม่ว่าจะมิติเวลา ความสัพพัญญู พระปัญญา ความรัก ความสามารถ สิทธิขาด และนานัปการที่ไม่อาจกล่าวได้หมด เพราะพระนาม “เราเป็น” จึงสะท้อนพระลักษณะว่า “ทรงเป็น…ในชีวิตเรา” เช่นนี้แล้วจะพลาดพระสหายเลิศแสนประเสริฐได้อย่างไรกัน????
การได้มีพระเยซูเป็นสหายเลิศย่อมดีกว่าสิ่งอื่นใด
14-06-2013