บางคนได้แล้ว กลับละทิ้ง
บางคนมีแล้ว แต่กลับยอมละทิ้งทั้งสิ้น
หารู้ไม่ว่าเป็นการย้อนกลับไปยังจุดเดิมๆ
การปล้ำสู้เพื่อให้ได้มาแต่ละสิทธิอำนาจ หมายถึง กาต่อสู้กับเนื้อหนัง จุดอ่อน และหนามของตนเอง จนกระทั่งหันและดึงสายตาของพระเจ้ามาที่ตน ในเรื่องนั้นๆ เพื่ออวยพร.….. เป็นการต่อสู้แม้แต่ความดื้อรั้นของตนเองที่ต่อสู้พระเจ้า ความหยิ่งผยอง จนในที่สุด ก็ได้พบพระเจ้า ได้รับการสัมผัสแตะต้อง จนกระทั่งรู้เป็นแน่แท้ว่าสู้พระเจ้าไม่ได้ กายยอมจำนนจึงเกิดขึ้น >> การอวยพรของพระเจ้าจึงมาถึงด้วยเหตุแห่งการจำนนนี้
ปฐก.32:24-27
32:24 และยาโคบอยู่แต่ผู้เดียว และที่นั่นมีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนเวลารุ่งสาง
32:25 และเมื่อพระองค์เห็นว่าพระองค์จะเอาชนะเขาไม่ได้ พระองค์จึงถูกต้องที่เบ้ากระดูกต้นขาของเขา และเบ้ากระดูกต้นขาของยาโคบก็เคล็ด เมื่อเขาปล้ำสู้กับพระองค์อยู่นั้น
32:26 และพระองค์ตรัสว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” และเขาพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ไป นอกจากพระองค์จะอวยพรแก่ข้าพเจ้า”
32:27 และพระองค์ได้ตรัสกับเขาว่า “เจ้าชื่ออะไร” และเขาพูดว่า “ยาโคบ”
แต่พอนานวันเข้า ซ้ำร้ายบางครั้งผ่านไปแค่เพียงชั่วครู่ ก็กลับหลงลืมสิ่งเหล่านั้นที่ได้มา ยอมละทิ้ง เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่คู่ควร
– ตำแหน่ง
– ความอยากได้
– การยอมรับ
– ความไม่รู้อันอ้างไม่ขึ้น
– การไม่กล้าก้าวต่อไป
+ ทำให้หลงลืมการทุ่มอย่างสุดตัว
+ หลงลืมประสบการณ์ในวันยากที่ผ่านได้
+ หลงลืมพระคุณของพระเจ้า
+ หลงลืมการอวยพร และละทิ้งพระพรในมือไปเสีย
*** แท้จริงเมื่อพระเจ้าให้พระพรกับเรา ไม่ทรงยึดคืนง่ายๆ ไม่ทรงเอาคืนเป็นว่าเล่น แต่เมื่อทรงให้ นั่นหมายถึง สิทธิการครอบครองร่วมกับพระองค์โดยชอบธรรม…. แต่น่าเสียดายที่ยอมปล่อยละสิทธินั้นไปง่ายดาย ดั่งการสละสิทธิบุตรหัวปีของเอซาว ได้แล้ว มีในครอบครองแล้ว แต่ยินดีแลกด้วยถั่วแดงต้มเพียงถ้วยเดียว เพราะความหิวโหย เพราะตัวเร้าตรงหน้าสะกิดเนื้อหนัง บดบังจิตวิญญาณ
การทำเช่นนั้นหลายครั้ง ไม่ทันยั้งคิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่า ได้สละละทิ้งสิทธิและพระพรในมือไปเรียบร้อยแล้ว….
ชีวิตมักมีการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จิตวิญญาณที่มีชีวิต ย่อมต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่หากไม่สามารถโตได้ รวมถึงการย่ำอยู่กับที่ นั่นคือ การย้อนกลับเสียแล้ว
ย้อนกลับ
1. อย่าหลงลืมประสบการณ์การพบกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว หากเป็นตราประทับที่มาถึง มันย่อมไม่ถูกลบเลือนออกไปง่ายๆ
2. ไม่มีเหตุใดสมควร หรือมีน้ำหนักเพียงพอ สำหรับการละทิ้งพระเจ้า หรือตราประทับนั้น เพราะแท้จริงตราประทับลบเลือนไม่ได้ (ภาพรอยสัก) แม้ในความอ่อนแอของมนุษย์จะอยู่ในตัวเรา แต่เมื่อรู้ตัวก็ได้สูญเสียไปเสียแล้ว…..ที่เรียกว่า “ย้อนกลับ”
3. การย้อนกลับ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดร้ายแรงจนพระคริสต์อภัยให้ไม่ได้ เพียงแต่มันเป็นการเดินย้อนกลับไปยังจุดเดิมก่อนการปล้ำสู้เท่านั้นเอง สิ่งที่ทำได้ คือ เริ่มต้นใหม่จนกว่าจะมาถึงจุดนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่หากย้อนกลับบ่อยๆ ชีวิตก็วนเวียนอยู่ที่เดิมและถอยหลัง ไปมา ไม่การพัฒนาหรือก้าวไปข้างหน้าเสียที
ตัวอย่าง เดินมาได้ก้าวที่ 7 แต่ย้อนกลับไปก้าวที่ 4 ก็แค่เสียเวลาเดินใหม่เท่านั้นเอง
4. ไม่อยากเสียเวลาควรรักษาไว้ให้มั่น ว่าทรงตราตรึงสิ่งใดไว้ในชีวิต
มธ.10:28 และอย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถที่จะฆ่าจิตวิญญาณได้ แต่แน่นอนทีเดียวจงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถที่จะทำลายทั้งจิตวิญญาณทั้งกายในนรกได้
ลก.12:4 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลังไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก
5. ชีวิตมีขึ้นลงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ขอเพียงอย่างเดียว คือ ไม่หลงลืมปลายทาง เช่นนี้แล้วต่อให้ล้มลง ต่อให้หยุดพัก หรือย้อนกลับ ก็จะมุ่งหน้าตรงสู่เป้าหมายอีกครั้ง…. เป้าหมาย คือ ความไพบูลย์ของพระคริสต์
11/02/2015 19:12