มนุษย์มักมีกรอบความคิดเพื่อปกปิดสิ่งผิดพลาด แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยอย่างชัดแจ้งและตรงประเด็น เพื่อเรียกให้กลับใจใหม่ เริ่มต้นใหม่ อย่างถูกทาง และยืนอยู่ในจุดที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้า
การปกปิดความบาปผิดส่งผล
1. เปิดช่องโหว่ให้มารใช้โจมตีหรือล่อลวง
2. ไม่มีเหตุต้องกลับใจใหม่ อันเนื่องจากไม่เห็นผิด
3. บิดเบือนความจริง
4. เป็นรากที่เก็บซ่อนไว้และพัฒนาสู่ความบาปด้านอื่นๆ
ปกปิดความบาป
***ข้อคิดและควรระวัง***
1. พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกพระพรเพียงด้านเดียว แต่บันทึกถึงจุดผิดพลาด ความบาป ที่พระเจ้าสนพระทัย สิ่งที่ส่งผลถึงรุ่นต่อรุ่นด้วย นั่นเพราะต้องการให้เราเรียนรู้จากอดีตที่ผิดพลาดของบรรพบุรุษ ของผู้อื่น เพื่อจะเป็นบทเรียนและข้อเตือนใจให้ระแวดระวัง ไม่เดินซ้ำรอยเดิม หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วคนทั้งหลายคงเดินวนเวียนอยู่แค่ที่เดิม เพราะไม่มีอะไรเป็นต้นแบบให้เรียนรู้
2. การได้รับรู้ความผิดพลาดหรือความบาปของผู้อื่น หาใช่การตัดสินพิพากษาไม่!!!… หากแต่เป็นเพียงบทเรียนที่สามารถเป็นครูให้กับเราได้ แต่หากการรับรู้นั้นส่งผลให้เราลุกขึ้นต่อสู้หรือจัดการเขา ด้วยตนเองแทนพระเจ้าแล้วหละก็ นั่นจึง … เข้าสู่การตัดสินพิพากษาที่พระเจ้าไม่ได้มอบสิทธินั้นในมือใครเลย ..
3. แทนการปกปิดความบาป เพื่อเอาตัวรอด ควรกลับใจใหม่ เพื่อเริ่มต้นใหม่เสียดีกว่า … อย่าปล่อยให้ตนเองถลำลึกกับบาปด้วยการยอมรับว่าบาปนั้นไม่หนักหนา
4. ความอายจากการยอมรับว่าตนเองทำบาป หรือผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย (แม้จะยากบ้างในบางสถานะ) เพราะพระคุณพระเจ้ามีมากเพียงพอ ที่จะชำระเราให้บริสุทธิ์ได้ และทรงรื้อฟื้นใหม่เสมอ หลังการกลับใจใหม่ย่อมมีการรื้อฟื้น ที่งดงาม แทนที่จุดที่ได้รับการเยียวยารักษาเสมอ
21/08/2014 10:15