พระบิดาผู้ทรงขัดเกลาและสร้างเราให้แข็งแกร่งนั้นเป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่พระเจ้าหยิบยื่นให้กับบุคคลที่แสวงหาการเติบโตและก้าวไปอย่างไม่รู้จักพอ อยากและปรารถนาจะเรียนรู้จักพระองค์มากยิ่งๆ ขึ้น
แน่นอนว่าชีวิตของเราแต่ละคน ย่อมต้องผ่านบทพิสูจน์ต่างๆ มากมาย และการพิสูจน์ตนเองว่าเป็นที่ใช้การได้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เวลาเหล่านั้น คือ ช่วงเวลาที่ไม่มีมนุษย์คนใดโปรโมท ไม่มีใครให้การสนับสนุน ตรงข้ามกัน… กลับมีแต่เสียงคัดค้าน…
*** แต่มีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นที่ชัดเจนหรืออาจแผ่วเบาคือ เสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า***
มนุษย์น้อยคนนักที่จะมองจากภายใน หรือบางเวลาอาจหาไม่เจอเลยด้วยซ้ำ คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มองภายนอก มองสิ่งที่ตาเห็น ประเมินจากความคิดและจินตนาการของเขาเองว่า… มันควรเป็นเช่นไร มันน่าจะเป็นอย่างไร เอาประสบการณ์ตนเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งก็น้อยคนเหลือเกินที่จะนั่งลงพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบด้าน หรืออธิษฐานถามพระเจ้าว่า “สิ่งที่เห็นในผู้อื่นนั้นคือสิ่งใด”
เป็นไปได้ว่าพระเจ้าอาจกำลังทำบางอย่าง แต่ก็นั่นแหละ เราต่างก็เคยเป็นทั้งผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์และผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยกันทั้งนั้น
ในสังคมทั่วไปการพูดเพื่อโต้แย้งหรืออธิบายดูจะเป็นทางออกที่ดี แต่ในทางกลับกัน พระเจ้ามักปรารถนาให้เราพิสูจน์ชีวิตเสียมากกว่า เพราะบทพิสูจน์มักทำลายคำครหาโดยสิ้นเชิง
กว่าจะผ่านในแต่ละช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ชีวิตได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความอดทนอย่างมาก ความเชื่ออย่างสูง เราต้องยึดเสียงของพระเจ้าไว้และเดินตามไปทีละก้าวๆ เพราะการพิสูจน์ชีวิตย่อมต้องใช้เวลา บางบทพิสูจน์อาจใช้เวลาแค่ 1 ปี , 3 ปี , 5ปี … หรืออาจตลอดชีวิตก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเราและแผนการณ์ของพระเจ้า
บทพิสูจน์ที่ผ่านแล้ว
แท้จริงเมื่อเราจดจ่อในการเดินกับพระเจ้า การพิสูจน์ชีวิตจะเริ่มเปลี่ยนมุมมองทัศนคติ จากความต้องการการยอมรับจากมนุษย์ จนเป็นการที่เราไม่สนไม่แคร์ เลยว่ามนุษย์จะว่าอย่างไร… แต่ที่เราแคร์ ที่สนใจ เอาใจใส่และพยายามหนักหนาที่จะไม่ให้พลาดคือน้ำพระทัยพระเจ้า และท้ายที่สุดเมื่อถึงวันเวลาเหล่านั้นที่ต้องอาย คือคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรา แต่ที่ถูกยกขึ้นคือเราเองที่ผ่านแล้ว…
พระเจ้าทรงยุติธรรมเสมอ พระองค์จะไม่ทำให้คนที่รักพระองค์อย่างสุดใจต้องอาย
แต่ทำไม? หลายต่อหลายคนยังคงได้รับความอายนั้นเสมอๆ … ก็แน่หละการเริ่มต้นดีเป็นสิ่งดี แต่การเลิกลากลางทางก็เป็นตัวบ่งชี้ว่า … ความสำเร็จไม่ใช่ของผู้ที่เริ่มต้นดีเสมอไป ไม่มีใครสามารถกำหนดเส้นทางทางเดินชีวิตของเราได้ นอกเสียจากพระบิดาผู้ทรงสร้างและรักเราเท่านั้น หากเราเดินตามพระองค์อย่างเหนียวแน่น การจะผ่านสิ่งต่างๆ นั้น พระองค์ย่อมทรงรับรองเป็นแน่แท้ พระเจ้าไม่ทรงขัดกับพระลักษณะของพระองค์เองเลย
การพิสูจน์ชีวิตที่ผ่านแล้วนั้น เป็นความหอมหวานที่เกินคุ้มราคาที่จ่ายออกไป และเป็นการเชิญชวนให้เรากล้าที่จะก้าวเข้าสู่บทพิสูจน์ต่อๆ ไป … เพราะทุกครั้งที่เราผ่านมันสะท้อนให้เห็นว่า เราได้ก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว ไม่ใช่จุดเดิม ไม่ใช่แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว …
สิ่งที่ได้รับก็จะไม่ใช่ขนาดเดิมอีกต่อไป
– ยิ่งอยากรับมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องรับการขยายมากเท่านั้น
– ยิ่งการขยายมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องมีบทพิสูจน์มากเท่านั้น
นอกจากที่เราจะได้เห็นพระหัตถ์และพระคุณของพระเจ้าแล้ว เราจะได้เห็นว่าพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่รักและทนุถนอมเรามากเพียงใด
ตลอดเส้นทางการพิสูจน์ชีวิตนั้นจะมีเพียงแค่เรากับพระองค์เท่านั้น การได้รับการยกขึ้นจากพระองค์ก็เป็นการแสดงการยอมรับจากพระองค์ด้วยว่าเราผ่านแล้ว เราเป็นที่ใช้การได้และเราสามารถถวายเกียรติพระองค์ผ่านชีวิตของเราได้
– ศัตรูและฝ่ายตรงข้ามจะอับอายเพราะคำหมิ่นที่มีก่อนหน้านี้
– มนุษย์จะตกตะลึงในสิ่งที่พระเจ้าทำในเรา พวกเขาจะหน้าแตกพร้อมๆ กับยอมรับและยินดีกับเรา
ด้วยทุกสิ่งได้ถูกพิสูจน์จนสามารถล้มกำแพงคำครหาได้ … อีกทั้งใครจะต่อสู้การโปรโมทขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้หรือ??
คำอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้า
“ข้าแต่พระเจ้าทุกวันนี้ที่มาจนถึงจุดนี้
ก็โดยพระองค์ เพื่อพระองค์และขอมอบพระเกียรติทั้งสิ้นแด่พระองค์
ขอบพระคุณที่ไม่ทรงเลยผ่านชีวิตเล็กๆ ที่ด้อยค่านี้
แต่ทรงกลับให้คุณค่าและนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด คือพระองค์เท่านั้น
อธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”
07-05-2013