ทูตสวรรค์ร่างใหญ่กว่ามนุษย์ปกตินิดหน่อย ใส่ชุดสีขาวขุ่นๆ คล้ายผ้าดิบนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่พนักพิงเป็นซี่ๆ สีขาวโปร่งแสง ในมือของทูตสวรรค์ตนนี้ถือพิณตัวใหญ่ตั้งฉากกับพื้น
พิณมีลักษณะสีน้ำตาลประกายทองและเงิน มีสายสีทองสลับเงินสะท้อนออกมาเป็นแสงคล้ายสีรุ้งอ่อนๆ ระเรื่อๆ นิ้วมือบรรจงดีดพิณ สายตามุ่งมั่นดูหนักแน่นมั่นคงและยำเกรง บรรยากาศของเสียงเพลงที่ลอยมากระทบหูของข้าพเจ้า แสดงถึงการทรงประทับอยู่ขององค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง สัมผัสได้ถึงความขึงขังจริงจังของทูตสวรรค์ตนนี้ที่ยำเกรงและพยายามสื่อออกมาถึงทุกสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ ณ เวลานี้
ลักษณะของทูตสวรรค์ตนนี้มองดูคล้ายชายผู้บึกบึน อีกทั้งแข็งแกร่ง เข้มแข็งประดุจดั่งนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะครบเครื่องพร้อมสำหรับการออกรบและประจัญหน้าต่อทุกสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจด้วยว่าเบื้องหน้า…คือ…สงครามแบบใด และยุทธศาสตร์ต้องเป็นไปอย่างไร อีกทั้งสายตาที่แน่วแน่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือชัยชนะและธงชัย เสมือนกับจะทำให้ศัตรูพ่ายแพ้เสียแต่ยังไม่ต้องเริ่มด้วยซ้ำ… แต่มองดูก็คล้ายหญิงสาวที่อ่อนโยนและอ่อนละมุนที่กำลังบรรเลงบทเพลงท่ามกลางแสงที่กระทบทำให้ความงามนั้นยิ่งชัดเจนและเด่นขึ้น บทเพลงนั้นกำลังบรรเลงมอบถวายแต่องค์พระเยซูที่ประทับ ณ เบื้องหน้า ยิ่งส่งเสริมทำให้การมองเห็นพระเยซูชัดเจนแจ่มแจ้งจนกระทั่งแทงทะลุเข้าไปยังความรู้สึกภายในถึงความอ่อนละมุนที่พระเยซูมีและทรงสมควรแก่การสรรเสริญเพียงใด
เห็นทูตสวรรค์งดงามแล้ว แต่ความงดงามนั้นก็เพื่อที่จะสรรเสริญองค์พระเยซูผู้ประทับอยู่เบื้องหน้า พระรัศมีและสง่าราศีของพระเยซูทำให้เสียงบทเพลงของทูตสวรรค์เป็นเพียงเสียงที่ขานรับความงดงามอย่างหาที่สุดไม่ได้ หาที่เปรียบก็ไม่ได้และบรรยายถึงพระองค์ผู้ทรงสมควร แลดูองค์พระเยซูทอดพระเนตรมาทางข้าพเจ้า ทำให้ความรู้สึกที่ตื้นตันได้เอ่อล้น ทรงสัมผัสและรับรู้ถึงความรู้สึกข้างในของข้าพเจ้า ณ เวลานี้ และตัวเองกลับพบว่ามันไม่สำคัญเลยว่า ข้าพเจ้าจะต้องเผชิญสิ่งใด ขอแต่เพียงได้เผชิญหน้ากับพระองค์ก็คุ้มแล้วซึ่งทุกสิ่งที่ยอมวางลง…
จากการเพ่งมองดูและเพลิดเพลินกับบทเพลงที่บรรเลงอยู่ในชั่วขณะหนึ่ง เมื่อได้สัมผัส ได้แลเห็นองค์ประกอบตรงหน้าอย่างครบถ้วนรอบๆ แล้ว ในทันใดนั้นทูตสวรรค์ตนนี้ก็ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา ข้าพเจ้าถึงกับตะลึงในสิ่งที่ตาเห็นเพราะร่างของเขาไม่ได้ใหญ่กว่ามนุษย์เพียงเล็กน้อยเหมือนตอนที่นั่งเลยสักนิด …
ความสูงใหญ่ของทูตสวรรค์ตนนี้มีขนาดใหญ่จนชนเพดาน เหมือนต้องก้มหน้าลงด้วยซ้ำ เพราะพื้นที่คับแคบไปเสียแล้ว ปีกทั้ง 2 ได้สยายออกพร้อมๆ กับเหลียวหน้ามามองข้าพเจ้าและยิ้มมุมปากด้วยความเคร่งขรึม พร้อมทั้งเอ่ยว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์แด่พระองค์ผู้เที่ยงธรรมเท่านั้น” (ถึงตอนนี้ถึงรู้ว่าทูตสวรรค์ตนนี้ เห็นแต่แรก คือ เสราฟิม) เมื่อกล่าวจบก็ยกปีกขึ้นบินไปมาเหนือศรีษะรอบๆ ห้องประชุมโดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าที่สายตาข้าพเจ้ามองเห็น อีก 2 มือที่ใช้ดีดพิณก็ได้นำมาปิดตาของเขาเอง อีก 2 มือจับปลายเท้าไว้ตลอดเวลา ปากก็ไม่หยุดที่จะร้อง “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์แด่พระองค์ผู้เที่ยงธรรมเท่านั้น” ในขณะที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์เองและเสด็จเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ทรงสำแดงความงดงามที่แสนจะใจดีต่อข้าพเจ้า ด้วยการหยิบยื่นความเข้าใจ ทรงตรัสว่า “เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าดั่งที่เจ้าไม่ทอดทิ้งเรา” และทรงประทับอยู่กับข้าพเจ้า ***ทำให้มั่นใจมากขึ้นที่จะตอบสนองพระองค์และก้าวตามแม้ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ช่างไร้ค่าสิ้นดี เพราะที่ได้รับคือ…พระองค์ผู้ทรงปรากฏแก่ตาและต่อหน้า***
06/10/2013 10:47