เพราะเขาเป็นที่โปรดปรานและหวงแหนของพระเจ้า ดังนั้นเมื่อพระเจ้าลุกขึ้นต่อสู้เมื่อไร ศัตรูจะพ่ายอย่างหนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่ทำร้ายกลับกลายเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือเป็นบุคคลที่รัก … แม้จิตใจภายในจะเจ็บปวดและบอบช้ำจากการถูกทำร้าย แต่ด้วยการรู้จักกับพระเจ้าเป็นอย่างดี ทำให้ภายในย่อมรู้ว่าพระเจ้าทรงรักและหวงแหนตนเพียงใด จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่ขัดขวางและทำร้ายแก้วตาดวงใจของพระองค์อย่างไร ดังนั้น การหลีกหนีจึงเป็นหนทางที่ผู้ชอบธรรมเลือกกระทำ
การหลีกหนีหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่มีทางสู้ , ไม่ใช่ว่าโต้ตอบไม่ได้ , ไม่ใช่ว่าอ่อนแอกว่า …
แต่เพราะว่าต้องการสงวนคนๆ นั้นไว้ แม้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่ไม่สมควรได้รับเมตตานี้เลย แต่หัวใจของผู้ชอบธรรมกลับแสดงถึงเมตตาที่มีต่อเขา … ส่วนมนุษย์ผู้เป็นศัตรูนั้นมักผยองพองตน ได้ใจคิดว่า “ตนเองแน่” กลับยิ่งไล่ล่า … แต่ผู้ชอบธรรมยิ่งหนีให้ห่างไกลไปอีก และ นั่นคือ เวลาที่พิสูจน์ตนว่า ได้สงวนมือ และหดสั้นเข้าสำหรับการอธรรม ในขณะที่ผู้ผยองไม่ได้รู้เลยว่า ยิ่งผู้ชอบธรรมหลบหนีมากเท่าไร การแก้แค้นของพระเจ้ายิ่งทวีโทษลงมายังหัวของเขา สะท้อนผลร้ายกลับสู่เขามากเท่านั้น
เหตุนี้เองไม่เพียงแค่การหดมือต่อสู้ความอธรรม แต่การสงวนปากไม่แช่งสาปก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเช่นกัน นอกจากเป็นการรักษาใจของตนไม่ให้พัวพันกับความอธรรมทั้งสิ้นแล้ว ยังเป็นสิทธิอำนาจที่ตกแก่ริมฝีปากผู้ชอบธรรมด้วย เขาตระหนักอย่างมากว่า … หากเขาพูดสิ่งใดที่แช่งสาปศัตรูออกไป ไม่เพียงท่าทีภายในใจ เค้าโครงความคิด ที่ไม่ผ่านจริงแล้ว… ยังทำให้คำแช่งนั้นตกแก่ศัตรู ซึ่งแท้จริงหัวใจของผู้ชอบธรรม ไม่มีใครปรารถนาจะทำร้ายผู้อื่น แม้ตนเองจะถูกทำร้ายมากเพียงใดก็ตาม หากผู้ชอบธรรมตอบแทนการร้ายด้วยการร้ายกลับไป เช่นนั้นจะไม่เรียกว่า “ผู้ชอบธรรม” แต่จะถูกเรียกว่า “คนอธรรม” เช่นเดียวกันกับศัตรู เพียงแต่คนละด้าน , คนละเวลา , คนละเรื่อง … ก็เท่านั้นเอง
หัวใจของพระบิดาได้สวมทับผู้ชอบธรรม ด้วยหวังลึกๆ แม้เพียงเสี้ยวเศษก็ยังดีว่า เขาคงจะกลับใจใหม่… แน่นอนบาดแผลจากการถูกทำร้ายนำความเจ็บปวดมาถึงจิตใจ , ร่างกาย , ความคิด และจิตวิญญาณ , ชีวิต ,ทรัพย์สิน … แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ผู้ชอบธรรมได้เห็นและได้รับคือ การช่วยกู้และการอยู่ด้วยของพระองค์ผู้ทรงหวงแหน ทรงเยียวยาอย่างอ่อนละมุน ทรงปลอบประโลมจนล้ำค่า ทำให้กลับแปรเปลี่ยนการร้ายเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกมากขึ้นต่อพระองค์ผู้ทรงสัจจริง
การทำงานของพระเจ้าร่วมกับผู้ชอบธรรมในด้านนี้ ทำลายแผนการณ์ของมารร้ายโดยสิ้นเชิง อาวุธแห่งความขุ่นมัวถูกหักลง การทำลายล้างผ่านความเจ็บปวด ถูกย้อนศรด้วยอ้อมกอดของพระบิดา ทำให้กลับหวานซึ้งพรั่งพรูคำสรรเสริญ มารซาตานหน้าหงาย…
เมื่อผู้ชอบธรรมยืนขึ้นได้แทนล้มลง
เมื่อสรรเสริญพระเจ้าแทนการต่อว่า
เมื่อสงวนและรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ชอบธรรมได้แทนการโต้ตอบอย่างรุนแรง…
…เพราะเมื่อใดก็ตามที่ การโต้ตอบนั้นตกแก่คนของพระเจ้าด้วยวิธีการของโลกและเนื้อหนัง ก็ได้พรากความชอบธรรมออกไปจากคนของพระองค์ และไม่สามารถยืนในจุดของผู้ชอบธรรมได้อีกต่อไป ,
ไม่สามารถรับในสิ่งที่ทรงสัญญาได้ ,
ไม่สามารถเห็นพระหัตถ์อันยุติธรรมได้ ,
ไม่สามารถเข้าถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ได้…
หลายๆ คนพลาดในจุดนี้ จึงทำให้ไม่ได้เห็น , ไม่ได้รับ , ไม่พบการช่วยกู้ ,… แต่ยิ่งกลับเปิดประตูและช่องให้การทำร้ายมาเป็นระรอกๆ ด้วยการไม่ชนะ เพราะความอธรรมไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความอธรรม แต่สามารถเอาชนะได้ด้วยความชอบธรรม เพราะพระองค์จะเป็นผู้ลุกขึ้นแก้แทน
ทำไมผู้ชอบธรรมต้องหนี
นิยามของผู้ชอบธรรม
1. ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ใช่ตามเนื้อหนัง : เนื้อหนังมักยุยงให้เป็นไปหรือทำตามที่ได้รับหรือถูกกระทำเสมอ เช่น เจ็บปวดต้องเอาคืน
2. ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ วางใจ และเชื่อฟัง : แน่นอนหลายสิ่งไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เราต้องเชื่อในพระเจ้า วางใจในพระองค์ และยอมที่จะเชื่อฟัง
3. สงวนและซ่อนตัวเองจากความอธรรมทั้งสิ้น : โดยปกติพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในเรา มักทำให้เราสามารถแยกแยะออกระหว่างความดีกับความชั่ว , สิ่งที่ชอบพระทัยกับไม่ชอบพระทัย , สิ่งอธรรมกับชอบธรรม , สิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิด ,… เราต้องยืนยันตนเองที่จะยืนในฝั่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานภายในชีวิตเราอย่างแท้จริง
เมื่อผู้ชอบธรรมหลีกหนีจากความอธรรม ใช่ว่าเขาอ่อนแอหรือพ่ายแพ้ แต่เพราะว่า
1. รักษาชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ชอบธรรม
2. เพื่อเห็นแก่ผู้ที่ตั้งตัวทำร้ายเขา เป็นการแสดงเมตตาต่อมนุษย์และเพื่อนบ้านด้วยกัน
3. รอดูการแก้แทนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
***ดังนั้นบรรดาศัตรูอย่าตามบี้ขยี้ผู้ชอบธรรมดั่งกับว่าตนเองมีอำนาจอยู่ในมือ เพราะเมื่อถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าลุกขึ้นนั่นจะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ หลงเหลืออยู่ ด้วยว่าทรงหวงแหนผู้ชอบธรรมดั่งแก้วตาดวงใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช้าอยู่ เพียงแต่ทรงให้โอกาสอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่ายเป็นแน่!!!
19/12/2014 11:20