ความหมายของจริยธรรม = ศีลธรรม , ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ
จริยธรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการประพฤติที่ดี ในขอบเขตที่ดีงามในการดำเนินชีวิตในสังคมนั้นๆ
ในพระคัมภีร์กล่าวถึงบทบัญญัติ เพื่อให้เราเดินตามซึ่งมีระบุชัดเจนว่าอะไรถูก อะไรผิด (ลนต. , ฉธบ. , กดว.) ที่ชัดเจนคือบัญญัติ 10 ประการ ต้องถือรักษา ไม่สามารถบิดพลิ้วได้
ประเภทของจริยธรรมที่ต้องเกี่ยวข้อง
1. จริยธรรมขั้นพื้นฐาน (การดำเนินชีวิต)
♥ เป็นข้อปฏิบัติที่คนทั่วๆ ไป ทุกคนต้องผ่าน
♥ หากเป็นคริสเตียน ก็เป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปที่พึงกระทำ ตามหลักการพื้นฐานของพระคัมภีร์ เช่น การให้เกียรติผู้อาวุโส , การไม่พูดโกหก , การไม่ทำร้ายผู้อื่น , การเอื้อเฟื้อต่อผู้ที่อ่อนกำลังกว่า , ….
♥ จริยธรรมพื้นฐาน ย่อมเป็นไปตามที่คนเดินตามพระคัมภีร์สามารถมองเห็นได้โดยทั่วไปว่า เป็นมาตรฐานเดียวกัน
2. จริยธรรมองค์กร (มารยาททางสังคม)
♥ ในแต่ละองค์กร ชุมชน จะมีข้อประพฤติปฏิบัติร่วมกัน เป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก เพื่อให้เป็นระเบียบแบบแผน เช่น การเข้าแถว , การปฏิบัติตามกฏระเบียบที่ตั้งไว้แต่ละองค์กร สังคม,…
♥ องค์กรในที่นี้ หมายถึง ครอบครัว , ประเทศ , เมือง , ที่ทำงาน , โรงเรียน , สาธารณะ จนกระทั่งคริสตจักร
♥ เป็นแบบแผนที่มนุษย์ตั้งขึ้นเอง โดยอ้างอิงจากคนหมู่มาก หรือหลักที่ควรยึดในองค์กร หากเป็นคริสตจักรก็อ้างอิงจากพระคัมภีร์ แต่ไม่ใช่ข้อกำหนดจากพระเจ้าอย่างเจาะจงทั้งหมด
3. จริยธรรมน้ำพระทัยพระบิดา (การทรงเรียกเจาะจง)
♥ คือ การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงเรียกร้องเจาะจงในชีวิตของเรา แม้ขัดกับระบอบต่างๆ ซึ่งพระเจ้าไม่ได้ตั้งขึ้น แต่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อป้องกันความวุ่นวายเอง ดังนั้นบางครั้งอาจขัดกับขนบธรรมเนียม ประเพณีปฏิบัติ หรือรูปแบบเดิมๆ แต่ทั้งนี้ก็เป็นทิศทางรวมและแนวร่วมเดียวกันได้ ในกรอบพระวจนะ
*** ดังนั้นหากจะยึดจริยธรรมแท้จริง ให้ถามว่าพระเจ้าเรียกร้องเราเจาะจงในเรื่องใด และการตอบสนองอย่างครบถ้วนเจาะจง นั่นคือ จริยธรรมที่ต้องยึดและเดิน ***
♥ เป็นกฏหมายจากพระเจ้าถึงเราโดยตรงเช่น บัญญัติ 10 ประการ , ทุกสิ่งอ้างอิงพระคัมภีร์ 100% อย่างครบถ้วน
♥ แท้จริงจะเรียกว่า “จริยธรรม” ก็ไม่ครบถ้วน เพราะสิ่งสำคัญ คือ บัญญัติของพระเจ้าที่เราต้องเดินตาม ดังนั้นจริยธรรมน้ำพระทัยพระบิดา คือ การตอบสนองต่อเสียงของพระเจ้าที่มาถึงเราอย่างเจาะจงด้วย แน่นอนว่าต้องผ่านกระบวนการคัดกรองจากพระคัมภีร์ คือ ไม่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์เลย แต่ไม่จำเป็นต้องอิงกับข้อ 1-2 ทุกครั้งไป เพราะเป็นไปได้ที่พระเจ้าจะเรียกอย่างเจาะจง โดยยังไม่มีข้อกำหนดหรือขัดแย้งในข้อ 1-2 เพราะข้อ 1-2 เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์ตั้งขึ้นเท่านั้น
♥ แต่หากเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่พระเจ้าไม่ได้ตรัสเจาะจง หรือเรียกร้องเจาะจง ให้ยึดกรอบพระวจนะ และการให้เกียรติผู้อื่น ร่วมด้วย
จริยธรรม
ภาพเปรียบ : ระบอบประชาธิปไตย คือ ข้อ 1-2 , แต่ข้อ 3 คือ เอกสิทธิ์ของพระเจ้าต่อชีวิตเราแต่ละคนอย่างเจาะจง
*** จริยธรรมของคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของอีกคนหนึ่งก็ได้ หากมันเป็นการเรียกร้องของพระเจ้าเจาะจง และไม่มีใครสามารถกล่าวว่าผิดจริยธรรมได้ เพราะการตอบสนองพระเจ้าไม่เคยผิดจริยธรรม!!! ไม่ผิดพระคัมภีร์ ไม่ผิดต่อตนเอง ไม่ผิดต่อผู้อื่นและที่สำคัญไม่ผิดต่อพระเจ้า …. แม้หลายครั้งจะผิดใจมนุษย์ ไม่ตรงกับระบบธรรมเนียมปฏิบัติที่มีอยู่… (*** แน่นอนว่าต้องไม่ผิดจากพระคัมภีร์ เพราะอย่างน้อยที่สุดตัวชี้วัดบนพระคำก็ชัดเจน)
*** การให้เกียรติกันและกัน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากเป็นพระเจ้าเรียกร้องคนๆ นั้นส่วนตัวอย่างเจาะจง ย่อมหมายถึง = การให้เกียรติพระเจ้าด้วย…
หลายคนพลาดในการให้เกียรติพระเจ้า ด้วยการหมิ่นประมาทหรือลบหลู่ผู้อื่น เพราะพระเจ้าก็ทรงทำงานเหนือคนๆ นั้นด้วยเช่นเดียวกับที่ทรงทำงานในเรา… เพียงแค่เรายืนคนละจุด คนละตำแหน่ง คนละบทบาท คนละเวลา เท่านั้นเอง แต่ท้ายที่สุดย่อมบรรจบครบถ้วนในแผนการณ์น้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่ออาณาจักรของพระองค์
♥ ♥ ♥ การศึกษาพระคำเป็นการส่วนตัว จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับชีวิตคริสเตียนแต่ละย่างก้าว ♥ ♥ ♥
29/07/2014 08:34