เพราะพระนามพระเจ้าทรงบริสทุธิ์ และด้วยพระลักษณะนี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทรงเรียกเราทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ และเมื่อความบริสุทธิ์เข้าปะทะร่างกายบาป กายเนื้อหนังจึงมีอาการต่างๆ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ภายในเราเป็นทั้งกระบวนการและการสำแดงของพระเจ้าในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรความบริสุทธิ์นั้นก็ช่างประเสริฐและล้ำค่าเสียจนกายเนื้อหนังที่ปรารถนาจะรับยังคงต้องสั่นเทาและรับผลกระทบทุกครั้ง ยิ่งบริสุทธิ์มากเพียงใด การรับยิ่งต้องถูกขยายขนาดมากเพียงนั้น
ผู้ที่เห็นคุณค่าและรู้ค่าของความบริสุทธิ์ที่พระเจ้ามอบให้และกระทำในชีวิตเราเป็นประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม มักจะต้องดำเนินชีวิตเพื่อรักษาความบริสุทธิ์นี้ให้ยั่งยืนต่อไปในชีวิตของตน แน่นอนบางคนอาจถูกเรียกร้องสิ่งต่างๆ แท้จริงการเรียกร้องจากพระเจ้าเพื่อความบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะแตกต่างในแต่ละเรื่องที่ทรงเรียกร้อง นั่นขึ้นอยู่กับของประทานและการทรงเรียก รวมถึงลักษณะชีวิตทั้งจุดอ่อนแข็งของเราเป็นองค์ประกอบ เพราะพระองค์ทรงสัพพัญญูรู้ทุกวิถีทางทั้งชีวิตของเรา คนที่ปล่อยปละละเลยในการรักษาชีวิตตามการเรียกร้องนั้น..ความบริสุทธิ์จะเป็นเพียงแค่ประสบการณ์หนึ่งของชีวิตเท่านั้นแทนที่จะเป็นคุณลักษณะแท้ของชีวิตเขา เนื่องจากเราอยู่บนโลกที่แวดล้อมไปด้วยบาปที่ล่อลวงและหลายๆครั้งมนุษย์นี่แหละก้าวเข้าสู่บาปด้วยความเต็มใจเอง ดังนั้นหากไม่รักษาความบริสุทธิ์ไว้ก็ไม่อาจต้านทานความบาปเหล่านั้นได้
ความบริสุทธิ์ที่ต้องรักษา
ความบริสุทธิ์มักแยกเราออกจากบาปด้วยวิถีทางต่างๆ ทั้งการดำเนินชีวิต ความคิด ค่านิยม ความรู้ความเข้าใจ การเลือกปฏิบัติตนเพื่อดำรงชีวิตบนโลก อีกทั้งทุกสิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า… พระเจ้าไม่ทรงมีน้ำพระทัยในเราเกลือกกลั้วกับบาปเป็นที่แน่แท้ แม้เราจะอยู่บนโลกก็ตาม
ถ้าเช่นนั้นการไถ่ของพระเยซูบนกางเขนจะเกิดขึ้นเพื่ออะไร… พระบิดาทรงยอมมอบพระบุตรไว้บนกางเขนเพื่อนำเรากลับสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ นั่นคือ ลบล้างบาปและชำระเราให้บริสุทธิ์ แยกเราออกจากบาปและวิถีที่นำไปสู่ความตาย กระบวนการต่างๆ เสร็จอย่างสมบูรณ์แบบบนกางเขนด้วยฤทธิ์อำนาจของโลหิตของพระเยซูเพียงพอที่จะชำระเรา แต่ด้วยกระบวนการสร้างชีวิตของเรา พระองค์ไม่ได้นำเราออกจากโลกที่เต็มไปด้วยบาป แต่ทรงยังคงให้เราอยู่บนโลกนี้ต่อไป ดังนั้นการรักษาความบริสุทธิ์จึงสำคัญยิ่งๆ ยวด
ปุโรหิตต้องติดกระพรวนลูกโตไว้ที่ชายเสื้อจำนวนมากเพื่อส่งเสียงดัง … เมื่อใดที่เสียงกระพรวนนั้นเงียบลงแสดงว่าเขาได้ตายเพราะบาปเสียแล้ว เมื่อพระเยซูทรงไถ่เราทั้งหลายที่กางเขน ม่านในวิหารขาดจากบนจรดปลาย เพื่อเปิดประตูออกให้เราก้าวเข้าสู่อภิวิสุทธิสถานด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านผู้ใดอีกต่อไป เราจึงได้รับเกียรตินี้จากพระเจ้าพระบิดา โดยผ่านพระโลหิตแห่งการไถ่ของพระเยซู และผ่านพระองค์เองนั้น ความบริสุทธิ์ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิต นั่นหมายถึง … เมื่อเราก้าวเข้าสู่อภิวิสุทธิสถานเราได้เป็นปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเอง ดังนั้นการปฏิบัติตนของเราจึงต้องเหมือนกับปุโรหิตทุกประการ
กระพรวนสำคัญอย่างไรหรือ??
มันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงและเป็นตัววัดสะท้อนให้เห็นว่า ในแต่ละเวลาของเรา ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์หรือไม่? จะมีใครหรือ? ที่แอบซ่อนสิ่งต่างๆ ให้พ้นจากพระเนตรพระกรรณพระบิดา แม้จะทำเนียนว่าทำบาปมาแต่กลับแต่งกายเต็มยศพร้อมเข้าไปในภิวิสุทธิสถานเสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไปเสียงกระพรวนที่เงียบลงได้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้านั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะเก็บซ่อนความบาปผิดให้พ้นจากพระองค์ได้ ดังนั้นกระบวนการชำระที่แท้ย่อมต้องเกิดขึ้นก่อนการเข้าสู่อภิวิสุทธิสถานเป็นแน่แท้ด้วยโลหิตของพระเยซู
แท้จริงผู้ที่ไม่ผ่านการชำระก็ไม่มีสิทธิเข้าห้องนี้ด้วยซ้ำ การรักษาชีวิตให้อยู่ในความบริสุทธิ์ แม้จะดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าคนอื่นทั่วไป แน่นอนนั่นเพราะทำบาปบนโลกแห่งความบาป… ย่อมง่ายกว่า … แม้อยู่บนโลกแห่งบาปก็ยังคงบริสุทธิ์ได้
ความบริสุทธิ์ไม่ได้บอกว่าเราดีกว่า เหนือกว่า หรือแน่กว่าผู้อื่น แต่…
– บ่งบอกว่าเราพยายามที่จะระมัดระวังชีวิตให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าเพียงใด ?
– บ่งบอกว่าเราใช้ชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าเพียงใด?
– บ่งบอกว่าชีวิตนี้เราจดจ่ออยู่ที่ใด?
การรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระคริสต์ ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ที่ปล่อยปละละเลยชีวิตไปเรื่อยเปื่อย เพราะการรอคอยที่แท้จริงจะเป็นลักษณะของการเฝ้าระวังเสมอ เกรงว่ามาแล้วจะไม่รู้ , เกรงว่าจะพลาด , เฝ้ารอคอยและคำนึงว่าเมื่อไรหนอ? >>> และนี่เองที่สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของการรักษาความบริสุทธิ์เพื่อรอคอยพระองค์และต้อนรับการมาของพระองค์เพียงใด
ผู้ที่ยิ่งรักษาความบริสุทธิ์มากเพียงใด พระเจ้าจะยิ่งชำระมากเพียงนั้น เพราะความบริสุทธิ์ที่แม้ทั้งโลกรวมกันก็ไม่สามารถเทียบได้กับความบริสุทธิ์แท้ของพระองค์ แม้พลังงานทั้งโลกนี้หมดไป แต่พลังงานแสงอาทิตย์ก็ไม่มีวันหมดหรือลดลงฉันใดก็ฉันนั้น เพราะความบริสุทธิ์ของพระเจ้ายังคงอยู่นิตย์นิรันดร พระองค์จะค่อยๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้เชื่อที่เดินติดตามพระองค์ให้บริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้น ให้เหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้นในทุกวันเวลาที่เราปรารถนาและทรงกระทำสิ่งนั้นบนโลก เพื่อเมื่อเรายืนบนสวรรค์สิ่งนี้จะสะท้อนออกมาเป็นสง่าราศี มากน้อยก็จะได้เห็นกัน
ความบริสุทธิ์อาจต้องแลกมาด้วยการจ่ายราคา การยอมจำนน การละทิ้งบางสิ่ง การพยายามบังคับตน หรืออะไรอีกมากมาย… แท้จริงเราไม่สามารถทำให้ตนเองบริสุทธิ์ได้เลยแม้แต่น้อย แต่การที่เราพยายามทำสิ่งต่างๆ ก็เพื่อให้เราเข้าเงื่อนไขของพระเจ้าผู้ที่สร้างและใส่ความบริสุทธิ์นั้นในเรา.. คือ ..องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ดังนั้นความบริสุทธิ์จึงสามารถใช้วัดระดับความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ดังนี้แล้วจึงไม่มีใครสามารถอวดอ้างได้ว่าตนเองบริสุทธิ์กว่าผู้อื่น แต่สามารถอวดอ้างได้ว่าพระเจ้าทำสิ่งใดในตนเองบ้าง และความบริสุทธิ์เหล่านี้จะยืนยันสิ่งที่พระองค์ทรงทำในชีวิตของเราแต่ละคนเป็นอย่างดี เป็นดั่งพยานฝ่ายเรา ดั่งที่พระเยซูทรงตรัสว่าทรงเป็นพยานฝ่ายเรา
*** จะเป็นการง่ายกว่าหรือไม่ที่เราจะรักษาความบริสุทธิ์ตลอดเวลา เมื่อเทียบกับการปั้มแต่ละทีที่ไม่สามารถก้าวไปได้ไกลกว่าจุดเดิมเลย ***
10-05-2013