ความน่ากลัวของคำชม

By | 2014/11/10

ใครๆ ก็ปรารถนาได้รับคำชมเชย และการชมเชยเป็นสิ่งดีที่พึงกระทำต่อกัน เพื่อที่จะชื่นชมในสิ่งดีของกันและกัน เป็นการให้กำลังใจในก้าวต่อๆ ไป เป็นการแสดงถึงการสนับสนุนและเห็นด้วยในสิ่งที่ผู้อื่นทำ

*** แต่คำชมที่เกินจริง กลับกลายเป็นอันตรายถึงผู้รับเสียมากกว่า…

ความน่ากลัวของคำชม

คำชมที่เป็นภัย

1.    คำชมที่เกินจริง
คำชมที่เกินกว่าความเป็นจริง , เกินกว่าที่กระทำ , เกินกว่าที่เป็น , เกินกว่าที่ควร , ยกจนเกินมนุษย์ …เปรียบเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ เกินจริง ไม่มีสรรพคุณนั้นอยู่จริง แต่เพิ่มเข้าเองเพื่อชักชวนให้น่าเชื่อถือ เป็นคำชมที่ปราศจากความจริงใจ เพียงแค่ต้องการยกยอปอปั้นเกินกว่าความเป็นจริง

2.    คำชมที่ยกมนุษย์เกินกว่าพระเจ้า
แม้จะมีความสวยหรูว่าเพื่อพระเจ้าก็ตามที การยกย่องส่วนของมนุษย์มากกว่าส่วนที่พระเจ้าทำ เช่น ความสามารถ ความเก่ง ความดีของมนุษย์ แท้จริงมนุษย์มีสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพระเจ้าปรารถนาจะให้โดดเด่นด้วยซ้ำ แต่เมื่อใดก็ตามที่การจดจ่อสิ่งนั้นเกินพระเจ้า ย่อมมีโอกาสสูงมาก ที่จะทำให้พื้นที่ของพระเจ้าในชีวิตลดน้อยลงจนกระทั่งหมดไป เหลือแต่เพียงการยืมมาเป็นข้ออ้างว่า เพื่อพระเจ้า แต่แท้จริงคือ เพื่อยกตน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนโดยไม่รู้ตัว

ยน.3:30  พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง

3.    คำชมที่ข่มผู้อื่นหรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น
คำชมที่เปรียบเทียบกับผู้อื่น ปลุกระดมใจแข่งขัน การแย่งชิง การชิงดีชิงเด่น การกดผู้อื่นลง โดยเฉพาะการลดทอนคุณค่าของผู้อื่น ซึ่งเป็นการทรงสร้างของพระเจ้า ทำให้เกิดการเกลียดชัง อคติ จดจ่อแต่ชัยชนะจอมปลอมที่มนุษย์ยอมรับ แทนที่การยอมรับจากพระเจ้า ในระหว่างการแข่งขัน
ตัวอย่าง ซาอูลกับดาวิด , คาอินกับอาเบล , เอซาวกับยาโคบ , เรเบคาร์กับราเชล

4.    คำชมที่ยกย่องให้ผู้ถูกชมเท่านั้นคือคำตอบของทุกสิ่ง
เป็นการแทนที่พระเจ้า แท้จริงพระเจ้าใช้และทำผ่านมือมนุษย์  แน่นอนความสามารถเป็นตัวช่วยส่งและดันให้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่พระเจ้าเลือกใช้ ความสามารถนำความสำเร็จบนโลก แต่ไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จในสายพระเนตรพระเจ้า ขาดความสามารถพระเจ้าก็จะเพิ่มเติมและฝึกฝนให้ได้ … และความจริงอีกข้อหนึ่ง คือว่า ไม่มีมนุษย์คนใดในพื้นแผ่นดินโลกนี้สมบูรณ์  , ไม่มีใครในโลกที่ไม่บกพร่อง , ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถเป็นคำตอบของทุกสิ่งด้วยตนเอง และไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถตอบสนองทุกคน ทุกสถานการณ์ ทุกสิ่งได้ในตัวของตนเองคนเดียว

คำชมที่ควรเป็น

1.    ชื่นชมในสิ่งที่เขาทำจริงๆ  >> เป็นการชื่นชมแนวการกระทำ ความสามารถ การเรียนรู้ และพัฒนาการ เช่น เนื้องาน

2.    ชื่นชมในความตั้งใจของเขา >> เป็นการชื่นชมที่จิตใจ ทัศนคติ แนวความคิด หลักการดำเนินชีวิต แม้ล้มเหลว หรือได้ไม่เต็มร้อย แต่การมีพื้นฐานที่ถูกต้องและดี เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากกว่าความสำเร็จเสียอีก

3.    ชื่นชมในสิ่งที่พระเจ้ากระทำในและผ่านเขา >> เป็นการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้า เป็นการสรรเสริญที่พระเจ้า ไม่ใช่ตัวบุคคล

 

ผู้รับคำชมมี 2 ประเภท

1.    ผู้ที่ทำสิ่งต่างๆ ในส่วนของตนอย่างสัตย์ซื่อไปเรื่อยๆ โดยไม่คาดหวังคำชมเชยกลับมา

  •        แท้จริงไม่มีใครไม่ชอบคำชมเชย
  •        ไม่มีใครที่ชื่นชอบการดูหมิ่นหรือถูกละเลย
  •        แต่คนประเภทนี้จะไม่คาดหวังการชมเชยจากมนุษย์เลย เขาแค่ต้องการทำในส่วนของตนเองไปเรื่อยๆ อย่างสัตย์ซื่อ ความคาดหวังของเขาจะอยู่ที่พระเจ้า   และพรพรที่พระเจ้ามอบให้ และเมื่อมีคำชมมาถึง … นั่นคือ … รางวัลและพระพรที่พระเจ้าหยิบยื่นให้ ชื่นใจและมีกำลังใจว่ามาถูกทาง

2.    ผู้ที่คาดหวังคำชมเชย

  • เพราะการคาดหวังอยู่ที่มนุษย์ จึง…
  • กดดันตนเองให้ทำได้ดียิ่งๆ ขึ้น
  • กดดันตนเองให้พลาดไม่ได้
  • คาดหวังความสำเร็จสูงมาก
  • จดจ่อกับคำชมเชยจากมนุษย์มากกว่าการเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
  • คิดและตีความว่า คำชมของมนุษย์ = น้ำพระทัยพระเจ้า = ความสำเร็จ
  • และจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนง่ายๆ ท้อใจง่ายๆ  เพราะไม่ถูกเติมเต็ม….
  • ตัวอย่าง  คาอิน

*** แต่คนทั้ง 2 ประเภทอาจตกอยู่ในบ่วงแร้วภัยอันตรายของคำชมที่ผิดๆ ได้เหมือนกัน ดังนั้นควรระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ใช้คำชมที่เป็นภัย เพราะมันเป็นการให้ร้ายมากกว่าการหวังดี เราแต่ละจำเป็นต้องรับผิดชอบในส่วนของตน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กล่าวออกไป หรือรับคำกล่าวนั้นก็ตาม

ทำอย่างไรเมื่อได้รับคำเชย

1.    รับเฉพาะในส่วนที่ตนทำจริง
♣    เป็นส่วนที่เราสมควรได้รับ เฉกเช่นเดียวกับพระพร เพียงแค่ระมัดระวังอย่างมาก ที่จะไม่เพลิดเพลินไปตามคำชม จนกระทั่งหลงลืมว่าพระเจ้าทำสิ่งใดในตัวเราบ้าง อย่ายอมให้คำชมทำให้เราห่างจากพระเจ้าออกไป

2.    อย่าหยุดพัฒนาตนเอง
♣    มีคนชมย่อมมีคนตำหนิ เพื่อการพัฒนาตนเอง เพราะมนุษย์ต้องมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์ เปิดใจรับทั้ง 2 ด้าน เมื่อใดที่คิดว่าตนสมบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นก็ไม่คิดจะพัฒนาตนเอง อิ่มตัวและไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้าอีกต่อไป

3.    ที่สำคัญที่สุด คือ ยกพระเกียรติทั้งสิริแด่พระเจ้า มอบถวายเกียรติคืนแด่พระองค์ >> ยิ่งถ่อมยิ่งได้รับต่อๆ ไป

*** แท้จริงมนุษย์ทุกคนมีคุณค่าที่พระเจ้าสร้างและใส่ให้อยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่มชนิดที่ไม่มีสิ่งใดหรือใครสามารถลดทอน หรือเพิ่มคุณค่าเหล่านี้ได้  ไม่ว่าจะมีคำชมหรือไม่ ไม่ได้เป็นผลให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง มีคำชมไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่มีคำชมไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลง  เพราะเราต่างมีคุณค่าที่แสนงดงามอย่างดียิ่งนักอยู่แล้ว
คำชม = รางวัลส่วนเกิน ที่ชีวิตน้อยๆ ได้รับ

03/11/2014

0Shares