การแต่งตั้ง

By | 2016/06/07

ที่มาของการแต่งตั้งมาจาก 2 แหล่ง
1.    พระเจ้า
2.    มนุษย์

ความแตกต่างของการแต่งตั้งของพระเจ้ากับการแต่งตั้งของมนุษย์

แม้ว่าคนที่มนุษย์แต่งตั้ง จะทำงานของตนเองอย่างสัตย์ซื่อพระเจ้าย่อมอวยพรความสัตย์ซื่อนั้น แต่เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานย่อมแตกต่างกัน

ผู้ที่มนุษย์แต่งตั้งย่อมถูกวางตัวและทำงานตามแผนและ support มนุษย์คนนั้น องค์กรนั้น

แต่ผู้ที่พระเจ้าแต่งตั้งย่อมทำงานตามแผนของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระเจ้า และวัตถุประสงค์เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า การเคลื่อนไหวไปกับพระเจ้าองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเกิดขึ้นมากกว่า

จงอย่ากังวลถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น จากการทำงานของพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงมีระบบระเบียบมากยิ่งกว่ามนุษย์คนใด ทรงสามารถสร้างระบบจักรวาลและแผ่นดินโลกได้อย่างมีระเบียบ ทรงใส่แรงโน้มถ่วงไว้ เพื่อไม่ให้มีสิ่งใดๆ ตกหล่นหรือชนกัน ที่เป็นอัศจรรย์แห่งการทรงสร้างของพระเจ้า ในขณะเดียวกันการทำงานของพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยระบบระเบียบที่แน่ชัดและสมบูรณ์แบบ ย่อมไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย

ความวุ่นวายเกิดจากนิยามและการตั้งกฎของมนุษย์ขึ้นเอง เพื่อควบคุมมนุษย์ด้วยกัน และสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในความควบคุมของมนุษย์และองค์กร

 

การแต่งตั้ง

1.    ไม่ว่าตนเองจะถูกแต่งตั้งจากพระเจ้าหรือมนุษย์ก็ตาม จงพิสูจน์ตนด้วยการทำส่วนของตนเองอย่างสัตย์ซื่อ และเป็นที่แน่นอนว่า พระเจ้าผู้ทรงควบคุมทุกสิ่ง พระเจ้าผู้ทรงมองดูและชันสูตร จะตรวจพบความสัตย์ซื่อนั้น และจะทรงยกชูเป็นแน่นอน

2.    จงเปิดให้มีอิสรภาพในการตอบสนองพระเจ้า และการเคลื่อนไหวของพระเจ้าอย่างเต็มที่ อย่าควบคุมด้วยการเอาระบบ ระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรม หรือความคิดของตนเอง หรือคนส่วนมาก หรืออดีต เพื่อปิดกั้นการทำงานของพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งการงานของพระเจ้าไว้ได้ ไม่ว่าจะหนทางใดก็ตาม

3.    การแต่งตั้งจากมือมนุษย์ ไม่มีทางเทียบเคียง หรือเทียบได้กับการแต่งตั้งจากพระเจ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นผลด้านฝ่ายวิญญาณหรือฤทธิ์เดชใดก็ตาม

4.    ในเชิงองค์กร เราสามารถคิดค้นระบบระเบียบ เพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายขึ้น ท่ามกลางความแตกต่างของแต่ละบุคคล ของแต่ละความคิดเห็น ของแต่ละสไตล์ …  แต่ในเชิงการทำงานฝ่ายวิญญาณต้องเปิดโอกาสและมอบสิทธิในการทำงานและเคลื่อนไหวให้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นการสนับสนุนซึ่งกันและกัน เป็นการช่วยเหลือกันและกัน มากกว่าการควบคุม

5.    ไม่ว่า เราจะยืนอยู่ตรงจุดไหนก็ตาม จะเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากมนุษย์ หรือ พระเจ้าโดยตรงก็ตาม จงก้มหน้าก้มตาทำส่วนของตนเองอย่างสัตย์ซื่อ อย่ามัวแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ที่มีความแตกต่างกับตนเอง ด้วยการเสียเวลาส่วนมากไปกับการเปรียบเทียบ เพราะมันไม่สามารถยกคุณค่าการงาน พันธกิจ หรือ ชีวิตของตนให้สูงขึ้นได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้ที่สมควรได้รับเกียรติยศนั้น คือ พระเจ้าผู้ทรงอยู่เบื้องหลัง หาใช่มนุษย์คนเล็กๆ ไม่

6.    แน่นอนด้วยว่า ผลสัมฤทธิ์ของแต่ละตำแหน่งจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งนั้นๆ แต่ทั้งสิ้น เมื่อประกอบรวมกันจะสมบูรณ์ในพระกาย

1คร.12:14-31
14 เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียวแต่ด้วยหลายอวัยวะ
15 ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นมือ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น” เท้าจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
16 และถ้าหูจะพูดว่า “เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นตา ข้าพเจ้าจึงมิได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น” หูจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
17 ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน
18 แต่บัดนี้พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะทุกส่วนไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์
19 ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน
20 แต่บัดนี้มีหลายอวัยวะแต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน
21 และตาจะว่าแก่มือว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า” ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า” ก็ไม่ได้
22 แต่ยิ่งกว่านี้อวัยวะของร่างกายที่เราเห็นว่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่ได้
23 และอวัยวะของร่างกายที่เราถือว่ามีเกียรติน้อย เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ไม่น่าดูนั้น เราก็ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น
24 เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น
25 เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน
26 ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย
27 บัดนี้ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครสาวก สองผู้พยากรณ์ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีการอัศจรรย์ ของประทานในการรักษาโรค การช่วยเหลือ การครอบครอง การพูดภาษาต่างๆ
29 ทุกคนเป็นอัครสาวกหรือ ทุกคนเป็นผู้พยากรณ์หรือ ทุกคนเป็นครูบาอาจารย์หรือ ทุกคนกระทำการอัศจรรย์หรือ
30 ทุกคนได้รับของประทานให้รักษาโรคหรือ ทุกคนพูดภาษาต่างๆหรือ ทุกคนแปลได้หรือ
31 แต่ท่านทั้งหลายจงกระตือรือร้นอย่างจริงจังบรรดาของประทานอันดีที่สุดนั้น และข้าพเจ้ายังคงแสดงทางที่ยอดเยี่ยมกว่าแก่ท่านทั้งหลาย

 


2016-04-23

 

 

0Shares