การจ่ายราคาแบบโมเสส
กว่าโมเสสจะยอมจ่ายราคา ยอมก้าวตามที่พระเจ้าตรัสสั่งและเรียกเขา ต้องมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์เป็นเสมือนมัดจำในความเชื่อก่อน
– พุ่มไม้เป็นไฟ
– ไม้เท้าเป็นงู
– ฟาโรห์องค์เดิมตาย
– ให้อาโรนมาพูดแทน
พระเจ้าได้กุยทางให้โมเสสเป็นอย่างมากเพื่อให้เขาตอบสนองและเดินตาม
แต่พัฒนาการด้านการจ่ายราคาของโมเสสก็พลิกชีวิตของเขา … จากเดิมต้องเห็นผลตอบแทน หรือได้รับอะไรกลับมาก่อนเขาจึงจะก้าว >> ก็เปลี่ยนเป็น >> แม้ยังไม่ได้อะไร ถ้าพระเจ้าตรัสเขาจะจ่ายออกไปก่อน เพื่อให้พระเจ้ารับรองเขา
– ต้องยกมือออกไปก่อน ทะเลจึงจะแหวกออก >> เขาเรียนรู้จักที่จะจ่ายราคา โดยการยื่นมือออกไปก่อน แทนการรอให้ทะเลแหวกเสียก่อนเขาจึงยอมยื่นมือออกไปและก้าวเท้าออกไป
– ต้องขึ้นภูเขาแยกตัวมาหาพระเจ้าก่อน จึงจะได้บัญญัติ 10 ประการ เพื่อชนอิสราเอล >> เขาก้าวขึ้นภูเขาของพระเจ้าในขณะที่ทรงเรียกทันที แทนที่จะรอให้รู้ก่อนว่าขึ้นไปจะได้อะไรกลับมา จะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า แต่เขาไปเพราะเขาต้องการพบพระเจ้า
การจ่ายราคาแบบอับราฮัม
อับราฮัมเป็นคนที่ได้ชื่อว่า “บิดาแห่งความเชื่อ” เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่พระเจ้าตรัสสั่งเขา โดยที่ไม่มีการให้อะไรกับเขาเป็นที่รับรอง (มัดจำ) ก่อนเลย **แต่เขากลับก้าวเดินตามทันที** แม้สิ่งที่พระเจ้าสัญญาจะยังมองไม่เห็น ไม่ว่าจะดินแดนพระสัญญาที่ไม่เคยรู้จัก , หรือการมีลูกหลานมากมายดุจดั่งดวงดาวในท้องฟ้า เม็ดทรายในทะเล ขณะที่ตนแก่มาก ภรรยาเป็นหมัน >> เขาเชื่อและก้าวตามทันทีโดยไม่ต้องรอให้พระเจ้าทำสิ่งใดๆ เป็นมัดจำให้กับเขาก่อน เขาแสดงความเชื่อออกมาผ่านการเชื่อฟัง ดินแดนใดก็ไม่รู้เลย ไม่รู้ว่าดินแดนที่ต้องไปเป็นอย่างไร? ไปทางไหน? ซ้ายหรือขวา? ต้องจากบ้านเรือนครอบครัวและความมั่นคงทั้งหมดที่มี… แต่เขากลับเชื่อฟังซึ่งแสดงถึงความมั่นคงในความเชื่อและไว้วางใจพระเจ้าอย่างที่สุด และพระเจ้านำเขาแบบก้าวต่อก้าว พระพรของเขาเก็บกินยันลูกหลานหลายชั่วอายุก็ไม่หมด
ข้อคิด
1. เราต้องมีพัฒนาการการจ่ายราคาออกไป แรกเดิมเราอาจต้องรอให้พระเจ้าทำอะไรบางอย่างก่อนเราจึงยินดีหรือยอมเชื่อฟัง แต่เมื่อเราโตขึ้นแม้พระเจ้าไม่ได้ให้อะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนหรือมัดจำกับเราก่อน เราก็ยินดีจ่ายออกไปก่อน แล้วเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คริสเตียนจำเป็นต้องเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในด้านความเชื่อและการเชื่อฟัง
2. ในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ไม่มีผู้ใดที่จ่ายออกไปแล้ว หรือเชื่อฟังพระเจ้าแล้ว พระองค์จะไม่อวยพรกลับ หรือไม่รองรับเขา
3. เพราะพระเจ้าไม่เคยโกหก ดังนั้นสิ่งที่ทรงตรัส จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อยู่ที่เราเชื่อและเดินตามแค่ไหน???
4. แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงเมตตา แม้ตัวเราอิดออด ต่อรอง ยื้อยุดเวลา… พระองค์ก็ยังคงรอคอยและช่วยสนับสนุนให้เราก้าวไปให้ได้
5. การจ่ายราคาแบบโมเสสต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ , พัฒนาความเชื่อและความกล้าในการเดินไปกับพระเจ้า แต่การจ่ายราคาแบบอับราฮัมเป็นแบบกล้าทุ่ม เพราะเชื่อในพระลักษณะของพระเจ้าอย่างสุดใจ เขาจึงได้รับหลายชั่วอายุคน แต่โมเสสได้เพียงแค่ยุคของตนเองและต่อไปอีกนิดหน่อย
6. ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นชีวิตความเชื่อแบบใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือ… พัฒนาการความเชื่อที่มากขึ้นทุกๆ วัน ไม่ว่าโมเสสหรืออับราฮัมก็ตาม ต่างมีความเชื่อต่อพระเจ้าของตนในแบบฉบับของตนเอง เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าของเขาเอง หากเรามีพัฒนาการความเชื่อในทุกๆ วันเวลา ความเชื่อของเราย่อมได้รับการพัฒนาจากพระเจ้าของเราเอง
7. แบบอย่างความเชื่อของทั้ง 2 คน เป็นเหมือนสิ่งที่สะท้อนให้เราต้องก้าวไปในความเชื่อเสมอๆ พระเจ้าไม่หยุดที่จะพัฒนาความเชื่อในเรา ขอเพียงเราอย่าหยุดที่จะก้าวไปในความเชื่อกับพระองค์มากขึ้นๆ ระหว่างทางประสบการณ์ตรงที่ได้รับ ย่อมสะท้อนลักษณะและรูปแบบความเชื่อของเราออกมา ผ่านการดำเนินชีวิตส่วนตัวในแต่ละด้าน
180213