พระเจ้ามักสำแดงหนทางข้างหน้าและบั้นปลายในชีวิตให้เราเห็นในส่วนตัวของเราเอง เพื่อจะก้าวไปกับพระองค์แบบก้าวต่อก้าวและก้าวไปจนถึงจุดหมายเส้นชัยของเราที่พระเจ้าเรียกเราอย่างเจาะจงได้เป็นอย่างดี แต่มารซาตานมักหยอดกลลวงในการล่อหลอกให้เราอยากมี อยากเป็น อยากได้อยู่ร่ำไป มันไม่เคยกล่าวถึงบั้นปลายชีวิตของเราได้เลยเพราะมันเองก็ยังเอาตัวไม่รอดในบั้นปลายของมัน แต่มันสร้างเหตุผลและข้ออ้างในปัจจุบันและอดีตทำให้มนุษย์และผู้เชื่อหลงคิดและเห็นพ้องไปกับมัน
ผลของการหลงไปคือ การเปรียบเทียบและเบนทิศทางในการเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้องของเราออกนอกเส้นทาง แต่นั่นแหละบางครั้งมารก็รู้ background ของเราไม่น้อยไปกว่าตัวเราเองแถมบางครั้งมันรู้ดีด้วยซ้ำ บางครามันไม่ได้ทำให้เราหลงเสียทีเดียวเพราะมันก็มีข้อเสนอในการดึงเวลาให้เชื่องช้าลงหรือชลอการตอบสนองพระเจ้าของเราก็เพียงพอ เพราะหากเราคลาดเคลื่อนจากเวลาของพระเจ้าแค่นี้เราก็คลาดจากเป้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แทนจะได้100 ก็รับได้แค่60 หรือ 30 ในทำนองนี้
เหตุใดที่มารหลอกล่อเราได้หรือ??
ตั้งแต่ในสวนเอเดน เอวาได้มอบสิทธิแห่งความพึงพอใจและภาคภูมิใจในสิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่เขากับมารซาตาน เขาสามารถครอบครองทุกสิ่งได้ยกเว้นเพียงต้นไม้ต้นเดียวเท่านั้นที่หมดสิทธิ นั่นคือ เขาไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิได้เลย ทั้งที่อาณาเขตการครอบครองของเขากว้างใหญ่ไพศาล แต่สิ่งเพียงเล็กน้อยนั้นได้เกิดขึ้นตำตาในบริเวณการครอบครองของเขา เขาละเมิดสิทธินั้นด้วยการคิดและหลงลืมตัวไปว่าตัวเองเป็นเจ้าของและมีสิทธิทุกสิ่ง โดยละทิ้งพระองค์ผู้มอบสรรพสิ่งให้กับเขาโดยสิ้นเชิง ท้ายที่สุดเขาก็แสดงความอยากภายในของตัวเองด้วยการแย่งเอาต้นไม้นั้นเข้ามาไว้ในการครอบครองของตนเอง…. แต่ อะไรก็ตามที่พระเจ้าไม่ได้ให้กับเรา…. มันก็ยังคงไม่ใช่ของเราอยู่นั่นเอง แม้เขากินผลไม้นั้นได้ก็จริงแต่สุดท้ายเขากลับเสียสิทธิแห่งการครอบครองสรรพสิ่งในเอเดน
มารซาตานมักทำให้เรารู้สึกอยากได้ อยากมี อยากเป็น ในสิ่งที่เราไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นเสมอ ท่ามกลางความจริงที่เราเองก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราได้นั้นไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร เป็นความภาคภูมิที่เราสามารถอวดได้ว่าเหมาะสมกับเราเป็นที่สุด….
แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการภายในได้ หากไม่เรียนรู้ที่จะควบคุม เพราะไม่ว่าอย่างไรมารก็ยังคงทำงานของมันอยู่ร่ำไปและไม่หยุดยั้งที่จะล่อหลอกมนุษย์อันเป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราต่างหากต้องควบคุมความคิดและจิตใจให้มั่นคงและแน่วแน่ว่าพระเจ้าไม่เคยผิดพลาด พระองค์ย่อมนำสิ่งที่เรียกว่า “ดีที่สุดสำหรับเรา เหมาะที่สุดเพื่อเรา” ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับคนอื่นและมันจะเป็นของเราได้ด้วยเช่นกัน
โลกปัจจุบันการขายของ ขายบนความขาดในสิ่งที่คนไม่มี จึงขายได้ดี เช่น คนผมตรงก็ขายการดัดผม คนผมหยิกก็ขายการยืด คนผมดำก็ขายการทำสีผม คนผมมีสีก็ขายการทำให้ผมดกดำ ลองสังเกตจากตัวเราเองว่ามักอยากได้ในสิ่งที่เรามีอยู่แล้วหรือว่าอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นมี… เรามักอยากเป็นในสิ่งที่เราถูกเรียกหรืออยากเป็นอย่างที่คนอื่นเขาเป็นแล้วดูดีจังเลย…
หากเราเพียงพอและพึงพอใจกับสิ่งที่เรามีและเป็นเพื่อพัฒนาตนเองสู่สิ่งที่ควรครอบครองตามการทรงเรียกของพระเจ้าแล้วหละก็ *** นั่นคือ เราได้ปิดทุกช่องประตูแห่งการหลอกลวงนี้ของมารซาตานเสียแล้ว *** แต่หากเรายังคงเป็นคนที่อยากนั่น อยากนี่ ที่สวนทางกับวิถีชีวิตปกติและการทรงเรียกของเรานั่นแสดงว่าเราได้แง้มประตูและเปิดโอกาสให้การหลอกล่อเข้ามาเมื่อไรก็ได้
โลกนี้มีความสวยงามเพราะความแตกต่างต่างก็อวดโฉมของตนเองในแบบที่สุดๆ แต่ความงามเหล่านี้คงจืดชืดและน่าเบื่อ หากทุกสิ่งบนโลก ทุกคนบนแผ่นดินเหมือนกันแป๊ะ สิ่งที่ดูดีในคนอื่นมันอาจดูแย่มากหรือเฉยๆเมื่ออยู่กับเราก็เป็นได้ สิ่งที่ดีในเราคนอื่นก็ต้องอิจฉาเช่นกันเพราะเมื่ออยู่ในมือเขามันก็งามไม่ได้เท่าอยู่กับเรา นี่แหละการทรงสร้างแท้จริงของพระเจ้า คือความสวยงามแห่งการบรรจงสร้างแต่ละสิ่งมาเป็นอย่างดี พระเจ้าทรงเอาใจใส่ทุกรายละเอียดที่เป็นเรา ที่เราต้องขาดเพื่อให้พระองค์เติม ที่เรายังไม่มี ยังไม่ได้ เพราะพระองค์เตรียมสิ่งที่ดีแสนดีเพื่อเราอยู่ข้างหน้า นี่ต่างหากคือเป้าหมายของการก้าวเดินไปคว้ามัน
หากเราใช้ความอยากของเราในการพัฒนาตัวเองให้เร่งฝีเท้าไปให้ใกล้กับสิ่งที่พระเจ้าเตรียมให้เราในแต่ละช่วงชีวิตแล้วหละก็… ♥ ♥ ♥ ความสุขจะไม่พรากจากเรา แม้แต่ช่วงชีวิตเดียว เปรียบเหมือนการเล่นเกมเก็บเหรียญไม่มีใครสนใจเก็บหรือวิ่งเข้าชนสิ่งที่ไม่ให้คะแนนและไม่มีใครนิยมวิ่งย้อนหลังกลับมาเก็บในสิ่งที่ไม่ใช่คะแนนอีกเช่นกัน เพราะมันต้องแข่งกับเวลา ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตเราต้องเก็บแต่สิ่งที่สร้างคะแนนของตัวเองบนแผ่นดินสวรรค์และต้องเร่งทำเวลาเพื่อจะได้รับรางวัลได้รวดเร็ว และจะมีคะแนนพิเศษสำหรับการไปทันเวลา
ลองคิดดู หากคนจนอยากเป็นคนรวย แต่ลักษณะวิถีชีวิตของเขาไม่ชอบการอ่าน การเรียน ไม่นิยมการแข่งขัน ไม่รักการสุงสิงกับสังคมแล้วหละก็ แม้เขาได้เป็นคนรวยจริง เขาจะต้องฝืนชีวิตและทุกข์หนักเพียงใดกับสิ่งที่ไม่ใช่ตนเอง…
หรือหากคนๆนึงมีอยากเป็น ศิษยาภิบาลเหมือนอย่างอีกคน ในขณะที่ต้องทุ่มเทสละเวลาในการดูแลสมาชิก ต้องเตรียมคำเทศนาศึกษาทุกแขนงเพื่อจะกลั่นกรองให้ได้คำเทศน์แต่ละครั้ง เวลาที่สมาชิกมีปัญหา แม้ยามดึกดื่นก็ต้องสละเวลาส่วนตัวในการดูแล หรืออะไรอีกมาก แต่หากพระเจ้าไม่ได้เรียกก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ เพราะการทรงเรียกมักนำความสุขและความสำเร็จมาถึงผู้ที่ทำด้วย
? จะเป็นการดีแค่ไหนที่เราไม่ต้องเป็นเหมือนคนอื่น ไม่ต้องแบกรับภาระหน้าที่แบบคนอื่น แต่จะเป็นการดีกว่าสักเพียงใดที่เราจะได้รับพระพรในส่วนที่เป็นของเรา และรับผิดชอบกับมันอย่างเต็มที่ ไม่มีแรงกดดันที่เกิดจากสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่เป็นแรงผลักดันจากเป้าหมายของเราเอง ไม่มีการเปรียบเทียบเพราะคนที่คว้าชัยชนะของตนเองตามที่พระเจ้าเรียก *** คนเดียวที่เขาจะแข่งด้วย … คือ … ตัวเองเท่านั้น *** และความสุขแห่งการช่วยเหลือ พระคุณตลอดเส้นทางจะหลั่งไหลเข้ามาจนกระทั่งเป็นสิทธิอำนาจหรือที่เรียกว่าเกิดผลนั่นเอง
บทสรุป
เราควรภูมิใจในทุกสิ่งที่พระองค์มอบให้กับเรา และทุ่มความอยากมี อยากเป็น อยากได้ ให้กับทุกสิ่งที่นำเราไปสู่เป้าหมายแห่งการเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเราเป็นพอ … เพียงเท่านี้เราก็จะไม่พลาดตกลงไปในหลุมที่มารมักหลอกล่อ และที่สำคัญสิ่งเหล่านี้มักโผล่มาเป็นพักๆ เช่นเดียวกับที่ต้นไม้ต้นนั้นก็อยู่ในสวนเอเดนนั่นแหละ สิ่งที่เราต้องทำคือควบคุมตนเองให้ได้ เราคงตัดความอยากทิ้งไปไม่ได้ เพราะเราอยู่ในกายเนื้อ แต่เราควรใช้มันเพื่อชีวิตที่เป็นสุขและเต็มที่กับสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จริง
311212